สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 269 คืนอันคลุมเครือ
ขณะเหลิ่งอวี้เซวียนคิดในใจ ซินเอ๋อร์ยังไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ เพียงกังวลใจว่ามีคนได้รับบาดเจ็บ
ตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว รอบด้านค่อยๆ เข้าสู่ความมืด ชาวนาต่างพากันกลับบ้านทานข้าวพักผ่อน หากมีคนบาดเจ็บอยู่ที่นี่ ต้องไม่ได้รับความช่วยเหลือแน่ น่าสงสารยิ่งนัก!
พอคิดถึงตรงนี้ คิ้วเข้มของซินเอ๋อร์ขมวดเป็นปม ก่อนใช้มือดึงชายเสื้อของเหลิ่งอวี้เซวียน ใช้สายตาอ้อนวอนมองชายหนุ่มด้านหลัง ก่อนเอ่ยขอร้อง
“เซวียน พวกเราเข้าไปดูเถิด อาจมีคนต้องการความช่วยเหลือจากเราก็เป็นได้!”
หลังได้ฟังคำพูดน่าสงสารของซินเอ๋อร์ ดวงตาดำขลับของเหลิ่งอวี้เซวียนเป็นประกายอย่างเจ้าเล่ห์
น่าเสียดายตอนนี้ท้องฟ้าค่อยๆ มืดมิดลง ดังนั้นซินเอ๋อร์จึงไม่รับรู้ถึงความผิดปกติของเหลิ่งอวี้เซวียน ก่อนได้ยินเขาเอ่ยว่า
“หรือคนผู้นั้นอาจไม่อยากให้เราเข้าไปก็เป็นได้!”
คำพูดนี้ของเหลิ่งอวี้เซวียนดูมีลับลมคมใน น่าเสียดายที่ซินเอ๋อร์ไร้เดียงสา จึงไม่รับรู้ถึงความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้น จึงเพียงกระพริบตาอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ และเอ่ยถามขึ้น
“เซวียน ท่านหมายความเช่นไร เหตุใดคนผู้นั้นจึงไม่อยากให้พวกเราเข้าไป!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยจบ ได้ยินเพียงเสียงครวญครางนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงเจ็บปวดนั้นต้องเป็นผู้หญิงแน่ และเวลานี้คล้ายจะทรมานอย่างมาก จึงร้องอย่างรุนแรงขึ้นเช่นนี้
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น ไม่รอคำตอบของเหลิ่งอวี้เซวียน พลันพยายามดึงแขนและเอ่ยเร่งเร้าเขา
“เซวียน มีคนบาดเจ็บจริงๆ ท่านฟังสิ เสียงโหยหวนยิ่งนัก พวกเรารีบไปเถิด!”
“ได้ ทว่าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง!”
แน่นอน คำพูดสุดท้ายของเหลิ่งอวี้เซวียนนั้น เอ่ยอย่างแผ่วเบา
เวลานี้ความสนใจทั้งหมดของซินเอ๋อร์อยู่ที่พุ่มไม้ด้านหน้า จึงย่อมไม่ได้ยินแน่นอน
เพียงเอ่ยเร่งให้เหลิ่งอวี้เซวียนเข้าไปดู
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น เพียงกระโดดลงจากหลังม้าอย่างสง่างาม จากนั้นยื่นแขนโอบเอวเล็กของซินเอ๋อร์ เพื่ออุ้มเธอลงจากหลังม้า
เวลานี้ตกกลางคืนแล้ว
เห็นเพียงดวงดาวสว่างไสวบนท้องฟ้า พระจันทร์ลอยเด่น ทำให้ท้องฟ้าที่มืดมิด สวยงามมากขึ้น!
แสงจันทร์สีขาวนวลจากพระจันทร์ อาบลงมาทั่วพื้นแผ่นดินอย่างอ่อนโยน บางเบาดุจควัน ดุจผ้าแพร ทำให้ทั่วพื้นดินมีเสน่ห์และลึกลับมากขึ้นหลายส่วน
เห็นเพียงเวลานี้ สถานที่ซินเอ๋อร์และเหลิ่งอวี้เซวียนอยู่ในตอนนี้คือ ทุ่งนาชายป่า
เห็นเพียงที่นี่ ต้นข้าวสูงถึงเข่าถูกพัดไปตามสายลม ทำให้ลมยามค่ำคืนหอบเอาความหอมสดชื่นของต้นข้าวต้นหญ้าติดไปด้วย
แม่น้ำสายเล็กด้านข้างไหลเอื่อย และบนผิวน้ำแวววาว เพราะแสงจันทร์สว่างไสวสาดส่องลงมาจนเกิดประกายแสงสีเงิน ระยิบระยับ ชวนหลงใหล!
ในพุ่มไม้เขียวชุอ่มข้างแม่น้ำสายเล็ก เสียงหญิงสาวร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดดังขึ้นไม่ขาดสาย
ซินเอ๋อร์ค่อยๆ เดินไปที่พุ่มไม้นั้น ก่อนคิดส่งเสียงเรียกออกไป ทว่าทันใดนั้นเหลิ่งอวี้เซวียนกลับพลันใช้มือบอกให้เธออย่าพึ่งวู่วาม
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น แม้จะสงสัยในใจ แต่เธอทราบดีว่าเหลิ่งอวี้เซวียนทำสิ่งใด ล้วนมีเหตุผลเสมอ ดังนั้นซินเอ๋อร์เวลานี้แม้จะร้อนใจกังวลสุดชีวิต แต่กลับยังข่มความร้อนใจนั้นเอาไว้ ก่อนเดินตรงไปที่พุ่มไม้
หลังเธอเข้าใกล้พุ่มไม้นั้นเรื่อยๆ เสียงครวญครางของหญิงสาวยิ่งชัดเจนขึ้น
เมื่อครู่ซินเอ๋อร์ขณะได้ยินเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดของหญิงสาว คิดว่ามีคนได้รับบาดเจ็บ จึงกังวลอย่างหนัก
ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด เวลานี้ยิ่งเธอใกล้พุ่มไม้นั้นเข้าไปเรื่อยๆ ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางของหญิงสาว รู้สึกเพียงเสียงนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก
แม้เสียงนั้นจะเจ็บปวดหลายส่วน แต่กลับคล้ายหอบหายใจไปด้วย ราวกับ…
ซินเอ๋อร์พลันตกใจทันที ก่อนที่ภาพน่าตกใจจะปรากฎขึ้นต่อสายตาตน
เห็นเพียงแสงจันทร์กระจ่างใส ริมแม่น้ำสายเล็กสว่างแจ่มชัด ทำให้ชายหญิงคู่หนึ่งที่อยู่กลางพุ่มไม้ปรากฎขึ้นในสายตาของซินเอ๋อร์อย่างไร้สิ่งบดบัง
เห็นเพียงหญิงสาวนอนอยู่บนผืนหญ้า ร่างกายเปลือยเปล่า เผยผิวขาวโพลนและส่วนเว้าส่วนโค้งบนร่างกายของเธอออกมา
ใบหน้าของหญิงสาวถูกเส้นผมบดบัง จึงมองไม่เห็นรูปโฉมที่แท้จริงของเธอ แต่จากเสียงของเธอเดาได้ว่า นี่คือหญิงสาวที่กำลังเป็นสาวเต็มวัยผู้หนึ่ง
และบนร่างกายของหญิงสาวมีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คร่อมทับอยู่
ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ เต็มไปด้วยมัดกล้าม เวลานี้ชายหนุ่มกอดที่เอวเล็กของหญิงสาว ก่อนเชยชมร่างกายของหญิงสาวอย่างบ้าคลั่งลืมตัว
ท่าทางอันผาดโผนและเสียงของความสุขที่ทำให้คนหน้าแดงใจเต้นแรงของทั้งสองนั้น ดังขึ้นไม่ขาดสาย ทำให้ค่ำคืนน่าหลงใหล พลันเปลี่ยนไปวาบหวิวเป็นพิเศษขึ้นมา
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงร่างกายระเบิด ‘ตูม’ ขึ้น ดังกับถูกฟ้าผ่า ตกตะลึงอยู่ตรงนั้น
ดวงตาคู่งามนั้น พลันเบิกกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่ออย่างไม่ปิดบัง
ปากเล็กเพราะตกใจสุดขีดจึงอ้าค้าง
ทว่าเธอยังไม่ทันหายใจ มือใหญ่อบอุ่นและหนาพลันปิดปากเล็กของเธอไว้แน่น ทำให้เธอส่งเสียงออกมาไม่ได้
“อือ”
เมื่อปากเล็กถูกปิด ซินเอ๋อร์พลันตกใจ ทว่าเพราะเวลานี้ตกตะลึงเกินไป เธอจึงไม่ได้แกะมือใหญ่ออกจากปากเล็กทันที เพราะคิดว่าเหตุใดจึงไม่ปิดดวงตาของเธอไปด้วย!
แม้เวลานี้เธออยากจะปิดตาลงอย่างมาก แต่ดวงตาของเธอกลับไม่ฟังคำสั่ง เบิกกว้างขึ้น ราวต้องการเก็บภาพที่เกิดขึ้นด้านหน้าไว้
หูได้ยินเสียงครวญครางมีความสุขของชายหญิงคู่นั้นดังมาจากพุ่มไม้ไม่หยุด
ซินเอ๋อร์เวลานี้ อยากหมุนตัวหนีไปจากตรงนี้จริงๆ หรือยื่นมือปิดดวงตาและใบหูของตนไว้ ไม่มอง ไม่ฟังเสียงที่ทำให้หน้าแดงใจเต้นแรงพวกนี้
แต่เวลานี้มืดแล้ว รอบด้านจึงเงียบงันอย่างมาก มีเพียงเสียงความสุขของชายหญิงหลังพุ่มไม้คู่นั้น
ซินเอ๋อร์เวลานี้ตกตะลึงอย่างสุดขีด
ร่างกายคล้ายกลายเป็นหิน ไม่ไหวติง เท้าของตนคล้ายมีรากงอกออกมาฝังลึกลงไปในดิน ขยับเช่นไรก็ไม่เคลื่อนไหว
ซินเอ๋อร์รู้สึกถึงชายหนุ่มที่กำลังอยู่ด้านหลังเธอ โอบกอดเธอ และใช้มือปิดปากเธอ คล้ายเปลี่ยนไปผิดปกติเช่นกัน
คล้ายเธอรู้สึกว่าคนที่แข็งทื่อเป็นหิน ไม่ได้มีเธอเพียงคนเดียว
ชายหนุ่มด้านหลังเธอ เวลานี้แข็งทื่อไปทั่วร่าง
และบนกายชายหนุ่มคล้ายร้อนผ่าว แม้จะมีเสื้อผ้าขวางกัน แต่ไอร้อนนั้นทะลุออกมาจากกายเขา จนทำให้เธอเปลี่ยนไปร้อนรุ่ม
ทว่าสิ่งที่ทำให้ซินเอ๋อร์ตกใจที่สุดคือ เวลานี้จู่ๆ ชายหนุ่มนำคางซบลงบนซอกคอเธอ ก่อนคล้ายลูกสุนัขตัวน้อยคลอเคลียเธอไม่หยุด จากนั้นพยายามสูดดม
ลมหายใจเปียกชื้นนั้น ถูกพ่นลงบนใบหูและซอกคอเธอไม่หยุด จนเปียกชื้นและจั๊กจี้ ทำให้เธอต้องส่ายคอหลบหลีกการกระทำที่แปลกประหลาดของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มเวลานี้แปลกประหลาดยิ่งนัก
เขาไม่เพียงใช้มือปิดปากเล็กของเธอ อีกมือยังรัดเอวเล็กของเธอไว้อย่างแน่นหนา ทำให้เธอถูกขังอยู่ในอ้อมกอดของเขา จนขยับตัวไม่ได้
ส่วนลมหายใจที่รินรดข้างใบหูนั้น ค่อยๆ ติดขัด คล้ายอดกลั้นบางสิ่ง
สำหรับการกระทำที่แปลกประหลาดของชายหนุ่ม ทำให้ซินเอ๋อร์ใจเต้นเร็วขึ้น และกังวลอย่างที่สุด
ก่อนหน้านี้อาจเพราะเธอไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มกำลังทำสิ่งใด
แต่ตอนนี้หลังผ่านเรื่องถูกจับตัวไปขายที่หอคณิกา เห็นภาพวังวสันต์ (หนังสือรวมภาพกิจกรรมทางเพศ) แขวนไว้ในห้องมากมาย
เมื่อเห็นเรื่องที่ทำให้คนหน้าแดงใจเต้นแรงของคู่ที่อยู่ตรงหน้า
ซินเอ๋อร์แม้จะโง่เขลา แต่รับรู้ว่าชายหนุ่มด้านหลังเธอผู้นี้ กำลังทำสิ่งใด
เขาเวลานี้ คล้ายสัตว์ร้ายที่ติดสัดตัวหนึ่ง และกำลังต้องการคู่ครอง
เพียงคิดถึงตรงนี้ ใจของซินเอ๋อร์พลันเต้นระรัว
ในใจหวาดกลัว ซินเอ๋อร์คล้ายพยายามตามหาพละกำลังที่หายไป ก่อนดิ้นอยู่ในอ้อมกอดชายหนุ่มไม่หยุด
แต่กำลังของสตรีมิอาจสู้บุรุษได้
ดังนั้นไม่ว่าเธอจะดิ้นรนอย่างไร ต่างหนีไม่พ้นจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม
และซินเอ๋อร์รู้ว่าการดิ้นและเสียดสีร่างกายชายหนุ่มไม่หยุดของตนนี้ ทำให้ชายหนุ่มที่ข่มกลั้น ยิ่งไม่สามารถควบคุมความปรารถนาของตนได้
เหลิ่งอวี้เซวียนคือบุรุษผู้หนึ่ง!
เป็นบุรุษปกติผู้หนึ่ง!
และตอนนี้เขาอายุสิบแปดปีแล้ว อยู่ในช่วงเต็มไปด้วยกำลังวังชา
แม้ที่ผ่านมาเขาจะมีความปรารถนาของตนเป็นปกติ แต่เขากลับไม่เรียกใช้หญิงสาวเลยสักครั้ง
เพราะเรื่องระหว่างชายหญิง ในความคิดของเขาคือเรื่องระหว่างชายหญิงที่เป็นคู่รักกัน
ก่อนหน้านี้เขาไม่เจอหญิงที่ตนรัก ตอนนี้เขาตามพบแล้ว
และหญิงผู้นั้นอยู่ในอ้อมกอดเขา
ภาพอันเร่าร้อนด้านหน้านั้น ปลุกความปรารถนาที่เหลิ่งอวี้เซวียนข่มไว้ในใจขึ้นมา
และเสียงครวญครางดังขึ้นไม่หยุดของชายหญิงด้านหน้า เสียงกระแทก ‘ตับตับตับ’ และเสียงไหลของแม่น้ำ คล้ายยาปลุกกำหนัดชั้นดี ทำให้ไฟปรารถนาของเขาลุกโชนขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุด
ตอนนี้เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป!
และเขาต้องการเธออย่างมาก!
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนโอบหญิงสาวที่ดิ้นรนไม่หยุดในอ้อมกอด ก่อนจับเธอพลิกตัว ทันใดนั้นเธอเผชิญหน้ากับเขา
มือใหญ่ที่ปิดปากเล็กของซินเอ๋อร์ ในที่สุดถูกแทนที่ด้วยริมฝีปากร้อนระอุ
จุมพิตของชายหนุ่ม ไม่ได้อ่อนโยนดังเช่นที่ผ่านมา แต่แฝงไปด้วยความดุดัน ป่าเถื่อน และก้าวร้าว
ขณะที่สาวน้อยดิ้นรน ลิ้นยาวชุ่มชื้นของเขานั้น ก็ออกแรงง้างเปิดออกอย่างชำนาญ สอดลิ้นยาวเข้าไป ก่อนกวาดภายในปากของสาวน้อยอย่างบ้าคลั่ง พร้อมดูดกลืนน้ำหวานด้านใน
หลังรับรู้ถึงความหอมหวานของริมฝีปากสาวน้อย ชายหนุ่มอาวรณ์อย่างหนัก จนกระทั่งคิดว่าชั่วชีวิตนี้ อยากหยุดเวลาให้อยู่ตรงนี้ตลอดไป
รวมทั้งเสียงนั้นที่ดังขึ้นไม่หยุด จนเหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกว่าเลือดกำลังเดือดพล่านไปทั่วกาย
เขาเวลานี้ ไม่สนใจว่าตอนนี้อยู่ที่ใด คิดเพียงจุมพิตคนตรงหน้าที่หอมหวานอย่างไม่น่าเชื่อนี้อย่างลึกซึ้ง ก่อนครอบครองเธอ!
…………………………………………………………….