สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1387 บุรุษตระกูลไป๋
ตอนที่ 1387 บุรุษตระกูลไป๋
ควันประกอบอาหารจากแผงลอยขายอาหารเช้าลอยฟุ้งกลางอากาศ โต๊ะในกระโจมผ้าใบที่กางไว้สำหรับนั่งรับประทานอาหารเต็มไปด้วยผู้คนทุกโต๊ะ ชาวบ้านรับประทานอาหารเช้าพลางสนทนากันด้วยความครื้นเครง เสียงร้องเรียกแขกของพ่อค้าดังผสมผสานกับเสียงสนทนาเรื่องสงครามแห่งชัยชนะของต้าโจวจากชาวบ้าน ตลาดตอนเช้าดูคึกคักยิ่งนัก
ลูกสุนัขเฝ้าบ้านที่ถูกเจ้าของปล่อยออกมาเดินเล่นตั้งแต่เช้าเดินเข้าไปใช้จมูกดมปลายขาของคนที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ตามแผงลอยราวกับกำลังตามหาเศษอาหารที่ร่วงหล่นตามพื้น เจ้าของร้านชูกระบวยในมือขึ้นขับไล่จนสุนัขรีบวิ่งหางจุกตูดไปด้วยความตกใจ ชาวบ้านที่เหตุการณ์ต่างพากันหัวเราะอย่างขบขัน พวกเขาเปรียบแคว้นเทียนเฟิ่งที่เพิ่งจากไปกับลูกสุนัขตัวเมื่อครู่
ขุนนางเทียนเฟิ่งที่ยังไม่ได้จากไปและแฝงตัวอยู่ในกลุ่มชาวบ้านเพื่อรอลูกศิษย์จอมเวทย์ของแคว้นเทียนเฟิ่งได้ยินชาวบ้านนำแคว้นเทียนเฟิ่งไปเปรียบเทียบกับลูกสุนัขจึงรู้สึกเดือดดาลยิ่งนัก ทว่า เขารู้ว่านี่คือแผ่นดินของต้าโจว เขาจะก่อความวุ่นวายขึ้นไม่ได้จึงได้แต่อดกลั้นไว้เท่านั้น ทว่า สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก
เมื่อคุณชายและคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์รู้วันกลับมาที่แน่นอนของกองทัพพวกเขาจึงจองห้องส่วนตัวบนหอสุราเอาไว้เพราะไม่อยากไปยืนเบียดกับชาวบ้านที่ด้านล่าง ทุกคนนัดสหายของตัวเองมานั่งจิบชาสนทนารอการกลับมาของกองทัพในห้องส่วนตัวเพราะอยากยลรูปโฉมและความองอาจของบรรดาคุณชายและคุณหนูตระกูลไป๋
ต่งซือยืนกุมมือไป๋ชิงเหยียนแน่นรออยู่บนประตูเมืองทิศใต้พลางมองไปทางเบื้องหน้าตลอดเวลา
“เหตุใดยังไม่มาอีก พวกเขาส่งจดหมายมาบอกว่าจะมาถึงตอนประตูเมืองเปิดไม่ใช่หรือ” ฉีซื่อเริ่มร้อนใจ
“นั่นนะสิ…” ฮูหยินสามหลี่ซื่อชะเง้อหน้ามองไปยังเบื้องหน้าซึ่งไกลออกไป “เกิดเรื่องอันใดขึ้นระหว่างทางหรือไม่นะ”
“อาอวี๋แค่บอกเวลาคร่าวๆ ที่จะมาถึงเท่านั้น เวลาเดินทางจริงอาจล้าช้ากว่าที่กำหนดก็ได้” แม้ต่งซื่อจะร้อนใจเช่นเดียวกัน ทว่า นางยังคงเอ่ยปลอบบรรดาน้องสะใภ้ของตัวเอง
ฮูหยินสองหลิวซื่อไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดออกมา นางมาต้อนรับบุตรสาวของตัวเองกลับบ้าน ทว่า นางก็อยากมายืนต้อนรับอาฉยง อาเวิน อาฮุย อาเฟิงของนางกลับบ้านเช่นเดียวกับสะใภ้คนอื่นเหมือนกัน
บัดนี้มีเพียงครอบครัวนายท่านสองของนางเท่านั้นที่ไม่มีข่าวคราวของบุรุษในครอบครัวเลย
หลิวซื่อรู้ดีว่านางควรอดทนรอให้มากกว่านี้ ไม่แน่บุตรชายของนางอาจได้รับบาดเจ็บหนักจนยังไม่สามารถกลับมาได้ บางทีหนึ่งในพวกเขาอาจได้รับบาดเจ็บที่ขาจนพิการเช่นเดียวกับอาอวิ๋นและกำลังรักษาตัวอยู่ที่เมืองใดเมืองหนึ่ง บางที่พวกเขาอาจอยู่ในป่าทึบจึงไม่รับรู้ข่าวคราวของพี่หญิงของพวกเขา หรือบางทีพวกเขาอาจได้รับความกระทบกระเทือนที่ศีรษะจนจำความไม่ได้แล้วก็ได้
สามีของนางต้องคอยปกป้องบุตรชายของพวกนางอยู่บนสวรรค์แน่นอน บุตรชายของพวกนางต้องอยู่ที่ใดสักที่ในใต้หล้าแห่งนี้ สักวันหนึ่งพวกเขาต้องกลับมาหานางแน่นอน
ตอนนี้ดวงอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออก
แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ส่องขนานกับเส้นขอบฟ้า ธงเฮยฟานไป๋หมั่งมากมายนับไม่ถ้วนที่กำลังโบกสะบัดกลางสายลมปรากฏแก่สายตาของทุกคน
ไป๋ชิงอวี๋สวมชุดเกราะสีเงินขี่ม้าศึกสีดำนำอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน ไป๋ชิงฉี ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋ชิงเจวี๋ย ไป๋ชิงอวิ๋น ไป๋จิ่นจื้อ ไป๋จิ่นเจา ไป๋จิ่นหวาและไป๋จิ่นเซ่อสวมชุดเกราะขี่ม้าอยู่ด้านข้างไป๋ชิงอวี๋
คุณชายและคุณหนูของตระกูลไป๋ที่สวมชุดเกราะเต็มยศถือหอกหรือดาบด้วยมือข้างหนึ่งด้วยท่าทีองอาจสง่างาม พวกเขาเด่นสง่าท่ามกลางทหารในกองทัพ น่าเกรงขามราวกับเทพแห่งสงครามที่เพิ่งได้รับชัยชนะกลับมาจากสนามรบ
ไม่มีผู้ใดคิดเลยว่าจะได้เห็นหน้าบุรุษตระกูลไป๋กลับมายังเมืองหลวงด้วยชัยชนะอีกครั้งหลังจากเกิดสงครามที่หนานเจียง
ทุกคนในเมืองหลวงล้วนคิดว่าตระกูลที่รุ่งเรืองมานับร้อยปีอย่างตระกูลไป๋คงกลายเป็นเพียงตำนานในประวัติศาสตร์ไปแล้ว
ผู้ใดจะคิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น แม่ทัพของตระกูลไป๋ทุกคนพากองทัพไป๋ กองทัพต้าโจวบุกไปทำลายล้างซีเหลียงเพื่อขยายอาณาเขตของต้าโจวให้กว้างขวางและยิ่งใหญ่กว่าเดิม
ผู้ใดจะคิดว่าตระกูลไป๋ซึ่งเป็นตัวแทนของความจงรักภักดี ความซื่อตรงและทรงคุณธรรมจะทำให้แคว้นเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าราชวงศ์ก่อนเช่นนี้
ผู้ใดจะคิดว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้เห็นภาพบุรุษตระกูลไป๋กลับมาพร้อมชัยชนะเช่นนี้อีกครั้ง ผู้ใดจะคิดว่าพวกเขาจะได้มีโอกาสเห็นหน้าบุรุษตระกูลไป๋ที่มากความสามารถและโดดเด่นที่สุดในเมืองหลวงอีกครั้ง
“มากันแล้ว!” ต่งซื่อบีบมือบุตรสาวแน่นด้วยความตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่อยู่ “มาแล้ว!”
เมื่อฮูหยินห้าฉีซื่อของตระกูลไป๋เห็นหน้าบุตรชายของตัวเองน้ำตาของนางไหลพรากออกมาไม่ขาดสายทันที ฮูหยินสี่หวังซื่อเปล่งเสียงร้องไห้ออกมา ฮูหยินสามหลี่ซื่อคอยช่วยประคองร่างของฮูหยินสี่เอาไว้ เดิมทีนางอยากยิ้มออกมา ทว่า ไม่รู้เพราะเหตุใดน้ำตาจึงไหลออกมาทั้งๆ ที่ควรยิ้มมากกว่าเช่นนี้
ฮูหยินสองหลิวซื่อที่ปกติเป็นคนร่าเริงที่สุดกลับยืนก้มหน้าเช็ดน้ำตานิ่ง นางได้แต่ภาวนาขอร้องให้สวรรค์ส่งบุตรชายของนางกับท่านพี่สองกลับมาเช่นเดียวกัน
ไป๋ชิงเหยียนยืนมองบรรดาน้องชายและน้องสาวของตัวเองซึ่งสวมชุดเกราะสีเงินสะท้อนแสงไฟอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ หญิงสาวยกยิ้มมุมปากน้อยๆ นางเหมือนจะมองเห็นภาพเหตุการณ์ตอนที่ท่านปู่พาท่านพ่อ ท่านอาและบรรดาน้องชายของนางกลับมาพร้อมชัยชนะผ่านดวงตาที่พร่ามัวด้วยน้ำตา
ตอนนี้นางสามารถบอกท่านปู่ ท่านพ่อและท่านอาทุกคนได้แล้วว่าทายาทของตระกูลไป๋รุ่นนี้ไม่ได้ทำให้ตระกูลไป๋ผิดหวัง บัดนี้น้องชายและน้องสาวของนางทุกๆ คนแบกรับภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งได้ด้วยตัวเองแล้ว ทุกคนสามารถยกธงเฮยฟานไป๋หมั่งที่หนักอึ้งของตระกูลไป๋ขึ้นได้ด้วยตัวเองแล้ว
พวกเขาผ่านความเสียใจและยากลำบากมามาก ทว่า บุรุษตระกูลไป๋ไม่เคยสิ้นหวัง พวกเขามีความอดทน พวกเขาไม่เคยทำผิดต่อคำสั่งสอนของตระกูลไป๋
ไป๋ชิงอวี๋ที่ไม่ได้สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าที่แท้จริงของตัวเองอีกต่อไปมองเห็นมารดา พี่สาวและบรรดาอาสะใภ้ของตัวเองจากที่ไกลๆ ลำคอของเขาร้อนผ่าว ขอบตาแดงก่ำขึ้นทันที
เขามองเห็นมารดาและอาสะใภ้ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยความดีใจ พี่หญิงของเขายืนมองพวกเขาจากบนกำแพงเมืองนิ่ง…
พี่หญิงของเขาคือภูเขาที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาพี่น้อง นางมักจะยืนอยู่เบื้องหลังของพวกเขาเพื่อคอยปกป้องพวกเขาตลอดเวลา
ไป๋ชิงอวี๋รู้ดีว่าว่าพี่หญิงของเขาเหมาะที่จะอยู่ในสนามรบ นางคือเสี่ยวไป๋ไซว่ที่ไม่เคยวางแผนผิดพลาดมาก่อนของกองทัพไป๋ พี่หญิงของเขาโดดเด่นและเปล่งประกายที่สุดยามอยู่ในสนามรบ พี่หญิงของเขาคือคนที่ไม่เคยรบพ่ายแพ้อย่างแท้จริง!
บัดนี้พี่หญิงของเขาขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินี พี่หญิงของเขาอยู่ในเมืองหลวงเพื่อคอยปกป้องชาวบ้านเหมือนที่บรรพบุรุษตระกูลไป๋ทุกรุ่นเคยทำ พี่หญิงใหญ่ของเขาอยู่บนบัลลังก์เพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นกับตระกูลไป๋อีกครั้ง
ตอนไป๋ชิงอวี๋ยังเด็กเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านปู่จึงตั้งกฎให้บุตรอนุปกป้องบุตรภรรยาเอก เหตุใดท่านปู่ของเขามักย้ำกับพี่หญิงอยู่เสมอว่านางเป็นบุตรภรรยาเอกคนโตที่สุดของตระกูล
ตอนนี้เมื่อเห็นพี่หญิงไป๋ชิงอวี๋จึงรู้แล้วว่าเหตุใดท่านปู่ของเขาจึงย้ำเช่นนั้น เพราะท่านปู่ของเขาต้องการให้บุตรคนโตของภรรยาเอกช่วยดูแลและปกป้องตระกูลไป๋ต่อไป
“เร็ว รีบไปต้อนรับเด็กพวกนั้นเร็วเข้า!” ฮูหยินสี่หวังซื่อรีบร้อนอยากลงไปจากกำแพงเมือง ทว่า เมื่อหมุนตัวกลับจึงนึกได้ว่าอาจเสียมารยาทจึงรีบหันไปทำความเคารพต่งซื่อ “พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเรารีบลงไปรับเด็กๆ เถิดเจ้าค่ะ”
“ได้ พวกเราลงไปรับพวกเด็กๆ กัน” ต่งซื่อกุมมือไป๋ชิงเหยียน “พวกเราไปรับน้องชายและน้องสาวของเจ้ากัน!”