สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 284 องค์หญิงแห่งแคว้นฉี (2) (รีไรท์)
“เซวียน!”
เมื่อเห็นคนที่มา ซินเอ๋อร์อดตกตะลึงไม่ได้ ดวงตาแคบยาวคู่นั้นปรากฎความแปลกใจหลายส่วน
เพราะเธอคิดไม่ถึงว่าเซวียนจะมาที่นี่
คล้ายล่วงรู้ถึงความในใจของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนจึงเดินไปที่ข้างกายของซินเอ๋อร์ พร้อมเอ่ยอธิบาย
“เมื่อครู่ข้าทำงานเสร็จกลับมา ได้ยินบ่าวไพร่พูดว่าเจ้ามาที่นี่ ข้าจึงตามมา”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนชะงักไป ก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ที่นี่มืดและอับชื้น เจ้าไม่ควรมา ร่างกายยังอ่อนแอ หากต้องลมเย็นเข้าจะทำเช่นไร!”
เสียงชายหนุ่มทุ้มต่ำ แหบพร่า ไพเราะอย่างที่สุด
ยังมีความห่วงใยและรักใคร่จากสีหน้าของเขาที่ไม่มีปิดบังแม้แต่นิดเดียว
คล้ายสามีผู้หนึ่งที่ห่วงใยภรรยา ดูแลเอาใจใส่ จนเป็นที่อิจฉาของคนรอบข้าง
และทำให้อ้าวเทียนเสวี่ยที่ถูกขังอยู่ด้านใน ทั้งอิจฉาและริษยาในใจ
ก่อนความเกลียดชังที่มีต่อซินเอ๋อร์ในใจจะเพิ่มมากขึ้น
เพราะนางมีสิทธิ์อันใด!
เธอเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นฉีที่สง่างาม เพียบพร้อมทุกอย่าง รูปลักษณ์ไม่ได้แพ้หญิงชั้นต่ำตรงหน้า แต่เหตุใดชายผู้นี้ กลับไม่มองเธอแม้แต่หางตา
ตั้งแต่เขาเข้ามา ความอ่อนโยน สายตาของเขา ทั้งหมดทั้งมวลล้วนอยู่ที่หญิงชั้นต่ำผู้นี้
หญิงชั้นต่ำผู้นี้ นอกจากใสซื่อ ยังมีสิ่งใด!
เหตุใดชายผู้นี้จึงไม่มองมาที่เธอ!
อ้าวเทียนเสวี่ยโมโหในใจ สายตาที่มองซินเอ๋อร์คมกริบเหี้ยมโหดดังใบมีดแหลมคม จ้วงแทงไปบนร่างกายของซินเอ๋อร์
แม้ซินเอ๋อร์จะถูกสายตาอ้าวเทียนเสวี่ยมองจนหัวใจด้านชา แต่เธอมีจิตใจที่ดี
หลังคิดถึงตรงนี้ รู้สึกทั่วร่างหนาวสั่นอย่างมาก จนอยากไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
แต่หญิงสาวด้านในนั้น ถูกขังมาสิบวันเต็มแล้ว แม้ร่างกายจะแข็งแรง ก็ไม่อาจฝืนทนอยู่ในสภาพแวดล้อมชื้นแฉะเช่นนี้ได้
หลังคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์อดยื่นมือดึงชายเสื้อของเหลิ่งอวี้เซวียนไม่ได้ ก่อนเอ่ยขอร้องเบาๆ
“เซวียน พวกเราปล่อยนางไปเถิด ที่นี่มืดและอับชื้น และพี่เทียนเสวี่ยความจริงเพียงขังข้าไว้ในห้องเท่านั้น ไม่ได้ทำเรื่องเกินไปกับข้า ท่านปล่อยนางไปเถิด!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยอ้อนวอน
แม้เมื่อครู่อ้าวเทียนเสวี่ยจะด่าทอเธออย่างหยาบคาย แต่อาจเป็นเพราะเธอถูกขังอยู่ในนี้มานานเกินไป จึงเปลี่ยนไปอารมณ์ร้าย
รวมทั้งเรื่องเพลิงไหม้ครั้งก่อน ไม่ใช่ฝีมือของเธอ เธอเพียงขังตนไว้ในห้อง จึงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!
เมื่อได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ และสายตาอ้อนวอน เหลิ่งอวี้เซวียนไม่แปลกใจแม้แต่นิดเดียว
ที่ผ่านมาเขาไม่บอกเธอถึงเรื่องนี้ เพราะกลัวเธอใจอ่อน ให้เขาปล่อยคนไป แต่คนทำผิด ต้องได้รับโทษ
และเขาเพียงขังอ้าวเทียนเสวี่ยไว้ที่นี่ ไม่ได้ลงโทษเธอ ถือว่าเป็นโทษสถานเบาแล้ว
เดิมทีคิดว่า เขาทำเช่นนี้ หญิงผู้นี้จะรู้ถึงความผิดของตน และเปลี่ยนแปลง คิดไม่ถึงกลับยิ่งร้ายกาจ
เพียงเขามาถึงที่นี่ ได้ยินคำพูดร้ายกาจที่หญิงผู้นี้เอ่ยกับซินเอ๋อร์ ช่างบาดหูจริงๆ
ดังนั้นเหลิ่งอวี้เซวียนจึงยิ่งเกลียดชังอ้าวเทียนเสวี่ย
ทว่าหลังได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ในตอนนี้ แม้เหลิ่งอวี้เซวียนจะไม่ชื่นชอบหญิงสาวผู้นี้ แต่ไม่ต้องการให้ซินเอ๋อร์เสียใจ จึงคิดเอ่ยปากให้คนปล่อยหญิงผู้นี้ออกมา
แต่ทันใดนั้น อ้าวเทียนเสวี่ยที่ถูกขังอยู่ด้านใน หลังได้ยินคำพูดซินเอ๋อร์กลับไม่ได้รู้สึกซาบซึ้ง ตวาดขึ้นอย่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดี
“ผู้ใดต้องการความเห็นใจจากเจ้า เจ้าอย่าคิดว่าตอนนี้แสร้งทำเป็นเห็นใจ แล้วข้าจะซาบซึ้ง ข้าไม่ต้องการความเห็นใจของเจ้า และข้าขอเตือนพวกเจ้ารีบปล่อยข้าออกไป ข้าบอกพวกเจ้าไว้ตรงนี้ว่าข้าไม่ใช่คนที่พวกเจ้าควรยุ่งเกี่ยว ข้าเป็นถึงองค์หญิงแคว้นฉี เข้าใจแล้วปล่อยข้าออกไป หากพระบิดาและเสด็จพี่ของข้ารู้ว่าพวกเจ้าทำเช่นนี้กับข้า ระวังพวกเจ้าไร้ข้อแก้ตัว!”
หลังเอ่ยถึงตรงนี้ อ้าวเทียนเสวี่ยมีสีหน้าทะนงตนและหยิ่งยโส
แม้ตอนนี้เธอจะยุ่งเหยิงตกที่นั่งลำบาก ยังคงยโสโอหังไม่เปลี่ยน
ส่วนเหลิ่งอวี้เซวียนหลังได้ยินคำพูดของอ้าวเทียนเสวี่ย ใบหน้าหล่อเหลานั้นเพียงเหลือบมองอ้าวเทียนเสวี่ยแวบหนึ่ง
นี่คือครั้งแรกที่เขามองมายังตน
เห็นเช่นนั้น อ้าวเทียนเสวี่ยที่เชิดหน้าอยู่ ยังคงอดใจเต้นแรงชั่วขณะไม่ได้
แม้ชายผู้นี้จะขังเธอไว้ที่นี่ แต่เธอกลับไม่ได้เกลียดชังเขา โกรธเคืองเขา
และขณะที่ชายหนุ่มมองเธอเช่นนี้ ใจของเธออดเขินอายขึ้นมาไม่ได้
สวรรค์!
ตกลงตนเป็นสิ่งใดกันแน่!
หากเป็นก่อนหน้านี้ มีคนกล้าทำเช่นนี้กับเธอ เธอต้องตัดศีรษะเขาทันทีแน่นอน แต่สำหรับชายตรงหน้านี้ ไม่ว่าเธอจะทำเช่นไร ต่างตัดใจทำร้ายเขาไม่ลง
ทว่าไม่แปลก เพราะชายผู้นี้รูปโฉมหล่อเหลายิ่งนัก!
เดิมทีคิดว่าบนโลกนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเท่าพระบิดาและเสด็จพี่ของตนได้ แต่ชายผู้นี้ แม้จะยืนร่วมกับพระบิดาและเสด็จพี่ของเธอ ถือว่ายังสูสี!
ชายหนุ่มเช่นนี้ จึงจะคู่ควรกับสถานะสูงส่งของเธอ!
ขณะอ้าวเทียนเสวี่ยคิดในใจ คิดไม่ถึงชายหนุ่มเหลือบตามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนดึงสายตากลับไป ทำให้ใจของอ้าวเทียนเสวี่ยทั้งผิดหวังและโมโห
ก่อนเผยอริมฝีปากเอ่ยขึ้น
“เจ้าไม่เชื่อคำพูดข้า ข้าคือองค์หญิงแคว้นฉีจริงๆ ไม่เชื่อ เจ้าให้คนไปตรวจสอบดู ข้าคือองค์หญิงสี่แห่งแคว้นฉี อ้าวเทียนเสวี่ย ข้าเชื่อว่าด้วยความสามารถของท่าน เพียงตรวจสอบจะรู้ถึงสถานะของข้า!”
เมื่อได้ยินคำพูดของอ้าวเทียนเสวี่ย เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนพลันเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า
“ข้าเชื่อว่าเจ้าคือองค์หญิงสี่แห่งแคว้นฉี!”
หลังคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ทุกคนในคุกใต้ดินต่างแปลกใจ
นอกจากอ้าวเทียนเสวี่ยที่ตะลึงเล็กน้อยและดีใจ เสี่ยวหวนและซินเอ๋อร์ด้านข้างต่างประหลาดใจอย่างหนัก
เพราะพวกเธอทราบดีว่าเหลิ่งอวี้เซวียนไม่เคยพูดโดยไร้หลักฐานอ้างอิง เขาพูดเช่นนี้ เช่นนั้นหมายความว่าอ้าวเทียนเสวี่ยผู้นี้ คือองค์หญิงสี่แห้งแคว้นฉีจริง!
เมื่อได้ยิน ซินเอ๋อร์ตะลึงงันชั่วขณะ ก่อนหันไปเอ่ยถามเหลิ่งอวี้เซวียนอย่างไม่เชื่อสายตา
“เซวียน พี่เทียนเสวี่ยคือองค์หญิงสี่แห่งแคว้นฉีจริงหรือ เหตุใดท่านจึงรู้ได้!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยจบ เสี่ยวหวนที่อยู่ด้านข้างมองเหลิ่งอวี้เซวียนอย่างแปลกใจ เพื่อรอคอยคำตอบของเหลิ่งอวี้เซวียน
เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยิน ดวงตาแคบยาวคู่นั้นเหลือบมองอ้าวเทียนเสวี่ยแวบหนึ่ง ก่อนหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น มองใบหน้าซินเอ๋อร์พร้อมเอ่ยเสียงเบาขึ้น
“สกุลอ้าวนี้ มีเพียงเชื้อพระวงศ์ของแคว้นฉีเท่านั้นที่ใช้กัน และแคว้นฉีมีองค์หญิงสี่ที่มีนามว่า อ้าวเทียนเสวี่ยจริง!”
แม้เหลิ่งอวี้เซวียนจะทำการค้าทั่วทุกสารทิศ แต่เพราะมีความสามารถในด้านความจำเป็นเลิศ เรื่องที่ผ่านตาเพียงรอบเดียว ได้ยินเพียงรอบเดียว จะถูกจดจำไว้ในใจ
ดังนั้นเวลานี้หลังได้ยินคำพูดของหญิงสาว และเห็นหญิงสาวที่แม้จะอยู่ในสภาพย่ำแย่ แต่สีหน้ายังคงหยิ่งผยองทะนงตน จึงรู้ดีว่าคนเช่นนี้ปกติถือตัว จึงคล้ายไม่ได้พูดโกหก
เพราะหากคนผู้นี้โกหก แววตาต้องตื่นตระหนก แต่หญิงคนนี้เมื่อเอ่ยถึงคำพูดนี้ สีหน้าหยิ่งยโส จึงมั่นใจได้ว่าเธอไม่ได้โกหก