สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1373 แสดงออกทางการกระทำ
ตอนที่ 1373 แสดงออกทางการกระทำ
เว่ยจงกลับไปรายงานไป๋ชิงเหยียนที่วังหลวงว่าพวกของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นเดินทางมาถึงเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อใด จากนั้นถ่ายทอดคำกล่าวของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นให้ไป๋ชิงเหยียนฟังอย่างไม่ตกหล่น เขากล่าวกับไป๋ชิงเหยียนด้วยความเป็นกังวล “ฝ่าบาท จักรพรรดิเทียนเฟิ่งมาเมืองหลวงด้วยจุดประสงค์บางอย่าง เกรงว่าเขาอาจพุ่งเป้ามาที่ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“เขาจะยอมสละตำแหน่งจักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนเฟิ่งมาเป็นสามีของข้าหรืออย่างไรกัน” ไป๋ชิงเหยียนเห็นท่าทีเคร่งเครียดของเว่ยจงจึงหัวเราะออกมาเบาๆ นางใช้ด้ามพู่กันชี้ไปทางหยกจักจั่นซึ่งวางอยู่ที่มุมโต๊ะ “เขาคงมาเพราะเรื่องหยกจักจั่นของเซียวหรงเหยี่ยนแน่”
เว่ยจงคิดแล้วก็เห็นด้วย ไม่ว่าอย่างไรซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นก็คือจักรพรรดิของแคว้นเทียนเฟิ่ง เขาจะยอมสละบัลลังก์ของตัวเองมาเป็นสามีของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวของพวกเขาอย่างนั้นหรือ คุณหนูใหญ่ของพวกเขาไม่มีทางทอดทิ้งต้าโจวไปเป็นฮองเฮาของแคว้นเทียนเฟิ่งแน่นอน เขาคิดมากเกินไปเอง
อาจเป็นเพราะคำกล่าวเมื่อครู่ของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นดูแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้งที่ทำให้คนเข้าใจผิดเกินไป เขากล่าวว่าอยากผูกไมตรีกับต้าโจว คิดถึงฝ่าบาทของพวกเขาเป็นอย่างมาก เว่ยจงจึงอดคิดไม่ได้ว่าซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นอาจมีใจให้ไป๋ชิงเหยียน ถึงไป๋ชิงเหยียนจะไม่ใช่จักรพรรดินีแห่งต้าโจว ทว่า ใบหน้าของนางงดงามยากจะหาผู้ในใดใต้หล้าเทียบเทียมได้
เมื่อเสิ่นซือคงได้ข่าวว่าไป๋ชิงเหยียนใช้งานหานเฉิงอ๋อง อีกทั้งสั่งให้เขานำทหารเรือที่ฝู่กั๋วอ๋องเคยฝึกฝนเดินทางไปที่เมืองติดชายทะเลตั้งแต่เมื่อวานจึงมาขอเข้าเฝ้าไป๋ชิงเหยียนตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง
ไป๋ชิงเหยียนที่เพิ่งนอนพักผ่อนได้ไม่นานหลังจากอ่านฎีกาถึงเกือบเที่ยงคืนได้ยินขันทีรายงานเว่ยจงอยู่นอกตำหนักว่าเสิ่นซือคงมาขอพบนาง
ไป๋ชิงเหยียนไม่ใช่คนหลับลึก แค่มีความเคลื่อนไหวที่ด้านนอกนางก็จะสะดุ้งตื่นทันที
“เว่ยจง…” ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้น
ชุนเถาซึ่งเป็นเวรเฝ้ายามในคืนนี้ได้ยินเสียงไป๋ชิงเหยียนจึงรีบแหวกม่านเข้ามาด้านใน “คุณหนูใหญ่ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ…”
เว่ยจงได้ยินเสียงเรียกจึงรีบเดินเข้ามาในห้อง เขามองเห็นไป๋ชิงเหยียนสวมผ้าคลุมนั่งอยู่บนเตียงผ่านฉากกั้นไม้หนานมู่อย่างเลือนรางจึงรีบทำความเคารพ “ฝ่าบาท บ่าวรบกวนเวลาบรรทมของฝ่าบาทหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เสิ่นซือคงมาอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนสวมเสื้อผ้าพลางเอ่ยถาม
ไป๋ชิงเหยียนพอจะเดาได้ว่าเสิ่นซือคงมาพบนางด้วยเหตุใด คงเป็นเพราะเรื่องที่หานเฉิงอ๋องเดินทางจากเมืองหลวงไปยังเมืองติดชายทะเลแน่นอน
“พ่ะย่ะค่ะ เขามารอที่นอกวังตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างพ่ะย่ะค่ะ”
“รีบไปเชิญเขาเข้ามา” ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่งชุนจือ “ให้โรงครัวทำขนมเปี๊ยะให้ด้วย เสร็จแล้วยกมาที่ห้องตำราได้เลย”
“เจ้าค่ะ!” ชุนจือสวมรองเท้าให้ไป๋ชิงเหยียนเสร็จเรียบร้อยจึงเดินออกไปด้านนอก
นางกำนัลและขันทีที่มีหน้าที่ปรนนิบัติไป๋ชิงเหยียนล้างหน้าแปรงฟันตอนเช้าทยอยถือกะละมังและอุปกรณ์จำเป็นเข้ามาด้านในให้ไป๋ชิงเหยียนล้างหน้าแปรงฟัน
ชุนเถาช่วยไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดในราชสำนัก นางรู้สึกสงสารที่คุณหนูใหญ่เพิ่งนอนหลับได้ครู่เดียวเท่านั้นก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกแล้ว ทว่า นางรู้ดีว่าคุณหนูใหญ่ของนางต้องทำเพื่อชาวบ้านทั่วทั้งแคว้นในฐานะจักรพรรดินี นางจึงได้แต่สงสารคุณหนูใหญ่อยู่ในใจเท่านั้น
ไป๋ชิงเหยียนแต่งกายเสร็จเรียบร้อย ทว่า นางไม่ได้สวมเครื่องประดับศีรษะเพราะยังไม่ถึงเวลาออกว่าราชการตอนเช้า เมื่อเดินไปถึงห้องตำราเสิ่นจิ้งจงก็เพิ่งมาถึงไม่นานเช่นเดียวกัน เมื่อเสิ่นจิ้งจงเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินเข้ามาจึงรีบทำความเคารพ “คารวะฝ่าบาท รบกวนเวลาบรรทมของฝ่าบาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“มิเป็นอันใด อีกครู่ก็เช้าแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนประคองเสิ่นจิ้งจงให้ลุกขึ้น “เสิ่นซือคงนั่งลงก่อน ท่านมาเช้าเช่นนี้คงยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้ามา ทานอาหารเช้าพร้อมข้าก่อนเถิด พวกเราทานไปพลางคุยกันไป”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เสิ่นจิ้งจงเคยชินกับนิสัยของไป๋ชิงเหยียนแล้วจึงไม่ได้ปฏิเสธ
ขันทียกโต๊ะเล็กเข้ามาวางไว้ตรงหน้าเสิ่นจิ้งจง จากนั้นนำขนมเปี๊ยะร้อนๆ มาให้
“เสิ่นซือคงทานเป็นเพื่อนข้าสักนิดเถิด…” ไป๋ชิงเหยียนผายมือเชิญเสิ่นจิ้งจง เสิ่นจิ้งจงโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวสิ่งที่ตัวเองข้องใจออกมา “ฝ่าบาท หานเฉิงอ๋องคือองค์ชายสามของแคว้นต้าเหลียงเก่า หากเขามีอำนาจทางทหารอยู่ในมือและคิดกบฏขึ้นมาอาจเกิดปัญหาใหญ่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“เสิ่นซือคง ในเมื่อข้ากล้าใช้คนผู้นี้ก็แสดงว่าข้ามีเหตุผลที่กล้าใช้เขา หานเฉิงอ๋องไม่ใช่คนไร้ความสามารถที่กลัวตาย เสิ่นซือคงอย่าถูกภาพลักษณ์ภายนอกของเขาหลอกเชียว”
“ฝ่าบาท กระหม่อมกลัวว่าฝ่าบาทจะถูกหานเฉิงอ๋องหลอกเพราะภาพลักษณ์ภายนอกและนิสัยที่เขาแสดงออกมาพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นจิ้งจงรู้สึกร้อนใจมาก
เสิ่นจิ้งจงรู้ข่าวนี้จึงรีบเดินทางไปหาหลู่ไท่เว่ย ทว่า เมื่อหลู่ไท่เว่ยฟังจบกลับไม่ใส่ใจเรื่องนี้ กล่าวเพียงว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนมองคนเก่ง ไม่ให้เขาเป็นกังวลเกินไปนัก ไป๋ชิงเหยียนกล้าใช้งานหานเฉิงอ๋องก็แสดงว่านางมั่นใจว่าสามารถควบคุมหานเฉิงอ๋องได้
เสิ่นจิ้งจงถูกโน้มน้าวให้กลับไปพักผ่อนที่จวน ทว่า เขานอนไม่หลับ ในที่สุดจึงตัดสินใจมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเพื่อกล่าวเรื่องนี้กับไป๋ชิงเหยียนก่อนประชุมราชสำนักในตอนเช้า
“เสิ่นซือคง ตั้งแต่แคว้นต้าโจวถูกสถาปนาขึ้นมา เสิ่นซือคงไม่เคยมากล่าวเรื่องในราชสำนักกับข้าเหมือนอย่างตอนนี้มาก่อน ข้าดีใจมากที่เสิ่นซือคงมา” ไป๋ชิงเหยียนเห็นสีหน้าร้อนใจของเสิ่นจิ้งจงจึงกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ข้าไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องที่ตัวเองควบคุมไม่ได้และไม่ใช่คนที่ระแวงสงสัยพวกเดียวกัน เสิ่นซือคง พวกเราเป็นจักรพรรดิและขุนนางกันมาพักใหญ่แล้ว หวังว่าครั้งนี้เสิ่นซือคงจะเชื่อมั่นใจตัวข้าอีกสักครั้ง หวังว่าเสิ่นซือคงจะแสดงความสามารถที่แท้จริงของตัวเองออกมาเสียที ไม่ต้องทำเพื่อข้าแต่ทำเพื่อชาวบ้านต้าโจวทุกคนที่จ่ายภาษีให้เสิ่นซือคง ข้าหวังว่าเสิ่นซือคงจะแสดงออกอย่างกล้าหาญทางการกระทำได้เหมือนกับหานเฉิงอ๋อง”
เสิ่นจิ้งจงเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่กลางห้อง เขาถูกไป๋ชิงเหยียนมองออกแล้วว่าเขาไม่ได้ใช้ความสามารถที่แท้จริงของตัวเองสนับสนุนไป๋ชิงเหยียนอย่างเต็มที่
เสิ่นจิ้งจงเคารพนับถือไป๋ชิงเหยียน เขาหวั่นไหวกับคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนอยู่หลายครั้ง ทว่า เขาไม่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดของตัวเองสนับสนุนไป๋ชิงเหยียนเหมือนที่หลู่ไท่เว่ยทำ
เสิ่นจิ้งจงรู้สึกละอายที่นั่งอยู่ในตำแหน่งซือคงนี้
“กระหม่อมเคยคิดว่าฝ่าบาทคือขุนนางที่จงรักภักดีของอดีตองค์รัชทายาทแห่งต้าจิ้น ฝ่าบาทจะสนับสนุนให้อดีตองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์แทนจักรพรรดิต้าจิ้น ทว่า ฝ่าบาทกลับขึ้นครองราชย์เสียเอง นี่เป็นสิ่งที่ขุนนางซึ่งรับใช้ราชสำนักต้าจิ้นมาหลายสิบปียังปรับตัวไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
แม้จะยังปรับตัวไม่ได้ ทว่า เสิ่นจิ้งจงไม่อยากเห็นความสงบสุขของชาวบ้านถูกทำลายลงอีกครั้ง เดิมทีเขาตั้งใจจะลาออกจากตำแหน่งหลังจากที่เรื่องทุกอย่างมั่นคง ทว่า การกระทำต่างๆ ที่ผ่านมาของไป๋ชิงเหยียนไม่ว่าจะเป็นการผลักดันระบอบการปกครองใหม่ การกำหนดเป้าหมายรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งให้ทุกคนในแคว้นทำให้เลือดในกายของเสิ่นจิ้งจงพลุ่งพล่าน
เสิ่นจิ้งจงรู้ดีว่าตัวเองอาจเป็นคนหัวโบราณเกินไป เขาควรรับใช้ไป๋ชิงเหยียนอย่างเต็มที่เมื่อพบจักรพรรดินีที่ทรงคุณธรรมที่ยากจะหาได้ในใต้หล้าแห่งนี้ ทว่า ทุกครั้งที่เขาพยายามจะทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดให้ไป๋ชิงเหยียน เขากลับนอนไม่หลับทั้งคืน เขาก้าวข้ามอุปสรรคในใจของตัวเองไปไม่ได้
วันนี้ไป๋ชิงเหยียนทำลายหน้าต่างบานนั้นของเขาทิ้งไปแล้ว เสิ่นจิ้งจงรู้สึกโล่งใจขึ้นไม่น้อย เขาลุกเดินไปหยุดอยู่กลางห้อง คุกเข่าคำนับไป๋ชิงเหยียนสามครั้ง จากนั้นขอลาออกจากตำแหน่ง
“กระหม่อมอยู่ในตำแหน่งนี้ ทว่า ไม่สามารถแบ่งเบาภาระของฝ่าบาทได้ กระหม่อมรู้สึกละอายต่อฝ่าบาท ต่อชาวบ้านต้าโจวทั่วทั้งแคว้น ฝ่าบาทได้โปรดอนุญาตให้กระหม่อมลาออกจากตำแหน่งกลับไปเลี้ยงดูตัวเองที่บ้านเกิดด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ…” เสิ่นจิ้งจงก้มศีรษะคำนับอีกครั้ง
ไป๋ชิงเหยียนกำช้อนน้ำแกงในมือแน่น จากนั้นวางมันลงบนที่วางช้อนกระเบื้องสีขาวลายดอกบัว นางรับผ้าเช็ดมือจากชุนเถามาเช็ดมือจนสะอาด จากนั้นลอบส่งสัญญาณให้เว่ยจงช่วยประคองเสิ่นจิ้งจงขึ้นมา