สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 285 แต่งเธอเป็นภรรยา (รีไรท์)
หลังปล่อยอ้าวเทียนเสวี่ยไป ซินเอ๋อร์รู้สึกว่าวันเวลาของตน กลับมาสงบสุขเช่นเดิม
ทุกวันไม่ว่าเซวียนจะยุ่งเพียงใด จะหาเวลาว่างมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ
ทุกวันหลังจากทำงานทุกอย่างเรียบร้อย เธอจะมาฝึกคัดอักษรที่ห้องหนังสือ
หลังเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า หลังได้การชี้แนะจากอาจารย์ที่ดีเช่นเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์ขยันใฝ่รู้ ดังนั้นอักษรที่เธอฝึกฝนจึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ตอนนี้อักษรทุกตัวที่เขียนออกมา กระทั่งเหลิ่งอวี้เซวียนต่างเริ่มชื่นชมไม่หยุดปาก
ส่วนเรื่องที่ซินเอ๋อร์ชื่นชอบที่สุดคือ เลียนแบบอักษรของเหลิ่งอวี้เซวียน
แต่อักษรของเหลิ่งอวี้เซวียนเหมือนกับเขาทุกอย่าง งดงามดังหงส์ร่อนมังกรรำ ทุกพู่กันทุกการวาด โดดเด่นนุ่มลึก ไม่ใช่คนทั่วไปจะสามารถเลียนแบบได้
แต่ซินเอ๋อร์ไม่ยอมแพ้ ทุกวันต่างเลียนแบบอักษรของเหลิ่งอวี้เซวียน
สำหรับความดื้อรั้นของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงยิ้มอย่างนิ่งเฉยและอบอุ่น ปล่อยให้เธอเขียน เพียงเธอชื่นชอบเพียงพอแล้ว
และวันนี้ ขณะซินเอ๋อร์กำลังฝึกคัดอักษรอยู่ในห้องหนังสือเช่นปกติ
เหลิ่งอวี้เซวียนที่นั่งจัดการสมุดบัญชีอยู่ตรงข้าม พลันลุกขึ้นก่อนเดินเข้ามา
ซินเอ๋อร์เห็นเพียงสบตากับเขาแวบหนึ่ง ก่อนฝึกคัดอักษรของตนต่อไป
คิดไม่ถึง ชายหนุ่มกลับเดินมาที่ด้านหลังเธอ โอบกอดเธอไว้
มือใหญ่กุมมือเล็กที่จับพู่กันของซินเอ๋อร์อย่างอ่อนโยน
ทันใดนั้น เริ่มจับมือซินเอ๋อร์เขียนอักษรเลียนแบบตน
เวลานี้ภายในห้องหนังสือเงียบงัน
ด้านนอกแสงอาทิตย์อบอุ่น สายลมเอื่อยพัดโชยเข้ามา
จนผ้าม่านโปร่งบางปลิวไสว ม่านลูกปัดโอนเอียง
และหนังสือที่ถูกวางไว้บนโต๊ะนั้น ถูกสายลมพัดจนเกิดเสียง ‘พรึบๆ’ ทำให้ช่วงบ่ายนี้อบอุ่นและเงียบงันมากขึ้น
ซินเอ๋อร์มีความสุขที่สุดคือช่วงเวลาเช่นนี้
มีชายหนุ่มอยู่ข้างกาย นั่งทำเรื่องที่ตนชื่นชอบที่สุด
แต่หวังว่าเวลาจะสามารถหยุดเวลาที่เงียบงัน สงบสุขไว้ตรงนี้
ทันใดนั้น ชายหนุ่มกลับกล่าวขึ้น
“ซินเอ๋อร์ เดือนหน้าเป็นวันประสูติครบหกสิบพรรษาของฮ่องเต้ ข้าวางแผนจะพาเจ้าเข้าวัง”
“หา!”
หลังได้ยินคำพูดที่กะทันหันของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์พลันมึนงง ก่อนคล้ายไม่ได้สติ
หลังผ่านไปชั่วขณะ ซินเอ๋อร์จึงหันไปมองดวงตาแคบยาวทว่าอบอุ่นของชายหนุ่มอย่างสงสัย ก่อนเอ่ยถามอย่างตะลึง
“เข้าวังหรือ!”
“ถูกต้อง เวลานั้นเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้าต่างอยู่ที่นั่น ข้าอยากพาเจ้าไปพบเสด็จพ่อเสด็จแม่ของข้า”
“อะไรนะ เจอ เจอเสด็จพ่อเสด็จแม่ของท่าน!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์คล้ายถูกฟ้าผ่า แข็งทื่อดุจหินอยู่ตรงนั้น
เพราะเธอรู้เพียงเหลิ่งอวี้เซวียนมีสถานะที่ไม่ธรรมดา ร่ำรวยเงินทอง แต่สำหรับครอบครัวของเขา กลับไม่รู้แม้แต่นิดเดียว
ตอนนี้ได้ยินเขาเรียกบิดามารดาตนว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่ นั่นมิได้หมายถึงเขาคือองค์ชาย เป็นเชื้อพระวงศ์ใกล้ชิดกับฮ่องเต้หรือ!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ตะลึงสุดขีด
ก่อนหน้านี้ เมื่อรู้ว่าเขาคือเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งเทียนหยวน ซินเอ๋อร์รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างมาก
เพราะสถานะของเธอ ต่ำต้อยขนาดนี้ เพียงได้อยู่ข้างกายเขาก็มากพอแล้ว
เพราะเธอเจียมตัวดี สถานะของเธอไม่คู่ควรกับเขาที่สูงส่ง
ตอนนี้ยิ่งไม่คู่ควร
เพราะชายหนุ่มตรงหน้านี้ ไม่เพียงเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของเทียนหยวน แต่เป็นเชื้อพระวงศ์
และเชื้อพระวงศ์ของเทียนหยวน มีเพียงรุ่ยอ๋อง
เช่นนั้นเหลิ่งอวี้เซวียนคือบุตรชายของรุ่ยอ๋องหรือ!
หลังขบคิดถึงเรื่องนี้ ซินเอ๋อร์อดหลุบตาลงไม่ได้ ก่อนกัดริมฝีปากเบาๆ
ในใจโศกเศร้าอย่างหนัก
เพราะแม้เซวียนจะเอ่ยว่าเขารักเธอ
แต่สมัยนี้ทุกสกุลต่างมีแนวคิดแบ่งแยกชนชั้น
คนที่สถานะเช่นเธอ จะคู่ควรยืนอยู่ข้างกายเขาเช่นไร!
ยิ่งไปกว่านั้น หากเสด็จพ่อของเขารู้ถึงสถานะของเธอ ต้องไม่ยินยอมพบหน้าเธอเป็นแน่!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์เริ่มเสียใจขึ้นมา
บนใบหน้าเล็กงดงามโดดเด่นนั้น จึงเสียใจและเศร้าโศกขึ้น
เหลิ่งอวี้เซวียนไม่คิดว่าคำพูดของตน จะทำให้ซินเอ๋อร์เผยสีหน้าเศร้าโศกออกมาเช่นนี้ ดังนั้นจึงขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนอดเอ่ยถามอย่างสงสัยและกังวลไม่ได้ขึ้น
“ซินเอ๋อร์ เป็นอันใดหรือ!”
เมื่อเห็นสีหน้าแฝงไปด้วยความเสียใจของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนอดกังวลไม่ได้
เพราะเขาไม่ชื่นชอบที่สุดคือสีหน้าเช่นนี้ของสาวน้อย
หลังหยุดชะงัก เห็นซินเอ๋อร์ยังคงก้มหน้าไม่พูดจา ทว่าเหลิ่งอวี้เซวียนยังเดาความในใจออกได้จากสีหน้าของเธอ จึงอดกล่าวขึ้นไม่ได้
“กำลังกังวล กลัวที่จะต้องพบเสด็จพ่อเสด็จแม่ข้าหรือ!”
“อืม”
หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์ที่ก้มหน้าไม่พูดจา อดพยักหน้าไม่ได้
ถูกต้อง เธอกำลังกลัว
เพราะชายหนุ่มตรงหน้าสถานะสูงส่ง หญิงสาวที่คู่ควรกับเขา ควรจะมีสถานะที่เทียบเคียงกับเขา
ส่วนเธอ!
ไม่มีซึ่งทุกอย่าง เป็นเพียงราษฎรธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
เธอเช่นนี้เมื่อยืนอยู่กับเขา แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
หากเขาพาเธอเข้าวังไปจริง เธอกลัวเสด็จพ่อเสด็จแม่ของเขาไม่ชื่นชอบ และกลัวว่าเขาจะถูกคนหัวเราะเยาะ!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์อดเงยหน้า เหลือบมองชายหนุ่มด้วยน้ำตาไม่ได้ ก่อนเอ่ยปากอ้อนวอน
“เซวียน ข้าไม่เข้าวังกับท่านได้หรือไม่ ข้า…กลัว”
“เด็กโง่ มีข้าอยู่ทั้งคน เจ้ากลัวสิ่งใด!”
เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนทั้งขบขันและจนใจ
ก่อนยื่นมือใหญ่เขี่ยจมูกของซินเอ๋อร์อย่างอดใจไม่ได้ และกล่าวยิ้มๆ ว่า
“หากเจ้าต้องการพูดพวกคุณสมบัติพวกนั้น เจ้าวางใจเถิด ผู้อื่นข้าไม่กล้ารับรอง แต่ความคิดของเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้าแตกต่างกับผู้อื่น โดยเฉพาะเสด็จแม่ ก่อนหน้านี้ท่านมักเอ่ยกับข้าว่าเรื่องแต่งงานของตน ตนต้องเป็นคนตัดสินใจ ชื่นชอบหญิงสาวเช่นใด แต่งกลับมา ไม่ต้องสนใจพวกคุณสมบัติใดๆ ทั้งนั้น เพราะคนที่ข้าต้องการแต่งด้วยคือหญิงสาวที่ตนรัก ไม่ใช่สถานะ หรือชนชั้น”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยถึงตรงนี้ สายตาที่มองซินเอ๋อร์เปี่ยมด้วยความรัก
ความอ่อนโยนในแววตาเขา แทบทำให้ซินเอ๋อร์อ่อนระทวย
และหลังได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์แปลกใจอย่างมาก ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ก่อนเอ่ยถามอย่างเหลือเชื่อ
“เสด็จแม่ของท่านเอ่ยเช่นนั้นจริงหรือ ไม่สนใจคุณสมบัติพวกนั้น!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างตกใจ
แม้เธอจะทราบดีว่าเหลิ่งอวี้เซวียนไม่เคยโกหก
แต่คำพูดนี้ของเขา ช่างคิดไม่ถึงจริงๆ
เพราะสมัยนี้ เรื่องแต่งงานของทุกสกุล ต้องดูที่ความเท่าเทียมกันทางฐานะมิใช่หรือ
หากเป็นดังที่เขาพูด เสด็จแม่ของเขาเคยพูดเช่นนี้จริง ซินเอ๋อร์กลับตกใจ และรู้สึกแปลกใจกับพระชายารุ่ยอ๋องผู้นี้อย่างมาก
อยากจะเห็นจริงๆ ว่าเสด็จแม่ของเซวียนเป็นคนเช่นไร
ทว่าสามารถให้กำเนิดชายที่โดดเด่นอย่างเซวียน ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่!
พอคิดถึงตรงนี้ ความหวาดกลัวกังวลในใจซินเอ๋อร์ ถูกแทนที่ด้วยความแปลกใจ
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น ยิ้มกว้างขึ้น ก่อนยื่นนิ้วเรียวยาวเกี่ยวผมหน้าม้าที่ถูกลมพัดจนยุ่งบนใบหน้าของซินเอ๋อร์ ขึ้นไปเหน็บไว้ที่หลังใบหูอย่างอ่อนโยน ก่อนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“และหญิงสาวที่ใสซื่อไร้เดียงสาเช่นเจ้า เสด็จพ่อเสด็จแม่ของข้าต้องชื่นชอบแน่นอน เวลานั้นข้าจะเอ่ยกับพวกท่านว่าข้าจะแต่งเจ้าเป็นภรรยา คงดีไม่น้อย!”
พอเอ่ยถึงคำสุดท้าย เสียงของเหลิ่งอวี้เซวียนแฝงไปด้วยปลอดโปร่งใจ
หากเป็นหญิงอื่น หลังได้ยินคำพูดนี้ของเขา ต้องตอบตกลงทันทีแน่นอน
เพราะเหลิ่งอวี้เซวียนรูปโฉมโดดเด่น ร่ำรวยเงินทอง และป็นเชื้อพระวงศ์ สถานะสูงส่งอย่างที่สุด
ชายหนุ่มที่ดีเลิศเช่นนี้ จะมีหญิงสาวผู้ใดสามารถต้านทานได้!
แต่เมื่อเผชิญกับสาวน้อยตรงหน้านี้ เหลิ่งอวี้เซวียนกลับกังวลไร้ความมั่นใจ
เพราะเขายังจำครั้งก่อนที่ริมทะเลสาบได้ การขอแต่งงานของเขาถูกสาวน้อยปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่ง
ตอนนั้นความจริงเขาคิดว่า พวกเขารู้จักกันมานาน เพียงเขาปฏิบัติต่อเธออย่างจริงใจ ต้องมีวันหนึ่งที่เธอยอมรับเขา
แต่หลังผ่านเพลิงไหม้ครั้งก่อนมา เหลิ่งอวี้เซวียนแทบไม่หลงเหลือความกล้า
ทุกวันต่างนึกถึงว่าเขาเกือบสูญเสียสาวน้อยตรงหน้าไป ใจเขายังหวาดกลัว
และทำให้เขาไม่อยากรออีกต่อไป อยากเพียงอยู่อย่างมีความสุขเช่นตอนนี้ต่อไป
เขาอยากให้เธอกลายเป็นพระชายาของเขา เขาอยากให้เธอกลายเป็นเจ้าสาวที่ทุกคนบนโลกต่างอิจฉา
ตรงข้ามกับเหลิ่งอวี้เซวียนที่ตื่นเต้นรักใคร่ในใจ ซินเอ๋อร์หลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ต้องตะลึงอีกครั้ง
“อะไรนะ ท่าน ต้องการแต่งข้าเป็นภรรยา!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
สวรรค์!
เธอไม่ได้หูฝาดใช่หรือไม่!
เซวียนจะแต่งเธอเป็นภรรยา!
ครั้งก่อนแม้เขาจะสารภาพรักกับเธอ แต่เธอกลับไม่ยอมรับ เพราะครอบครัวที่สงบสุขของเธอ ถูกทำลายลงเพราะอนุภรรยา
ดังนั้นก่อนมารดาเธอจะสิ้นใจ กำชับเธอไม่หยุดว่าแม้จะใช้ชีวิตยากลำบากเพียงใด ก็ห้ามเป็นอนุภรรยาของผู้อื่น นอกจากภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ตอนนั้นเธอรับปาก และทำตามความตั้งใจสุดท้ายของมารดามาโดยตลอด
ดังนั้น หลายปีมานี้หลังมารดาเสียชีวิต เพราะรูปโฉมของเธอ ถูกตาต้องใจพวกเหล่าคุณชายเศรษฐีจำนวนไม่น้อย พวกเขาจึงต่างพากันส่งแม่สื่อมาทาบทามเธอกลับไปเป็นอนุภรรยา แต่ล้วนถูกเธอปฏิเสธ
มีคนเอ่ยว่าเธอไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี แต่ผู้อื่นพูดเช่นไร เธอต่างไม่แยแส
หากเป็นไปได้ เธอต้องการเพียงอยู่ร่วมกับคนที่ตนรัก ไม่ว่าร่ำรวยหรือยากจน
แต่เวลานี้ ชายหนุ่มสูงส่งตรงหน้าเธอนี้ กลับต้องการแต่งเธอเป็นภรรยา
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ตกตะลึง แปลกใจ และมากที่สุดคือซาบซึ้งใจ
เพราะคำสัญญาของชายหนุ่ม เธอมองออกว่าเขาจริงใจกับเธอ
เรื่องนี้ความจริงเธอควรรู้ให้เร็วกว่านี้ มิใช่หรือ!
หากเขาไม่ได้จริงใจกับเธอ ทุกครั้งที่เธอตกอยู่ในอันตราย เขาคงไม่ปรากฎตัวขึ้น
โดยเฉพาะขณะเกิดเพลิงไหม้ครั้งก่อน เขาไม่สนใจชีวิตของตน พุ่งเข้าไปช่วยเธอออกมา
เพื่อปกป้องเธอ เขากลับต้องได้รับบาดเจ็บ
เขาดีกับเธอ ยิ่งกว่าตนเอง
เพื่อเธอ เขายอมทุ่มกระทั่งชีวิต
ชายหนุ่มเช่นเขานี้ เธอจะปฏิเสธได้อย่างไร!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ซาบซึ้งในใจ จนอยากร้องไห้ น้ำตาคลอเบ้า
ทันใดนั้นท่ามกลางสายตาร้อนรนของชายหนุ่ม เธอจึงพยักหน้าอย่างช้าๆ ก่อนเอ่ยขึ้น
“ได้เซวียน ข้าตกลง!”
………………………………………………………………………………….