สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 282 ป้อนยา (รีไรท์)
หลังซินเอ๋อร์มาถึงห้องพักแล้วเห็นหลี่ฝู มีสีหน้าตะลึงเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าให้
ส่วนหลี่ฝูรู้หน้าที่ ไม่กล้ารบกวนเจ้านายของตนทั้งสองคน หลังค้อมกายเสร็จ หมุนตัวออกจากห้องไป
ดังนั้น ภายในห้องจึงเหลือเพียงซินเอ๋อร์และเหลิ่งอวี้เซวียนสองคนอีกครั้ง
ซินเอ๋อร์เป่ายาที่เพิ่งต้มเสร็จ จากนั้นยื่นไปให้กับเหลิ่งอวี้เซวียนที่นั่งอยู่บนเตียง พร้อมเอ่ยว่า
“มา เซวียน ถึงเวลาดื่มยาแล้ว”
ซินเอ๋อร์เอ่ยจบ กลับเห็นชายหนุ่มไม่มีทีท่ายื่นมือออกมารับยา ใบหน้าจิ้มลิ้มตะลึงงันเล็กน้อย ก่อนกระพริบตาคู่งามอย่างสงสัย น่ารัก ก่อนเอ่ยขึ้น
“มีอันใดหรือ”
“ซินเอ๋อร์ มือของข้าบาดเจ็บ เจ้าป้อนข้าเถิด!”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยพูด พร้อมเผยความเจ็บปวดออกมาทางใบหน้า
ซินเอ๋อร์เห็นไม่สงสัยเขา รีบเอ่ยปากขึ้นว่า
“โอ ต้องโทษข้า ข้าลืมไปว่าท่านมีบาดแผลมากมายบนกาย!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยตำหนิตนเองพลางยื่นมือเคาะหน้าผากตนอย่างหงุดหงิด
แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่าดวงตาดำขลับของชายหนุ่มเปล่งประกายเจ้าเล่ห์ออกมา
“มา เซวียน ข้าจะป้อนท่านเอง”
ซินเอ๋อร์เอ่ยพลางตักยาต้มป้อนเหลิ่งอวี้เซวียน
ส่วนเหลิ่งอวี้เซวียนดื่มยาอย่างเชื่อฟัง แต่ดวงตาแคบยาวนั้นกลับอดละไปจากใบหน้าของสาวน้อยตรงหน้าไม่ได้ มองจนซินเอ๋อร์เขินอาย ใบหน้าเล็กแดงก่ำขึ้นอย่างวดเร็ว
ทำให้เธอดุจดอกเหมยฮวาที่เพิ่งเบ่งบานในเดือนสิบสอง สวยงามสะดุดตา!
เหลิ่งอวี้เซวียนมองจนจิตใจฟุ้งซ่าน ในใจสั่นไหว
จนกระทั่งเหลิ่งอวี้เซวียนดื่มยาเสร็จ ซินเอ๋อร์จึงวางถ้วยยาลง
ทันใดนั้น เสี่ยวหวนยกถ้วยยาชามหนึ่งเข้ามา
หลังย่อกายคารวะเหลิ่งอวี้เซวียน นำถ้วยยาวางลงโต๊ะด้านข้างซินเอ๋อร์ ก่อนเก็บถ้วยยาที่เหลิ่งอวี้เซวียนดื่มเสร็จเมื่อครู่ไป พร้อมเอ่ยขึ้นว่า
“เอานี่ ซินเอ๋อร์ รีบดื่มยาเถิด!”
“อืม ขอบคุณเสี่ยวหวน”
ซินเอ๋อร์ได้ยิน จึงฉีกยิ้มให้กับเสี่ยวหวน
เมื่อซินเอ๋อร์เอ่ยจบจึงหันกลับมา ก่อนพบว่าถ้วยยาตรงหน้าตน กลับอยู่ในมือของเหลิ่งอวี้เซวียน
“เอ่อ เซวียน!”
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์กระพริบตาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนเอ่ยถามขึ้น
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นท่าทางมึนงงของซินเอ๋อร์ โบกมือให้เสี่ยวหวนออกไป ก่อนเอ่ยกับซินเอ๋อร์ว่า
“เมื่อครู่เจ้าป้อนข้า มีบุญคุณต้องตอบแทน ถึงคราที่ข้าต้องป้อนเจ้าแล้ว!”
“หา แต่ เมื่อครู่มือของท่าน...” ไม่ได้บาดเจ็บหรือ!
ซินเอ๋อร์สงสัยในใจ แต่เธอยังไม่ทันเอ่ยจบ ชายหนุ่มตัดบทขึ้นเสียก่อน
“มือของข้าตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว และ…”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ ชายหนุ่มอดชะงักไม่ได้ ก่อนยิ้มมุมปากคล้ายมีความหมายแอบแฝงให้กับซินเอ๋อร์
“ข้าไม่ได้ใช้มือป้อนยาเจ้า”
“หา ไม่ใช้มือ แล้วใช้สิ่งใดหรือ!”
ครั้งนี้ซินเอ๋อร์ไม่เข้าใจ
ทว่าเธอรู้สึกเพียงรอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มเวลานี้ แปลกประหลาด จนเธอขนลุกชัน
แต่ขณะที่ซินเอ๋อร์สงสัยขนลุกในใจ กลับเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนดื่มยาในมือลงไป
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น ปากเล็กแทบอ้ากว้างจนเป็นรูปตัวโอ
แต่ขณะซินเอ๋อร์ยังไม่ได้สติ รู้สึกเพียงร่างกายพลิกหมุน หลังได้สติจึงรู้ว่าตนเวลานี้ถูกคร่อมทับอยู่ใต้ร่างของชายหนุ่ม
“เอ้อ เซวียน เหตุใดท่าน...เอ่อ”
ซินเอ๋อร์เอ่ยยังไม่จบ รู้สึกเพียงปากเล็กของตนถูกประกบแน่นด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวคู่หนึ่ง
ทันใดนั้น ยาน้ำรสขมไหลจากปากของอีกฝ่ายเข้ามาภายในปากเล็กตน
“อือ”
เมื่อรู้สึกถึงยารสขมไหลเข้ามาในปากตน ซินเอ๋อร์ตกตะลึงจนดวงตาเบิกกว้าง
และรู้ว่าคำพูดทั้งหมดเมื่อครู่ของชายหนุ่มหมายความเช่นไร
ที่แท้ เขามั่นใจไม่ยอมใช้มือป้อนยา เพราะจะใช้ปากนี่เอง
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์คิดดิ้นหลบ
แต่ชายหนุ่มเตรียมตัวโดยรัดท้ายทอยเธอไว้แน่น ทำให้เธอไร้การขัดขืน เพียงยอมรับวิธีการป้อนยาที่แปลกประหลาดดุดันนี้ของเขา
และหลังป้อนยาเสร็จ ชายหนุ่มไม่ได้ผละจากไป
ลิ้นชุ่มชื้นยังมีรสขมนั้น กวาดล้าง อ้อยอิ่ง ครอบครองภายในปากของเธอไม่หยุด
และจุมพิตลึกซึ้ง ดุดันของชายหนุ่มนี้ คล้ายกับคนที่กระหายน้ำกลางทะเลทราย ขณะที่พบเจอแหล่งน้ำเข้า ดูดกลืนอย่างบ้าคลั่ง นำน้ำหวานภายในปากของเธอไปจนหมด
จุมพิตนี้ดำเนินไปเนิ่นนานราวกับศตวรรษ จนกระทั่งซินเอ๋อร์แทบหมดลมหายใจ
ชายหนุ่มจึงจากไปอย่างอาวรณ์ ลมหายใจแฝงกลิ่นยานั้นถูกพ่นลงบนใบหน้าเธอ ทั้งจั๊กจี้ ชื้นแฉะ และร้อนผ่าว
คล้ายการกระทำแฝงไปด้วยความวาบหวาม ทำให้กระดูกของเธออ่อนระทวย
ซินเอ๋อร์ส่งเสียงครวญครางออกมา หลังรู้สึกถึงการนิ่งไปของชายหนุ่ม แต่กลับคร่อมทับอยู่บนกายเธอโดยไม่ขยับเขยื้อน เธอจึงอดกระพริบตาอย่างสงสัยชั่วขณะไม่ได้ ก่อนยื่นมือผลักชายหนุ่มอย่างเบามือ
“เซวียน”
ซินเอ๋อร์เอ่ยเรียกเบาๆ แต่ชายหนุ่มมีเพียงลมหายใจที่ราบเรียบตอบกลับมา
เมื่อได้ยิน ใบหน้าจิ้มลิ้มของซินเอ๋อร์ตะลึงงัน ปากเล็กที่ถูกจุมพิตจนแดง บวมเป่งนั้นอดยิ้มไม่ได้ ก่อนพึมพำขึ้น
“ฮ่า ๆ เป็นเช่นนี้ก็ยังหลับสนิทได้!”
ทว่าเธอทราบดีว่าชายหนุ่มบาดเจ็บหนัก จำต้องพักผ่อนให้มาก และเธอก็เหนื่อยล้าเช่นกัน
แต่ชายหนุ่มกลับคร่อมทับอยู่บนกายเธอ ทำให้เธอขยับตัวไม่ได้
ซินเอ๋อร์ออกแรงผลักหลายครั้ง จึงผลักชายหนุ่มลงจากกายตนได้ และคิดจะลุกขึ้นจากไป
แต่ชายหนุ่มที่แม้จะหลับสนิท มือใหญ่ทรงพลังคู่นั้นกลับรัดเอวเล็กของเธอไว้แน่น ทำให้เธอขดตัวอยู่ในอ้อมกอดตน
ท่าทางนั้น คล้ายตนกำลังกอดสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดอยู่ เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์อดอบอุ่นในใจไม่ได้ และไม่ดิ้นรนอีก
เพราะอ้อมกอดของชายหนุ่มอบอุ่น หนาแน่นขนาดนี้ คล้ายหลุมหลบภัยที่ปลอดภัยที่สุด เมื่อเธออยู่ในนั้นจึงรู้สึกปลอดภัย แม้มีพายุลม พายุฝนโหมกระหน่ำ ฟ้าถล่มลงมา ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว
ขณะคิดในใจ ซินเอ๋อร์ที่เหนื่อยล้าค่อยๆ หลับตาลง และเข้าสู่ห้วงฝัน
…
บนกายเหลิ่งอวี้เซวียนแม้จะบาดเจ็บอย่างหนัก แต่เพราะร่างกายแข็งแรง หลังพักผ่อนกว่าสิบวัน จึงกลับมาเป็นปกติกว่าเจ็ดส่วน
ส่วนซินเอ๋อร์ภายในสิบวันนี้ เรื่องที่ต้องจัดการทุกวันคือดื่มยา พักผ่อน จากนั้นคอยอยู่ข้างกายเหลิ่งอวี้เซวียน
ทุกวันเงาร่างของทั้งสองแทบไม่แยกจากกัน เป็นที่อิจฉาของคนรอบข้าง!
แม้ซินเอ๋อร์จะอยู่ในวังทุกวันไม่ได้ออกไปที่ใด แต่ข่าวที่เกิดขึ้นด้านนอก เธอยังพอทราบ
เพราะมีเสี่ยวหวนผู้รอบรู้ในทุกเรื่อง ทุกวันมีข่าวลือใด ซินเอ๋อร์จะสามารถรับรู้ได้ทันที
เมื่อได้ฟังเสี่ยวหวน ซินเอ๋อร์จึงทราบว่าเรื่องเพลิงไหม้ครั้งนี้ เป็นฝีมือของเถ้าแก่ชุย
ชุยเทียนเฉิงเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนเป็นคู่แข่งมาโดยตลอด เพราะเหลิ่งอวี้เซวียนมีความสามารถทางด้านการค้า องอาจ ข่มชุยเทียนเฉิงลงในทุกๆ ด้าน
การค้าขายครั้งใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกเหลิ่งอวี้เซวียนแย่งชิงไป ทำให้ชุยเทียนเฉิงโมโหอย่างหนัก ก่อนวางแผนทำบางสิ่งเพื่อระบายอารมณ์
จึงเกิดเรื่องเพลิงไหม้ครั้งนี้ขึ้นมา
โชคดีไฟไหม้ครั้งนี้ ทำลายเพียงตำหนักหยกขาวลง เหลิ่งอวี้เซวียนและเธอเพียงบาดเจ็บ ไม่ได้มีผู้คนเสียชีวิต
ทว่าสิ่งที่เถ้าแก่ชุยได้รับจากการวางเพลิงครั้งนี้กลับหนักหนาอย่างยิ่ง
เวลาสั้นๆ เพียงสิบวัน กิจการของเถ้าแก่ชุยล้มละลายลงไปทีละร้าน วันนี้ติดค้างหนี้ผู้คน จนล้มละลาย
ตอนนี้ทุกคนที่เห็นเถ้าแก่ชุย ราวกับเห็นหนูข้างถนน ทุบตีด่าทอ
เมื่อเสี่ยวหวนเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ ทั่วใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่า ๆ สมน้ำหน้าเถ้าแก่ชุยนัก ไร้ความสามารถจนถูกนายท่านแย่งกิจการไป ยังมีใจมุ่งร้าย คนประเภทนี้สมควรให้ฟ้าผ่าเสียจริง!”
เสี่ยวหวนมีท่าทางโมโหอย่างหนัก
ซินเอ๋อร์ด้านข้างได้ยิน เพียงก้มหน้าลงส่ายหน้า ก่อนกล่าวยิ้มๆ ว่า
“เสี่ยวหวนเจ้าอย่าโมโหไปเลย ตอนนี้พวกเราก็ไม่เป็นสิ่งใด โอ้ จริงสิ”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์คล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงเอ่ยปากขึ้น
“คนที่ขังข้าไว้ในห้องพัก ก็คือคนของเถ้าแก่ชุยหรือ!”
หลายวันนี้ ซินเอ๋อร์คอยอยู่ข้างกายเหลิ่งอวี้เซวียนตลอดเวลา มีคำถามมากมาย แต่เหลิ่งอวี้เซวียนเอาแต่เอ่ยว่าทั้งหมดนี้ปล่อยให้เขาจัดการเอง แต่กลับไม่ยอมเอ่ยถึงเหตุผล
ตอนนี้ เห็นเสี่ยวหวนอยู่ข้างกาย ซินเอ๋อร์จึงอดเอ่ยถามอย่างแปลกใจไม่ได้
“ที่แท้เจ้ายังไม่รู้หรือ!”
“หา รู้เรื่องใดหรือ!”
เมื่อเห็นท่าทางตกใจของเสี่ยวหวน ซินเอ๋อร์กลับตะลึงงัน ก่อนเอ่ยถามขึ้น
เสี่ยวหวนเห็นท่าทางไม่เข้าใจของซินเอ๋อร์ จึงเอ่ยเรื่องที่ซินเอ๋อร์สงสัยทั้งหมดออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ฮึ เจ้าไม่รู้หรือว่าคนที่ขังเจ้าไว้ด้านใน ไม่ใช่พวกคนของเถ้าแก่ชุย แต่เป็นหญิงชั่วช้าสมควรตายผู้นั้น!”
“หญิงชั่วช้า ผู้ใดหรือ!”
เมื่อได้ยิน ซินเอ๋อร์ยิ่งแปลกใจ
เสี่ยวหวนได้ยิน อดเหลือกตามองเธอไม่ได้ ก่อนเอ่ยขึ้น
“ยังจะเป็นผู้ใด หากไม่ใช่อ้าวเทียนเสวี่ย หญิงชั่วช้าผู้นั้น ตอนนี้นางถูกนายท่านจับขังอยู่ที่คุกใต้ดิน และให้คนคอยเฝ้าไว้”
“อะไรนะ เป็นนางหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเสี่ยวหวน ซินเอ๋อร์ตกตะลึงสุดขีด
แม้ตอนแรกเธอจะเคยคิดว่าคนที่ขังเธอไว้ในห้องอาจเป็นนาง แต่ต่อมาคิดดูแล้ว อ้าวเทียนเสวี่ยไม่มีเหตุผลที่ต้องขังเธอไว้ภายในห้อง มิใช่หรือ!
แต่ตอนนี้ได้ฟังคำพูดและสีหน้าโมโหของเสี่ยวหวน ซินเอ๋อร์จึงมั่นใจ
แต่เหตุใดนางต้องขังเธอไว้ในห้อง!
ตนและนางไม่ได้มีความโกรธแค้นใดต่อกัน!
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ ท่ามกลางความไม่เข้าใจ เธอพลันลุกขึ้น ก่อนพุ่งออกไปด้านนอก
เห็นเช่นนั้น เสี่ยวหวนตะลึงงัน เอ่ยถามขึ้น
“ซินเอ๋อร์ เจ้าจะไปที่ใด!”
“ไปคุกใต้ดิน ข้าต้องถามให้รู้ว่าเหตุใดนางจึงต้องขังข้าไว้ในห้อง!”
ซินเอ่อร์เอ่ยจบ มุ่งตรงไปยังทิศของคุกใต้ดิน
เสี่ยวหวนเห็นอดกัดลิ้นตำหนิตนเองไม่ได้ ก่อนพึมพำขึ้นอย่างหงุดหงิด
“ซวยแล้ว ซินเอ๋อร์ไปพบหญิงเลวผู้นั้น ไม่รู้ว่าหากนายท่านรู้เข้าจะโมโห โทษว่าข้าปากมากหรือไม่”
เสี่ยวหวนเอ่ยอย่างหงุดหงิด ทว่าเมื่อเห็นซินเอ๋อร์เดินออกไปไกลแล้ว อดร้องเรียกอย่างร้อนใจไม่ได้
“ซินเอ๋อร์ รอข้าก่อน ข้าจะไปกับเจ้า”