สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1370 ข้าเชื่อเจ้า
ตอนที่ 1370 ข้าเชื่อเจ้า
หานเฉิงอ๋องต้องการจะสื่อว่าน้องชายและน้องสาวของไป๋ชิงเหยียนล้วนมีความดีความชอบทางทหาร หากส่งพวกเขาไปควบคุมทหารเรือเหล่านั้น ทหารเรือเหล่านั้นต้องยำเกรงแน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหานเฉิงอ๋อง
“เจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไปนัก เสนาบดีจางเป็นคนรอบคอบและรู้ขอบเขต หากเขาจะลดจำนวนทหาร…เขาต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะเดียวกันก็คงรับทหารเข้ามาใหม่เช่นกัน เขาไม่มีทางปล่อยให้จำนวนทหารเรือขาดแคลนแน่นอน ทว่า ทหารใหม่คงไม่มีประสบการณ์มากเท่าทหารเก่า”
“ฝ่าบาทตรัสถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ หากมีประสบการณ์ไม่เพียงพอพวกเขาจะเสียเปรียบยามออกรบพ่ะย่ะค่ะ!”
หานเฉิงอ๋องพยายามควบคุมน้ำเสียงของตัวเองพลางพยักหน้า
ไป๋ชิงเหยียนลูบนิ้วมือไปมาอย่างใช้ความคิด ไม่นานจึงมองไปทางหานเฉิงอ๋อง
“หาข้าส่งเจ้าไปรวบรวมทหารเรือเก่าเหล่านั้นกลับมาล่ะ”
หานเฉิงอ๋องตะลึง เขาเบิกตาโพลง
“ฝ่าบาท…”
ลำคอของหานเฉิงอ๋องร้อนผ่าว เขาคือ…องค์ชายของแคว้นต้าเหลียงนะ ไป๋ชิงเหยียนส่งเขาไปรวบรวมทหารเรือเก่ากลับมาเช่นนี้ไม่กลัวว่าเขาจะกบฏหากมีกองทัพอยู่ในมืออย่างนั้นหรือ!
เขาไม่มีลูก เขาไม่ยอมมีลูกกับพระชายาเอกของเขาเพราะไม่อยากให้ลูกของเขาตกเป็นเครื่องมือของผู้อื่น หากไป๋ชิงเหยียนส่งเขาไปรวบรวมทหารเรือเก่า ในมือของไป๋ชิงเหยียนจะมีเพียงพระชายาของเขาเท่านั้น ตามหลักแล้วไม่ถือเป็นจุดอ่อนของเขา ผู้ที่อยากทำการใหญ่มักไม่สนใจภรรยาเพียงคนเดียวอยู่แล้ว เมื่อการใหญ่สำเร็จจะมีภรรยาใหม่อีกสักกี่คนก็ได้
หานเฉิงอ๋องจ้องไป๋ชิงเหยียนอยู่นาน จากนั้นเอ่ยถามเสียงสะอื้น
“ฝ่าบาททรงไม่กลัวว่าหากกระหม่อมรวบรวมทหารเรือเก่าได้ กระหม่อมจะมีกำลังทหารอยู่ในมือแล้วฝ่าบาทจะควบคุมกระหม่อมไม่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าบอกแล้วว่าข้าเชื่อเจ้า ในเมื่อข้าตัดสินใจใช้งานเจ้าข้าก็จะไม่สงสัยเจ้า…”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางหานเฉิงอ๋องนิ่ง
“เจ้าเป็นวิญญูชนที่รักและห่วงใยชาวเมืองต้าเหลียง แทนที่จะกักตัวเจ้าไว้ในเมืองหลวง ไม่สู้ให้เจ้านำทหารเรือเก่าไปปกป้องชาวบ้านแถบชายทะเลดีกว่า ข้ารู้ดีว่าเจ้ารักและเป็นห่วงชาวบ้านไม่ได้น้อยไปกว่าข้าสักนิด”
แสงแดดช่วงกลางวันในเมืองหลวงแผดจ้า มันส่องกระทบผ้าม่านของรถม้าเป็นระยะ แสงกลมสีทองวงเล็กที่ลอดผ่านหน้าต่างรถม้าเข้ามาด้านในส่องกระทบลงบนใบหน้านวลหยกของจักรพรรดินีสาวซึ่งนั่งอยู่กลางรถม้า ขนตาของนางยาวเป็นแพ ใบหน้างดงามซึ่งไร้ที่ติสงบราบเรียบ น้ำเสียงของนางชัดเจนและราบเรียบจนหานเฉิงอ๋องรับรู้ได้ว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวผู้นี้เชื่อใจเขามากกว่าที่เขาคิดไว้มาก
บางทีอาจเป็นเพราะไป๋ชิงเหยียนยิ่งใหญ่มากแล้ว ต่อให้เขาจะก่อกบฏ…ก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาของหญิงสาว
ทว่า องค์ชายของแคว้นที่ดับสูญอย่างเขามีชีวิตรอดจึงถึงวันนี้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ตอนนี้เขากลับได้รับความไว้วางใจจากไป๋ชิงเหยียนอีก เขาจะได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำมาตลอดชีวิต เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนเขาไม่กล้าที่จะทำมันมาก่อน
“กระหม่อมซาบซึ้งในความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทมากพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยินดีรับใช้ฝ่าบาทด้วยชีวิตพ่ะย่ะค่ะ!”
หานเฉิงอ๋องคุกเข่าคำนับไป๋ชิงเหยียน จากนั้นเงยหน้าขึ้นกล่าวด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“ทว่า ฝ่าบาท หากฝ่าบาทให้กระหม่อมกุมอำนาจทางทหาร พวกคนที่ต้องการกอบกู้แคว้นคืนอาจเริ่มมีใจเป็นอื่นได้ ถึงเวลานั้นหากลูกน้องของกระหม่อมกบฏ หากมีคนฟ้องร้องว่ากระหม่อม…”
“ข้าเชื่อใจเจ้า หานเฉิงอ๋อง!”
ไป๋ชิงเหยียนมองหานเฉิงอ๋องนิ่ง
“ข้าไม่มีวันเชื่อคำกล่าวของผู้อื่น นอกเสียจากเจ้าจะมายืนต่อหน้าข้าและบอกข้าว่าเจ้ากบฏ! หากเจ้ายินดีไป…ข้าจะมอบทหารเรือยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งที่ฝู่กั๋วอ๋องเคยลองฝึกซ้อมก่อนหน้านี้ให้เจ้าใช้งานด้วย”
“ฝ่าบาท…”
หานเฉิงอ๋องเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนอย่างไม่อยากเชื่อทั้งน้ำตา หญิงสาวไม่เพียงมอบทหารเรือเก่าของต้าเหลียงให้แก่เขา นางยังมอบทหารเรือยอดฝีมือของฝู่กั๋วอ๋องให้เขาอีกต่างหาก หานเฉิงอ๋องกล่าวเสียงสะอื้น
“กระหม่อมเป็นผู้ใดกันฝ่าบาทจึงเชื่อพระทัยกระหม่อมมากถึงเพียงนี้!”
ไป๋ชิงเหยียนโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยพลางจ้องหานเฉิงอ๋องนิ่ง นางเอื้อมมือประคองเขาลุกขึ้นแล้วกล่าวเสียงจริงจัง
“ข้าเชื่อว่าคนตรงหน้าของข้ารักและห่วงใยชาวบ้านเหมือนกับกองทัพไป๋ คนที่ยอมจำนนต่อแคว้นศัตรูโดยไม่สนว่าจะถูกครหาว่าทรยศแผ่นดินเช่นไรต้องมีใจรักและห่วงใยชาวบ้านของตัวเองแน่นอน ดังนั้นข้าจึงเชื่อใจเจ้า!”
หานเฉิงอ๋องคลานถอยหลังไปอีกนิดแล้วก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง
“บุรุษยินดีสละชีวิตเพื่อคนที่เชื่อใจในตัวเขา กระหม่อมขอสาบานต่อฝ่าบาทว่าชาตินี้จะมีฝ่าบาทเป็นเจ้านายเพียงคนเดียว กระหม่อมะจะมีชีวิตอยู่เพื่อฝ่าบาท เพื่อชาวบ้าน จะไม่ทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวังแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
หานเฉิงอ๋องกล่าวจบจึงก้มคำนับอีกครั้ง
“ในเมื่อตกลงกันได้แล้วพรุ่งนี้หานเฉิงอ๋องจงออกเดินทางไปยังที่ที่เจ้าอยากไป ไปรวบรวมทหารเรือเก่าของเจ้าไปปกป้องชาวบ้านแถบชายทะเลเสีย!”
ไป๋ชิงเหยียนถาม
“ออกเดินทางวันพรุ่งนี้เร็วเกินไปหรือไม่”
หานเฉิงอ๋องส่ายหน้า
“กระหม่อมอยากติดปีกบินไปเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ จากนั้นตะโกนสั่งเว่ยจงซึ่งอยู่ด้านนอก
“ไปจวนหานเฉิงอ๋อง!”
หานเฉิงอ๋องรีบใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาทิ้ง
“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทปล่อยกระหม่อมลงที่ด้านหน้าก็พอพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นผู้อื่นอาจสงสัยได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าต้องการให้ทุกคนรู้ว่าครั้งนี้ข้าเป็นคนส่งเจ้าไปยังเมืองติดชายทะเลเอง”
ไป๋ชิงเหยียนส่งสายตาปลอบโยนหานเฉิงอ๋อง
วันนั้นเมื่อไป๋ชิงเหยียนไปส่งหานเฉิงอ๋องที่จวนหานเฉิงอ๋องเสร็จจึงเดินทางไปเยี่ยมกู่เหล่าต่อที่จวนไป๋
สีหน้าของกู่เหล่าไม่ได้สดใสเหมือนตอนที่อยู่ที่ซั่วหยาง ไป๋ชิงเหยียนมองออกว่ากู่เหล่ากำลังฝืนร่างกายคุยกับนางอยู่ ไป๋ชิงเหยียนกำชับให้กู่เหล่าพักผ่อนให้มาก เมื่อแข็งแรงดีแล้วจะรับเขาเข้าวังไปพบหน้าลูกทั้งสอง
ที่ไป๋ชิงเหยียนไม่รับกู่เหล่าเข้าไปในวังตั้งแต่ตอนนี้เป็นเพราะในวังมีกฎระเบียบมากมาย กู่เหล่าเคยชินกับจวนไป๋แล้ว ที่จวนมีหมอคอยดูแลอย่างใกล้ชิดไป๋ชิงเหยียนจึงไม่ได้เป็นห่วงมากนัก
เมื่อเดินออกมาจากเรือนของกู่เหล่า ไป๋ชิงเหยียนไปเยี่ยมเกาอวี้สิงที่พักรักษาตัวอยู่ในจวนไป๋เช่นกันต่อ ทว่า เกาอวี้สิงได้รับบาดเจ็บหนัก ตอนนี้ยังนอนติดเตียงอยู่ หมอประจำจวนบอกว่าขาข้างขวาของเกาอวี้สิงคงใช้การไม่ได้แล้ว โชคดีที่เกาอวี้สิงยังมีกำลังใจในการรักษาตัวอยู่
เมื่อเดินออกมาจากจวนไป๋ ไป๋ชิงเหยียนหันไปกำชับพ่อบ้านเหา
“หากจวนติ้งหย่งโหวต้องการความช่วยเหลือ ลุงเหาส่งคนของตระกูลไป๋ไปช่วยพวกเขาด้วย”
“ถึงคุณหนูใหญ่ไม่สั่งข้าก็จะทำเช่นนั้นอยู่แล้วขอรับ”
พ่อบ้านเหากล่าวยิ้มๆ
“คนตระกูลไป๋ทุกคนไม่เคยลืมบุญคุณที่ติ้งหย่งโหวให้ตระกูลไป๋ยืมโลงศพขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูจวนจึงหันกลับมากล่าวกับพ่อบ้านเหาต่อ
“ลุงเหา อีกไม่นานพวกอาอวี๋ก็จะกลับมาแล้ว พวกเราควรซ่อมแซมและตกแต่งจวนไป๋ใหม่เพื่อรอต้อนรับพวกอาอวี๋ อาเจวี๋ย อาอวิ๋นกลับมา”
พ่อบ้านเหาได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ขอบตาจึงแดงก่ำขึ้นทันที
“แน่นอนขอรับ”
“เช่นนั้นช่วงนี้ลำบากลุงเหาด้วย”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นท่าทีขอพ่อบ้านเหาจึงยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
“ไม่ลำบากสักนิดขอรับ! ขอเพียงบรรดาคุณชายกลับมาอย่างปลอดภัย ข้าไม่รู้สึกลำบากสักนิดขอรับ!”
พ่อบ้านเหากล่าวออกมายิ้มๆ หากคุณชายกลับมาได้มากกว่านี้ ต่อให้เขาลำบากกว่านี้เขาก็ยินดี
“ฝากจวนไป๋ แม่ทัพเกาและกู่เหล่าด้วย”
ไป๋ชิงเหยียนก้าวเท้าออกไปจากจวนไป๋
“ข้ากลับไปสะสางงานในวังก่อน”
“คุณหนูใหญ่อย่าหักโหมมากนะขอรับ ไม่ว่าอย่างไรก็มีขุนนางอีกมากมายอยู่ ร่างกายของคุณหนูใหญ่ไม่ค่อยแข็งแรง ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองทุกเรื่องขอรับ”
พ่อบ้านเหากล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเช่นนี้ตั้งแต่หญิงสาวมาที่จวนไป๋ไม่รู้กี่รอบแล้ว