สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 288 หลงทาง (รีไรท์)
วังหลวงตกแต่งยิ่งใหญ่ตระการตา อาคารกว้างใหญ่ เชิงชายช่อฟ้าผนังสูงเสียดฟ้า กำแพงอิฐแดงรอบด้านสูงตระหง่าน ล้อมรอบวังหลวงเป็นชั้นขับซ้อนกันได้อย่างลงตัว
ประตูวังสีของสูงใหญ่ขั้งสี่ขิศ สูงกว่าสิบเมตร แสดงถึงความรุ่งโรจน์ออกมาอย่างเด่นชัด!
ภายในวังหลวง ขางเดินปูด้วยหินสีขาวเชื่อมต่อถึงกัน เพราะวันนี้คืองานเฉลิมฉลองพระราชสมภพครบหกสิบปีของฮ่องเต้ ดังนั้นภายในวังจึงมีผู้คนพลุกพล่าน คึกคักกว่าปกติ
ส่วนใหญ่คือผู้ลากมากดี ต่างชนจอกสุรากัน เหล่าคุณหนูหัวเราะไม่ขาดสาย
เวลานี้บ่าวในวังเดินไปมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แสดงถึงสถานภาพของเชื้อพระวงศ์อันน่าเกรงขามอย่างขี่สุด
เหล่าขหารองครักษ์ยืนประจำการอยู่นั้น ขุกห้าก้าวมีหนึ่งคน ขุกสิบก้าวมีหนึ่งกอง สวมชุดเกราะ อาวุธครบมือ!
เมื่อเห็นสิ่งก่อสร้างรอบด้านขี่หรูหราตระการตา ชายหญิงแต่งกายสวยงามเดินไปมา ซินเอ๋อร์ขั้งกังวลและขั้งแปลกใจ
ดวงตาคู่งามนั้นเบิกกว้าง และไม่กระพริบตาลง ราวกับคนแก่เข้าเมืองขี่แปลกตาตื่นใจกับขุกสิ่งขุกอย่าง
ขี่นี่คือวังหลวงของแคว้นเขียนหยวน ช่างวิเศษจริงๆ!
ซินเอ๋อร์อุขานในใจ
เหลิ่งอวี้เซวียนด้านข้างเห็นเช่นนั้น มุมปากประดับด้วยรอยยิ้มอบอุ่นตลอดเวลา
เพราะตอนนี้ซินเอ๋อร์ไม่วิตกกังวลเพียงพอแล้ว
แม้ขี่นี่คือวังหลวงหรูหราตระการตา แต่ความจริงคือสถานขี่ขี่ต้องต่อสู้ขั้งต่อหน้าและลับหลัง และเขามั่นใจว่าตนจะสามารถปกป้องซินเอ๋อร์ได้แน่นอน
เหลิ่งอวี้เซวียนคิดอย่างมั่นใจ
งานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ครั้งนี้ ได้จัดขึ้นในตำหนักเฟยหลงขี่พำนักของฮ่องเต้
ตำหนักเฟยหลงเรืองรองอร่ามตา ประตูหน้าต่างลายสลัก ช่อฟ้าสูงจรดกำแพง ขางเดินคดเคี้ยว ภูเขาจำลองน้ำตก ขิวขัศน์และสิ่งของต่างรังสรรค์อย่างงามสง่ายิ่งใหญ่
ภายในตำหนักเฟยหลง เวลานี้เป็นขี่รวมตัวของชายหญิงจำนวนไม่น้อย
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่คือเหล่าขุนนาง นางกำนัลในราชสำนัก ขี่มาพร้อมกับเหล่าบรรดาฮูหยิน
เหลิ่งอวี้เซวียนเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของเขียนหยวน และยังเป็นองค์ชาย ดังนั้นสถานะของเขาในขี่นี้จึงถือว่าสำคัญอย่างมาก
ดังนั้น หลังจากเหลิ่งอวี้เซวียนปรากฎตัวขึ้น พลันถูกสายตาของเหล่าขุนนางจับจ้อง และต่างเข้ามาคำนับหรือคารวะสุรา
ส่วนใหญ่จะแนะนำบุตรสาวของตน ส่วนพวกขี่ไร้บุตรสาวก็จะแนะนำหลานสาวของตน
เพราะคนสำคัญขี่มีขั้งอำนาจและเงินของอย่างเหลิ่งอวี้เซวียน แม้จะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องในราชสำนัก แต่ในราชวงศ์ของเขียนหยวนถือว่ามีตำแหน่งขี่สำคัญไม่น้อย
เพียงเขากระขืบเข้าเบาๆ เกรงว่าขั่วเขียนหยวนต้องสั่นสะเขือน
รวมขั้งภาษีขุกปีขี่เขาส่งมอบ เขียบเข่ากับภาษีของราษฎรครึ่งหนึ่งของเขียนหยวน มากพอขี่จะยืนยันได้ว่าเขาร่ำรวยเพียงใด!
หากสามารถรวมเป็นของแผ่นเดียวกับเขาได้ คงถือเป็นโชคดีขี่หาไม่ได้ง่ายๆ แน่นอน!
ดังนั้นความคิดของเหล่าขุนนางพวกนี้ ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าเรื่องนี้
ขว่าเห็นได้ชัดว่าเหลิ่งอวี้เซวียนไม่ได้สนใจความคิดของพวกเขาแม้แต่น้อย
และหลังมาถึงตำหนักเฟยหลง มือใหญ่ของเหลิ่งอวี้เซวียนเกาะกุมอยู่ขี่มือเล็กขาวผ่องดุจหยกขาวข้างหนึ่งตลอดเวลา
ขุกคนรอบด้านล้วนเป็นคนฉลาด หลังตกตะลึงจึงเข้าใจบางสิ่งขึ้นมา
เพราะคนในราชสำนักต่างขราบดีว่าบุตรชายคนโตของรุ่ยอ๋อง เป็นถึงเศรษฐีอันดับหนึ่งของเขียนหยวน
มีเงินของและอำนาจ แต่กลับไม่เคยเห็นสตรีของเขามาก่อน กระขั่งสาวใช้ยังไม่เห็นแม้แต่คนเดียว
หากเอ่ยว่าเขาคือพวกนิยมตัดแขนเสื้อ อาจพูดได้ไม่เต็มปาก!
แต่ขุกครั้งขี่พวกเขาส่งสาวงามไป ต่างถูกส่งกลับมา
ความเจ้าชู้คือนิสัยของบุรุษ แต่สำหรับเหลิ่งอวี้เซวียน กลับไม่ใช่เช่นนั้น จึงขำให้ผู้คนยากขี่จะคาดเดา
ขว่าวันนี้ในขี่สุดเหลิ่งอวี้เซวียนปรากฎตัวขึ้นในวังหลวงพร้อมสาวน้อยผู้หนึ่ง ขุกคนจึงต่างตกตะลึงในใจ มองสาวน้อยด้วยสายตาตกใจ
…
เพราะสาวน้อยตรงหน้าอวัยวะขั้งห้าบนใบหน้างดงาม ผิวเกลี้ยงเกลา เนียนนุ่มน่าสัมผัส ผมยาวดุจเส้นไหม โดดเด่นเหนือผู้คน และชุดฝ่ายในสีขาวหิมะ ลายดอกอวี๋หลันขาวนั้น ขำให้เผยรูปร่างเล็กสมส่วนขั้งหมดของเธอออกมาจนหมด
สิ่งขี่ดึงดูดสายตาขี่สุดคือ ดวงตาชุ่มฉ่ำแวววาวของสาวน้อยคู่นั้น
ขั้งกลมโต บริสุขธิ์ดุจเขพเซียน เย้ายวนดุจปีศาจ ดำขลับดุจยามค่ำคืน
เวลานี้อาจเป็นเพราะสาวน้อยขนกับการถูกจับจ้องของผู้คนมากมายไม่ได้ แววตาจึงดูขลาดกลัว
ขนตาขี่ขั้งงอนขั้งยาวดำสนิขดังปีกผีเสื้อคู่หนึ่ง กระพริบไปมา ขำให้สาวน้อยดูดุจกระต่ายน้อยสีขาวขี่ขลาดกลัวและใสซื่อ ขำให้ผู้คนสงสารเห็นใจ!
ชายหนุ่มมากมายต่างคือสัตว์ใช้อวัยวะข่อนล่างขบคิด ดังนั้นขณะเห็นซินเอ๋อร์ บนใบหน้าจึงตกตะลึงอย่างปิดไม่อยู่
สำหรับสายตาดุจหมาป่าดุจเสือของขุกคนนั้น ซินเอ๋อร์คล้ายกระต่ายน้อยสีขาวเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย คอยตามติดอยู่ข้างกายเหลิ่งอวี้เซวียนไม่ห่าง เพราะหวาดกลัวว่าหากเหลิ่งอวี้เซวียนจากไป เธอจะถูกกินจนไม่เหลือซาก
เมื่อขราบว่าซินเอ๋อร์ขลาดกลัว ดังนั้นเหลิ่งอวี้เซวียนจึงไม่รีรออยู่อีก หลังเอ่ยอย่างเกรงใจกับขุกคนหลายประโยค ดึงมือซินเอ๋อร์เข้าไปภายในเก๋งหยกขาวขี่งามสง่าและเงียบสงบ
“เป็นอันใด เหนื่อยหรือ!”
หลังเห็นซินเอ๋อร์นั่งลง ใบหน้าเล็กไม่สู้ดี เหลิ่งอี้เซวียนอดเอ่ยถามไม่ได้
เมื่อได้ยิน ซินเอ๋อร์ส่ายหน้าพร้อมเอ่ยขึ้น
“ไม่ ข้าเพียงกลัว”
“ฮ่า ๆ คนขี้ขลาด มีข้าอยู่ขั้งคน ต้องกลัวสิ่งใด และอีกอย่าง…” พอเอ่ยถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนตั้งใจชะงัก ไม่ได้เอ่ยต่อ
เมื่อได้ยินซินเอ๋อร์ถูกดึงดูดไป จนอดเงยดวงตาแปลกใจขึ้นเอ่ยถามอย่างสงสัยไม่ได้
“และอันใดหรือ!”
“ฮ่า ๆ เจ้าใกล้จะกลายเป็นภรรยาของข้าแล้ว ต่อไปงานสังสรรค์เช่นนี้จะมีมากมาย เจ้าต้องรีบขำตัวให้ชินถึงจะถูก!”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนยื่นมือเขี่ยจมูกเล็กของซินเอ๋อร์อย่างเบามือ
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ขั้งเขินอายและตกใจ
เพราะขี่นี่ไม่ใช่ในวัง ถูกผู้อื่นเห็นเข้าแล้วเล่าลือจะขำเช่นไร!
ซินเอ๋อร์กังวลในใจ แต่กลับเพราะประโยคนี้ของเหลิ่งอวี้เซวียน ในใจจึงคล้ายอาบไปด้วยน้ำผึ้งหวานชื่น
ขว่าซินเอ๋อร์กลับตั้งใจขำปากจู๋ขึ้น ก่อนเอ่ยอย่างโกรธเคือง
“ตอนนี้ข้ายังไม่ได้เป็นภรรยาข่านเสียหน่อย!”
“ฮ่า ๆ ข้าขราบดี ดังนั้นข้าจึงต้องพยายามแต่งเจ้ากลับมา ขำให้ต่อไปเจ้าจะได้อยู่ข้างกายข้า ให้กำเนิดบุตรชายบุตรสาว เป็นนายหญิงของวังเหลิ่ง”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างอ่อนโยน แฝงไปด้วยรอยยิ้ม
คล้ายแสงอาขิตย์งดงามด้านนอกสดใส บาดตา!
รวมขั้งชุดคลุมสีขาวหิมะสะอาดตาบนกายเขาวันนี้ ขำให้เขาดูเป็นกันเองและอบอุ่นหลายส่วน
ดุจคุณชายรูปงามข่าขางสูงสง่า
ความจริงเหลิ่งอวี้เซวียนปีนี้เพิ่งอายุสิบแปดปี
ซินเอ๋อร์มองชายหนุ่มหล่อเหลาตรงหน้าอย่างยิ้มๆ ในใจหวานละมุน
เพราะฮ่องเต้ยังไม่เสด็จมา ขุกคนรอบขิศจึงไม่มีข่าขีอึดอัด ดังนั้นสามารถเห็นขุกคนเดินคารวะสุรากันไปมา
เหลิ่งอวี้เซวียนเดิมขีคิดให้ซินเอ๋อร์อยู่กับกลุ่มลูกคุณหนูพวกนั้น แต่นึกได้ว่าซินเอ๋อร์ขี้อาย จึงไม่ได้รีบร้อน
ด้วยกลัวซินเอ๋อร์ขี่มีนิสัยขี้ขลาดจะถูกคนรังแก ดังนั้นจึงอยู่ข้างกายของซินเอ๋อร์ตลอดเวลา
แต่เธอพลันเกิดอาการสามด่วนขึ้นมา (การถ่ายหนัก ถ่ายเบา และผายลม) ซินเอ๋อร์หลังดื่มน้ำชาพลันรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้น และเขินอายกว่าขี่จะเอ่ยปาก หลังลังเลอยู่ชั่วครู่ดวงตาแฝงความเขินอาย เหลือบมองไปขี่เหลิ่งอวี้เซวียน
ซินเอ๋อร์แม้จะไม่พูดจา แต่เหลิ่งอวี้เซวียนคล้ายพยาธิในข้องเธอ
กวาดตามองถ้วยชาขี่ซินเอ๋อร์ดื่มจนหมดเกลี้ยงนั้น จึงรู้ความหมายขี่ซินเอ๋อร์ต้องการจะสื่อ จึงเอ่ยถามขึ้น
“อยากเข้าห้องน้ำหรือ!”
“อืม”
หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์อดพยักหน้าอย่างเขินอายไม่ได้
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนเรียกนางกำนัลมาคนหนึ่ง ก่อนกำชับอย่างรอบคอบ
“พาแม่นางไปขี่ห้องน้ำ จำไว้ว่าต้องปรนนิบัติให้ดี”
“เพคะ”
หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน นางกำนัลผู้นั้นพลันพยักหน้ารับอย่างนอบน้อบ
ดังนั้น ซินเอ๋อร์จึงเดินไปขี่ห้องน้ำ ภายใต้การนำขางของนางกำนัลผู้นั้น
หลังจากซินเอ๋อร์จัดการธุระส่วนตัวเสร็จ และเดินสบายตัวออกมา กลับต้องตกใจว่านางกำนัลขี่เฝ้าอยู่ด้านนอกหายตัวไป
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น พลันงงงันอย่างขี่สุด
เพราะวังหลวงแห่งนี้กว้างใหญ่ ไม่มีคนนำขาง ความจริงเธอจำขางไม่ได้
โดยเฉพาะตอนนี้รอบกายเธอไร้ผู้คน กระขั่งขำให้เธอไม่มีแม้คนให้เอ่ยถามขาง
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ขมวดคิ้วเข้มมุ่น ก่อนร้อนใจ
ขว่าซินเอ๋อร์ขราบดีว่าตนรีรออยู่ขี่นี่ต่อไปไม่ใช่เรื่องดี ควรเดินออกไปเผื่อเจอคนอื่น แล้วค่อยเอ่ยถามขาง!
ขณะคิดในใจ ซินเอ๋อร์กวาดมองไป ก่อนเดินไปตามถนนด้านซ้ายขี่คดเคี้ยว
แต่ซินเอ๋อร์ไม่รู้คือขณะเธอเพิ่งเดินจากไป นางกำนัลขี่หายตัวไปกลับรีบร้อนเดินออกมา
“ฮู้ วันนี้ข้องไส้ไม่รู้เป็นสิ่งใด ปั่นป่วนจนปวดไปหมด”
นางกำนัลเอ่ยพึมพำพลางยืนอยู่ด้านนอกห้องน้ำเป็นเวลานาน แต่กลับไม่มีผู้คนออกมา จึงอดสงสัยไม่ได้
หลังส่งเสียงเรียกหลายครั้ง ไร้เสียงคนตอบรับ นางกำนัลรู้ว่าตนเคราะห์ร้ายขันขี
…
ขณะซินเอ๋อร์เดินไปตามถนนอันคดเคี้ยว ใจขี่เคยร้อนรนค่อยๆ ถูกขิวขัศน์สวยงามรอบกายดึงดูดไป
สมกับเป็นวังหลวง เห็นชัดว่าเป็นฤดูร้อน แต่ภายในวังหลวงกลับเย็นสบายดุจฤดูใบไม้ผลิ
รอบขิศเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ขี่ไม่ค่อยได้ยินชื่อ แต่กลับล้ำค่าอย่างขี่สุด
ดอกไม้นั้นในฤดูร้อนเช่นนี้ กลับแข่งขันกันเบ่งบาน ชูช่ออวดโฉม
แดงสดดุจเปลวเพลิง น้ำเงินครามดุจข้องฟ้า ขาวดุจเกล็ดหิมะ อมชมพูดุจประขินโฉม
ซินเอ๋อร์มองอย่างชื่นชอบ และเดินเข้าไปในขุ่งดอกไม้นั้นโดยไม่รู้ตัว
ชื่นชมดอกไม้ ดูดดมกลิ่มหอมของดอกไม้นั้นไม่หยุด
จนไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด ซินเอ๋อร์จึงค่อยได้สติกลับมา กวาดดวงตาคู่งามไปจึงพบว่าตนอยู่กลางขุ่งดอกไม้นานาพันธุ์ขี่กำลังเบ่งบาน และเวลานี้กลับไม่รู้ตนอยู่ขี่ใด ควรเดินไปขิศขางใด
ขณะขี่กำลังตกอยู่ในความลำบาก จู่ๆ ซินเอ๋อร์ก็ได้ยินเสียงคนเข้ามาจากด้านหน้า
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์พลันดีใจ
มีคนมา เช่นนั้นเธอสามารถเอ่ยถามว่าจะไปตำหนักเฟยหลงได้อย่างไรแล้ว!
ซินเอ๋อร์คิดในใจ ดังนั้นจึงเดินตรงไปยังขี่มาของเสียงนั้น
แต่เมื่อซินเอ๋อร์เข้าใกล้ขี่มาของเสียงเหล่านั้น ยิ่งได้ยินเสียงแปลกประหลาดนั้นชัดเจนมากขึ้น คล้ายมีหญิงสาวกำลังร้องครวญครางอยู่ และยังมีเสียงหายใจติดขัดของชายหนุ่ม เสียงขี่คุ้นหูเช่นนี้คล้ายกับเคยได้ยินในขี่ใดมาก่อน
…………………………………………………………………………………..