สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 130.2 ปกปิดความลับ (2)
พอคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเล่อเหยาเหยาดูขวยเขิน แววตาพลันปรากฏความละอายใจหลายส่วน ก่อนหัวเราะขึ้น
“ฮ่า ๆ พักนี้ข้าคล้ายกำลังเจริญเติบโต จึงย่อมทานมากเป็นธรรมดา”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง งั้นเจ้าทานอิ่มหรือไม่ หากยังอยากทาน ข้าจะให้เสี่ยวถังไปซื้อกลับมา”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋พลันเอ่ยปากขึ้นทันที
เล่อเหยาเหยาเมื่อได้ยิน ก็ส่ายหน้า ก่อนยิ้มพลางเอ่ยว่า
“ไม่ล่ะ ข้าอิ่มแล้ว ”
“เช่นนั้นก็ดี อายุเช่นเจ้าควรกินให้มากหน่อย”
สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋ไม่เกิดความสงสัย
เพราะร่างนี้ของเล่อเหยาเหยาอายุเพียงสิบหกปี การทานจำนวนมากย่อมเป็นเรื่องปกติ เพราะร่างกายกำลังเจริญเติบโต
เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยายิ้มพลางพยักหน้า หางตาพลันเหลือบมองเห็นบางอย่าง ดวงตาคู่งามเป็นประกาย
“พี่ไป๋ ที่แท้ท่านก็ดีดพิณได้ด้วยหรือ!”
น้ำเสียงเล่อเหยาเหยาดูประหลาดใจ สายตาไม่ละไปจากพิณที่วางไว้ข้างพุ่มดอกไม้นั้น
ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นพิณตัวนี้เลย คิดไปแล้ว มีเพียงวันนี้ที่วางอยู่ตรงนี้
ตงฟางไป๋ได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ก็มองตามเล่อเหยาเหยาไปยังพิณตัวนั้นครู่หนึ่ง
พิณตัวนั้นไม่เคยอยู่ห่างตัวเขา ก่อนหน้านี้เข้าล้วนวางไว้ในห้อง วันนี้เห็นอากาศไม่เลว จึงพลันเกิดความรู้สึกอยากดีดพิณ ดังนั้นจึงหยิบมันออกมา
แต่ว่าเมื่อครู่เขาเพียงหยิบออกมา กลับยังไม่ได้ดีดมัน ตอนนี้ได้ยินเล่อเหยาเหยาพูดเช่นนี้ ดวงตาดำขลับน่ามองคู่นั้นอดเป็นประกายชั่วขณะไม่ได้ ก่อนยิ้มพลางเอ่ยว่า
“ดีดพอได้”
“ฮ่า ๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาจึงละสายตาจากพิณ หันมามองชายหนุ่มตรงหน้า
เห็นเพียงตัวชายหนุ่มแฝงด้วยความเย็นชา ท่วงท่าดุจฝุ่น ผมดำดุจน้ำตก ใบหน้าหมดจด ทุกท่วงท่าต่างสง่างามและงดงามอย่างยากที่จะอธิบายได้
เห็นชัดว่าเต็มไปด้วยความสามารถ แต่เขากลับถ่อมตัว จึงยากที่คนจะไม่ชื่นชอบ
รู้ว่าตงฟางไป๋ถ่อมตัว เล่อเหยาเหยาพลันเงยหน้าขึ้น ดวงตาสดใสคู่งามเต็มไปด้วยการรอคอย มองไปยังตงฟางไป๋ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า
“เช่นนั้นพี่ไป๋ ท่านดีดพิณให้ข้าฟังได้หรือไม่”
สำหรับดวงตาออดอ้อนคาดหวังของเล่อเหยาเหยา ทำให้ดวงตาดำขลับของตงฟางไป๋เป็นประกายครู่หนึ่ง ก่อนยกริมฝีปากแดงขึ้น เลิกคิ้วงามเล็กน้อย ก่อนยิ้มว่า
“จะไม่ได้ ได้เช่นไร”
เอ่ยจบ เห็นตงฟางไป๋ลุกจากที่นั่ง จากนั้นก็เดินอย่างมั่นคงไปยังพุ่มไม้
เห็นเพียง พิณตัวนั้นถูกวางไว้บนโต๊ะหินตัวหนึ่งด้านหน้าพุ่มไม้
ส่วนรอบด้านของโต๊ะหินนั้น ปลูกดอกพิทูเนียไว้มากมาย
เพราะดอกพิทูเนียถือเป็นยาจีนประเภทหนึ่ง ดังนั้นก่อนที่ตงฟางไป๋จะเลือกห้องนี้ เห็นดอกพิทูเนียเบ่งบานเต็มด้านหลังที่พัก เขาจึงไม่ให้ผู้ใดแตะต้อง
เวลานี้ ดอกพิทูเนียทั่วที่พักด้านหลังกำลังชูช่ออวดโฉม
แม้ดอกพิทูเนียจะจะรูปร่างเรียบง่าย ทว่ากลับมีสีสันหลากหลาย ตัวดอกมีมากมาย เมื่อประดับอยู่บนใบไม้เขียวชอุ่มนั้น ดูน่ามองอย่างยิ่ง!
แต่หากให้เล่อเหยาเหยาพูด แม้ทิวทัศน์จะงดงาม แต่ก็ใช้เพียงส่งเสริมให้ชายหนุ่มชุดขาวดุจหิมะ สะอาดสะอ้านให้มีกลิ่นอายดุจเทพเซียน!
จากท่าเดินของเขา เมื่อสายลมโชยมา พัดเสื้อเขาปลิวไสว ผมยาวด้านหลังปลิวสะบัดขึ้นอย่างงดงาม
เสริมให้ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ตินั้น ดูสุขตาสุขใจ หลากหลายอารมณ์!
เห็นเช่นนั้น แววตาเล่อเหยาเหยาอดปรากฏความตกตะลึงไม่ได้!
เป็นชายหนุ่มที่แผ่วเบาดุจฝุ่น บริสุทธิ์ดุจดอกบัว หาได้ยากบนโลกใบนี้เสียจริง!
ขณะที่เล่อเหยาเหยาอุทานในใจ ก็เห็นชายหนุ่มนั่งอยู่อย่างงามสง่า พลันยกใบหน้าขึ้น ก่อนเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาว่า
“อยากฟังเพลงใดหรือ”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนงามสง่าของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาพลันได้สติ ตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนเผยรอยยิ้มออกมา
“แล้วแต่พี่ไป๋จะกรุณา”
เพราะยุคสมัยนี้มีบทเพลงใดที่ไพเราะ เธอไม่รู้เลย
“ได้ เช่นนั้นข้าจะเล่นเพลง สายลมเมามาย ก็แล้วกัน”
ตงฟางไป๋เอ่ยจบ มือใหญ่เย็นเฉียบเรียวยาวนั้น พลันวางลงบนพิณอย่างสง่างาม
มือชายหนุ่ม ขาวผ่องหมดจด นิ้วทั้งห้าเรียวยาว ข้อกระดูกเป็นสัดส่วน น่ามอง ดุจงานศิลปะที่ถูดจัดแสดงในงานนิทรรศการ
ขณะที่เล่อเหยาชื่นชมในใจ ก็เห็นชายหนุ่มยื่นมือลูบไล้ด้านล่างพิณ ก่อนนิ้วทั้งห้าที่เรียวยาวดุจหยก จะสะบัดดีดที่สายพิณอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น โน้ตเพลงที่งดงาม ก็ดังออกมาจากปลายนิ้วของเขา
เสียงพิณงดงามไพเราะ ดุจสายน้ำไหลผ่านสะพานเล็ก ชวนให้เพลิดเพลิน ดุจบุปผานานาพันธ์บานสะพรั่ง สวยเกินคำบรรยาย
เสียงพิณลอยล่อง ค่อยๆ ทำให้คนดื่มด่ำดุจอยู่ด้านในนั้น เคลิบเคลิ้มโดยไม่รู้ตัว ยากที่จะถอนตัวออกมาได้
หูอบอวลด้วยเสียงพิณอันไพเราะ เล่อเหยาเหยาคล้ายรู้สึกว่าตนเหมือนบุปผานานาพันธ์บานสะพรั่งบนโลกใบนี้ ที่นี่มีผีเสื้อหลากหลายสีสันบินกระพือปีกเต้นระบำอยู่
ปีกกระพือไปมานั้น ดูคล่องแคล่ว อิสระมีความสุข
ยังได้ยินเสียงไหลอันอ่อนโยนของลำธารด้านหน้า ห่างไกลและแผ่วเบาเช่นนี้
เวลานี้เล่อเหยาเหยาฟังจนเคลิบเคลิ้ม หลงใหล เพราะเสียงพิณที่ไพเราะนั้น มุมปากจึงเกิดเป็นรอยยิ้มที่ชวนหลงใหลมีความสุขขึ้นมา เกิดเป็นภาพวาดสวยงามขึ้นมาตรงหน้า
รอยยิ้มนั้น งดงามหยาดเยิ้ม ทำให้คนที่เห็นพลันรู้สึกสบายใจ
ระหว่างพุ่มไม้หลากหลายสีสันนี้ กำลังมีเงาร่างสีขาวและน้ำเงินอยู่ด้านใน
พวกเขาสองคน คนหนึ่งหล่อเหลางามสง่า เหนือผู้ใดในยุค
คนหนึ่งสดใสดุจบุปผาในฤดูใบไม้ผลิ งดงามดุจพระจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วง
พวกเขาคนหนึ่งตั้งใจดีดพิณ คนหนึ่งฟังอย่างลุ่มหลงเคลิบเคลิ้ม
สายลมเย็นพัดผ่าน จนกลุ่มดอกไม้โบกสะบัดตามลม คล้ายเหล่าเทพธิดาที่ต่างมีรูปร่างหลากหลายสีสัน กำลังเต้นระบำ
และยังมียอดไม้เขียวชอุ่มนั้น ก็ไหวเอนเล็กน้อย และส่งเสียงซ่าซ่าออกมา
ชายหนุ่มที่กำลังดีดพิณอย่างหลงใหล ไม่รู้เงยหน้าขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด
ดวงตาเขาดุจแสงอาทิตย์สีทอง เปล่งประกายไร้สิ่งใดจะเทียบได้ ก่อนมองตรงไปยังคนตัวเล็กที่อยู่ไม่ห่างจากเขา มุมปากค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มขึ้น
เล่อเหยาเหยาที่กำลังฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม จึงไม่รับรู้ถึงสายตาที่บ่งบอกความในใจของชายหนุ่ม
เธอเวลานี้ กำลังลุ่มหลงอยู่กับความไพเราะของเสียงพิณ จนยากที่จะถอนตัว
หลังรับรู้ว่าเสียงพิณอันไพเราะกำลังเข้าสู่ท่อนสุดท้าย ก่อนหายเข้ากลีบเมฆไป เล่อเหยาเหยาจึงค่อยๆ ได้สติ พลันปรบมือขึ้นอย่างตื่นเต้น
“สวรรค์ เป็นเพลงที่ไพเราะยิ่งนัก เสียงพิณงดงาม พี่ไป๋ ท่านเก่งกาจนัก”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยอย่างตื่นเต้น สายตาที่มองตงฟางไป๋ เปี่ยมด้วยความเลื่อมใส
เพราะตั้งแต่โตมาจนอายุเท่านี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ฟังเพลงพิณที่งดงามเช่นนี้ ท่วงทำนองโบราณ งามสง่าเลิศล้ำ
ตงฟางไป๋เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา และเห็นใบหน้าเล็กตื่นเต้นดีใจ รอยยิ้มบนใบหน้าเธอดูจริงใจ ไร้เดียงสา ดุจดอกเหมยที่ชูช่อเบ่งบาน สวยเกินคำบรรยาย!
เห็นเช่นนั้น ดวงตาดำขลับของตงฟางไป๋อดเป็นประกายชั่วขณะไม่ได้ พลันเผยอริมฝีปากเอ่ยขึ้น
“เจ้าชมเกินไปแล้ว ”
ตงฟางไป๋ยิ้มจางๆ แม้เขาจะรู้ว่าฝีมือพิณตนไม่ธรรมดา ทุกคนที่ได้ฟังเพลงพิณเขา ต่างชื่นชมไม่ขาดสาย
แต่กลับไม่มีคำชมเชยของผู้ใด ทำให้เขามีความสุขเช่นนี้
หลังจากได้ยินคำพูดประจบเอาใจอย่างไม่ปิดบังของคนตัวเล็กตรงหน้า น้ำเสียงของเธอดูตื่นเต้นและจริงใจ ทำให้เขาฟังแล้ว ในใจมีความสุขขึ้นตามไปด้วย
เวลานี้เล่อเหยาเหยาที่ยังตะลึงกับเสียงพิณเมื่อครู่ พลันคล้ายฉุกคิดบางอย่างได้ ดวงตาคู่งามเป็นประกายครู่หนึ่ง พลันพุ่งไปตรงหน้าตงฟางไป๋ ก่อนจ้องมองตงฟางไป๋ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง สองมือผสานกัน เอ่ยด้วยสีหน้าอ้อนวอนว่า
“พี่ไป๋ ท่านดีดพิณเยี่ยมมากจริงๆ ไพเราะจนข้าอยากเรียนพิณ ท่านช่วยสอนข้าได้หรือไม่!”
“อะไรนะ เจ้าอยากเรียนพิณหรือ!”
สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋มีสีหน้าตะลึงงันเล็กน้อย เห็นชัดว่าแปลกใจกับคำพูดของเล่อเหยาเหยา
“ใช่ ”
เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาพลันพยักหน้าดุจโขลกกระเทียม พร้อมเอ่ยขึ้น
ก่อนหน้านี้ เธอชื่นชอบพวกการแสดงดนตรีอย่างมาก สำหรับพิณโบราณ เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่หลังจากเมื่อครู่ได้ฟังเสียงดีดพิณของตงฟางไป๋ เธอนอกจากตกตะลึง ความปรารถนาที่จะเรียน พลันกระจายขึ้นมาในใจเธอ
เธออยากเรียนพิณมากจริงๆ ! และหวังว่าจะมีวันหนึ่งที่สามารถเป็นดั่งตงฟางไป๋ได้ เล่นเพลงพิณออกมาได้อย่างงดงาม!
พอคิดถึงตรงนี้ แววตาเล่อเหยาเหยาปรากฏความแน่วแน่และปรารถนาขึ้นมา!
สำหรับแววตาหนักแน่นที่ส่งออกมาของเล่อเหยาเหยา ทำให้ตงฟางไป๋เข้าใจถึงการตัดสินใจของเธอ
ดังนั้น หลังเงียบครู่หนึ่ง เห็นตงฟางไป๋ยิ้มมุมปาก ก่อนเอ่ยว่า
“ตกลง ข้าจะสอนเจ้า”
เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ ใบหน้าเล็กของเล่อเหยาเหยาตะลึงเล็กน้อย หลังได้สติพลันยิ้มแย้มเอ่ยว่า
“จริงหรือ พี่ไป๋ท่านจะสอนข้าจริงหรือ!”
“ฮ่า ๆ ไม่เห็นมีสิ่งใด เพียงเจ้าอยากเรียน ข้าจะสอนเจ้า แต่ต้องตกลงกันก่อน เรียนพิณต้องแน่วแน่ ไม่อาจล้มเลิกกลางคัน”
เอ่ยถึงตรงนี้ สีหน้าตงฟางไป๋อดจริงจังและเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วนไม่ได้
ดั่งอาจารย์เจ้าระเบียบ เพราะการเรียนพิณ ต้องมีความเคารพต่อพิณ หากล้มเลิกกลางคัน ถือว่าไม่ได้ให้ความเคารพแก่พิณ!
สำหรับเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยาย่อมเข้าใจอยู่แล้ว ดังนั้นจึงรีบพยักหน้าอย่างแข็งขัน พลางเอ่ยว่า
“ข้าเข้าใจแล้ว พี่ไป๋!”
“ฮ่า ๆ เข้าใจก็ดี เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะสอนพิณแก่เจ้า อันดับแรกข้าจะดีดหนึ่งรอบก่อน ให้เจ้าดูข้าดีด ดูไปหลายรอบจะค่อยๆ เข้าใจไปทีละส่วน”
ตงฟางไป๋ยิ้มแย้ม ก่อนนั่งลงบนตำแหน่งเดิม พยักหน้าปิดตาลง สายลมน่าหลงใหลไหลออกมาจากปลายนิ้วของเขาอีกครั้ง…
………………………………………….