สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1383 รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
ตอนที่ 1383 รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
ต่อให้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นจะพยายามยับยั้งชั่งใจเพียงใดก็ไม่สามารถปรับสีหน้าให้ราบเรียบได้เหมือนตอนแรก ตอนนี้สีหน้าของเขายังคงบึ้งตึงอยู่
“เช่นนั้นก็เจรจาเถิด” ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางหลิ่วหรูซื่อ “ใต้เท้าหลิ่ว…”
“กระหม่อมรับบัญชา กระหม่อมจะทำให้สุดความสามารถพ่ะย่ะค่ะ” หลิ่วหรูซื่อกล่าว
ชุนเถาเปลี่ยนน้ำชากาใหม่ให้ไป๋ชิงเหยียน จากนั้นถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เช่นนั้นรบกวนจักรพรรดิเทียนเฟิ่งอยู่ที่ต้าโจวต่ออีกสักพัก หากต้องการสิ่งใดสามารถบอกกับต่งซือถูได้ทันที ต้าโจวจะพยายามทำให้เทียนเฟิ่งรู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้านของตัวเองให้ได้มากที่สุด”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นลุกขึ้นยืนกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนหน้าตึง “ขอบคุณจักรพรรดินีต้าโจวมาก เรื่องการเจรจาปล่อยเป็นหน้าที่ของเหล่าขุนนาง ไม่ทราบว่าจักรพรรดินีต้าโจวพอมีเวลาสนทนากับข้าเป็นการส่วนตัวบ้างหรือไม่”
“ย่อมมีอยู่แล้ว” ไป๋ชิงเหยียนยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ “ทว่า หากจักรพรรดิเทียนเฟิ่งมีสิ่งใดจะกล่าวกับข้าเชิญกล่าวมาตอนนี้ได้เลย ข้าและขุนนางในราชสำนักต้าโจวไม่มีความลับต่อกัน ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเล่าให้พวกเขาฟังอีกรอบ”
ไป๋ชิงเหยียนเหมือนจะได้ยินเสียงกระดูกจากนิ้วมือของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นที่กำแน่นจนเกินไป
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไม่เคยลดตัวขอร้องผู้ใดถึงเพียงนี้มาก่อน
เขาคือจักรพรรดิของแคว้นเทียนเฟิ่ง คือคนที่มีตำแหน่งสูงสุดของแคว้น! ไม่เคยมีผู้ใดปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้มาก่อน!
“ข้าอยากสนทนาเป็นการส่วนตัว หากจักรพรรดินีไม่เต็มใจก็ช่างมันเถิด…” สีหน้าของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นย่ำแย่กว่าเดิม
“เรื่องส่วนตัวอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม “เชิญจักรพรรดิเทียนเฟิ่ง…”
สีหน้าของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นอ่อนลงเล็กน้อย เขาก้มศีรษะให้ไป๋ชิงเหยียนน้อยๆ ทั้งสองคนเดินจากไป ปล่อยให้หลู่ไท่เว่ยเป็นคนควบคุมราชสำนักต่อ
ไป๋ชิงเหยียนพาซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไปยังตำหนักข้างๆ นางสั่งให้เว่ยจงยกเตาผิงดินเหนียวเข้าไปด้านใน จากนั้นชงชาให้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นด้วยตัวเอง ไป๋ชิงเหยียนโบกมือไล่ให้เว่ยจงและคนอื่นๆ ออกไป จากนั้นนั่งคุกเข่าลงบนเบาะแล้วกล่าวขึ้น “หากจักรพรรดิเทียนเฟิ่งแค่มาเจรจาเรื่องการเปิดตลาดการค้าเสรีกับต้าโจวก็คงไม่เสียหน้าอย่างที่เป็นเมื่อครู่”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไม่คิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะกล่าวออกมาอย่างเปิดเผยด้วยเสียงราบเรียบเช่นนี้ เขาเริ่มตั้งรับไม่ทัน
น้ำเสียงของหญิงสาวไม่ได้กดดันเหมือนตอนอยู่ในตำหนักใหญ่ นางสนทนาราวกับพวกเขาเป็นเพียงสหายธรรมดา เมื่อครู่พวกเขาทะเลาะกันรุนแรง ตอนนี้เมื่อสองฝ่ายสงบลง นางจึงกล่าวถ้อยคำอ่อนลงก่อน ทว่า ถ้อยคำยังคงแฝงไปด้วยความแข็งกร้าวเช่นเดิม
ไป๋ชิงเหยียนใช้ผ้าเช็ดหน้ายกกาน้ำชารินให้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น ดันถ้วยชาไปตรงหน้าเขา จากนั้นเงยหน้าขึ้นมอง “ข้าคือจักรพรรดินีของต้าโจว ข้าต้องปกป้องแคว้นและชาวบ้านของข้า หากแคว้นเทียนเฟิ่งไม่คิดเข้ามายุ่งวุ่นวายกับต้าโจว ต้าโจวยินดีเห็นพวกท่านเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ทว่า หากพวกท่านอยากรุกรานต้าโจว คิดเปลี่ยนชาวบ้านต้าโจวเป็นทาสของพวกท่านให้ได้ ข้าก็จะไม่มีวันยอมให้ท่านทำสำเร็จเด็ดขาด ท่านเข้าใจความหมายของข้าใช่หรือไม่”
คำกล่าวนี้ดูเหมือนจะเป็นคำกล่าวที่เปิดเผยและจริงใจมาก
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นจ้องมองน้ำชาในถ้วยชานิ่ง เขาเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง เดิมทีเขาอยากกล่าวเย้ยหยันว่าจักรพรรดินีที่เพิ่งขึ้นครองบัลลังก์กลางคันอย่างไป๋ชิงเหยียนเรียนรู้วิธีการใช้วาจาหลอกล่อใจคนของจักรพรรดิแล้ว เขาอยากบอกนางว่าเสียดายที่เขาไม่ใช่ขุนนางของต้าโจว
ทว่า เมื่อเงยหน้าขึ้นซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกลับเห็นดวงตาที่บริสุทธิ์ชัดเจนของไป๋ชิงเหยียน
“ฟังจากคำกล่าวของจักรพรรดินีต้าโจวดูเหมือนท่านจะเป็นคนที่รักความสงบ ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดจึงไม่อยู่กับต้าเยี่ยนอย่างสงบสุข เหตุใดต้องแข่งขันกับต้าเยี่ยนเพราะอยากได้ดินแดนของพวกเขาด้วย” น้ำเสียงของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นแฝงไปด้วยความเย้ยหยันเล็กน้อย
ไป๋ชิงเหยียนเห็นท่าทีของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นจึงหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอายุเท่าใดแล้ว”
“ว่าอย่างไรนะ”
“ท่านอายุเท่าใดแล้ว เป็นจักรพรรดิมาแล้วกี่ปี ท่านคิดว่าข้าแข่งขันกับต้าเยี่ยนเพราะอยากได้ดินแดนของต้าเยี่ยนอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “ดังนั้นท่านจึงเป็นได้เพียงจักรพรรดิของเทียนเฟิ่ง ไม่มีทางเป็นจักรพรรดิของใต้หล้าได้”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกำหมัดแน่น จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำกล่าวของจอมเวทย์ขึ้นมา…
จอมเวทย์กล่าวว่าเจ้าของดินแดนที่เทพเจ้าเลือกไม่ใช่เทียนเฟิ่ง…และไม่ใช่เขา
วันนี้ไป๋ชิงเหยียนก็กล่าวถ้อยคำเช่นนี้เหมือนกัน ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นรู้สึกเดือดดาลมาก
“สองแคว้นเดิมพันกันเพราะอยากให้สองแคว้นกลายเป็นหนึ่งโดยสันติวิธี มีเพียงการทำเช่นนี้ใต้หล้าจึงจะมีแต่ความสงบที่แท้จริง พวกเราเดิมพันกัน…โดยการส่งคนของแต่ละแคว้นไปผลักดันระบอบการปกครองในอีกแคว้น เช่นนี้เมื่อแคว้นใดแคว้นหนึ่งชนะ เมื่อสองแคว้นรวมเป็นหนึ่งจะได้รวมการปกครองของสองแคว้นเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างราบรื่น” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น “พวกเราเดิมพันแคว้นเพื่อความสงบสุขของชาวบ้านและใต้หล้า ทว่า แคว้นเทียนเฟิ่งรุกรานแคว้นอื่นเพราะต้องการจับชาวบ้านของแคว้นนั้นๆ มาเป็นทาสให้ชาวเมืองแคว้นเทียนเฟิ่งได้อยู่อย่างสุขสบายเหนือแคว้นอื่น ข้ากล่าวถูกหรือไม่”
“กล่าวเหมือนมีคุณธรรมยิ่งใหญ่” ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกำหมัดแน่น แสดงท่าทีไม่เชื่อออกมา “ก็แค่ข้ออ้างเท่านั้น! ตอนที่เทียนเฟิ่งของพวกข้าทำลายล้างแคว้นอื่นก็เคยใช้ข้ออ้างเช่นนี้เหมือนกัน ตอนนี้ต้าโจวแข็งแกร่งกว่า หากต้าโจวชนะก็ดีไป ทว่า หากต้าโจวพ่ายแพ้…พวกท่านแน่ใจว่าจะไม่ใช้กำลังทหารต่อสู้อย่างนั้นหรือ”
“ส่วนแคว้นต้าเยี่ยน…” ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นหัวเราะออกมาเบาๆ “ตอนนี้ต้าเยี่ยนถูกต้าโจวบีบจนจำต้องก้มศีรษะให้ ทว่า หากสามปีหลังจากนี้เขาสร้างตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง หากต้าเยี่ยนพ่ายแพ้…พวกเขาจะยอมยกแคว้นให้ต้าโจวอย่างเต็มใจอย่างนั้นหรือ”
“ข้าไม่กล้ารับประกันแทนต้าเยี่ยน ทว่า ต้าโจวไม่มีทางกลับคำแน่นอน” ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “จักรพรรดิเทียนเฟิ่งกล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่”
“ข้าคือจักรพรรดิของแคว้นเทียนเฟิ่ง ข้าไม่กล้านำแผ่นดินของบรรพบุรุษมาเดิมพันแน่ อีกอย่างข้าไม่ได้ชอบการพนันเช่นเดียวกับจักรพรรดินีต้าโจว” ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกล่าวเสียงจริงจัง
“เรื่องนี้จักรพรรดิเทียนเฟิ่งสู้จักรพรรดิองค์น้อยของต้าเยี่ยนไม่ได้จริงๆ” ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยชาขึ้น “จักรพรรดินีที่เพิ่งขึ้นครองราชย์อย่างข้าไม่มีภาระหนักอึ้งที่บรรพบุรุษฝากฝังไว้ ข้ามีเพียงศรัทธาแรกเริ่มที่ต้องการปกป้องแคว้นและชาวบ้านของบรรพบุรุษตระกูลไป๋ ส่วนจักรพรรดิองค์น้อยของต้าเยี่ยนซึ่งเกิดในตระกูลมู่หรงก็กล้าเดิมพันเพื่อชาวบ้านของเขา จักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งที่เห็นเพียงผลประโยชน์และความสุขสบายอย่างท่านช่างน่าสมเพชยิ่งนัก”
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าดื่มน้ำชาในถ้วย ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกำหมัดแน่นเมื่อได้ยินประโยคที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่าเขาสนใจเพียงผลประโยชน์และความสุขสบาย
“ไม่ทราบว่าจักรพรรดิเทียนเฟิงมีเรื่องส่วนตัวอันใดจะคุยกับข้าอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนดื่มชาจนหมดถ้วย
“ที่ท่านจัดการกับเชื้อพระวงศ์เก่าจนหมดสิ้นอำนาจหลังจากขึ้นครองราชย์เป็นเพราะต้องการผลักดันระบอบการปกครองใหม่เท่านั้น ไม่ได้ทำเพื่ออำนาจอย่างนั้นหรือ” ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไม่ตอบ ทว่า เอ่ยถามต่อ “ข้าไม่เชื่อว่าใต้หล้าแห่งนี้จะมีคนที่ไม่หลงใหลในอำนาจ!”
“ก่อนพบกับแคว้นเทียนเฟิ่งข้าก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีแคว้นที่เห็นความสำคัญของสัตว์เดรัจฉานมากกว่ามนุษย์ด้วยกันเองถึงขนาดสร้างเสื้อเกราะให้พวกมันแข็งแกร่งกว่าอาวุธที่ทหารในแคว้นใช้ต่อสู้กับศัตรูด้วยซ้ำ!”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกำหมัดแน่น เขาไม่เสแสร้งทำตัวเป็นคนมีคุณธรรมอีกต่อไป เขากล่าวกับไป๋ชิงเหยียนอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรก “เป็นเพียงแค่ทาสกลุ่มหนึ่งเท่านั้น พวกมันจะมีค่ามากกว่าช้างศึกเหล่านั้นได้อย่างไรกัน!”