ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 421 ดอกไม้งามทำหลงใหล ดวงจันทร์ชำระสะสาง-1
บทที่ 421 ดอกไม้งามทำหลงใหล ดวงจันทร์ชำระสะสาง-1
……….
เพิ่งสิ้นเสียง เถ้าแก่ก็ยกกระบวยเหล็กด้ามยาวอันใหญ่ในมือขึ้นจากหม้อตรงหน้า
น้ำแกงร้อนสาดออกจากกระบวยวาดเป็นเส้นโค้งงดงามสายหนึ่งกลางอากาศ
เส้นโค้งสายนี้สาดข้ามโต๊ะคิดเงินไปหากลุ่มคนด้านนอก
นายท่านจินยืนอยู่หน้าสุด ตามหลักต้องโดนก่อนใคร
แต่เส้นโค้งสายนี้กลับอ้อมผ่านเขาพุ่งตรงไปหาชิงเสวี่ยชิง
เหตุการณ์เหนือคาดนี้ทำให้ชิงเสวี่ยชิงตั้งรับไม่ทัน ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
ถึงขั้นลืมชักดาบพกตรงเอว ไม่ได้เคลื่อนไหวหลบหลีกแต่อย่างใด
ดีที่เหวินฉีเหวินว่องไว มือคว้าผ้าคลุมไหล่บนตัวชิงเสวี่ยชิง
เขาจับผ้าคลุมไหล่มุมหนึ่งด้วยมือเดียว แล้วสะบัดข้อมือทำให้ผ้าคลุมผืนนี้วาดวงกลมกลางอากาศ ห่อน้ำแกงร้อนที่เถ้าแก่สาดออกมาไม่กระเซ็นสักหยด
แต่พอเหวินฉีเหวินก้มหน้ามองกลับพบว่าผ้าคลุมไหล่ในมือกำลังถูกกัดกร่อนทีละน้อย
“รีบถอยไป! ของเหลวนี่ผิดปกติ!”
เหวินฉีเหวินตะโกนเสียงเฉียบขาด
พร้อมกับคุ้มครองชิงเสวี่ยชิงถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ทหารองครักษ์จวนผู้ควบคุมรัฐหงรีบคุ้มครองอยู่หน้าคุณชายของตน
ผู้สั่งการหัวเมืองจางเจี้ยนหลงและนายทหารผู้ช่วยก็ทยอยชักดาบ
กลุ่มคนประจันหน้าจ้องโต๊ะคิดเงินในร้านเนื้อย่างตาเขม็ง
มีเพียงนายท่านจินที่ยังพิงอยู่ข้างโต๊ะคิดเงินด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“สหาย เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ไม่ฉลาดเอาเสียเลย…”
นายท่านจินกล่าว
เถ้าแก่ร้านเนื้อย่างตั้งใจหาเรื่องอย่างชัดเจน
และเรื่องที่หายังใหญ่มากด้วย
เขาจะฆ่าคน
เมื่อครู่เป้าหมายของเขาคือชิงเสวี่ยชิง
แต่นายท่านจินรู้ดีว่าอีกฝ่ายพุ่งเป้ามาที่ตนเป็นหลัก
เขาก่อเรื่องใส่ชิงเสวี่ยชิงเพื่อทำให้คนสับสนเท่านั้น
ส่วนใครจะก่อเรื่องราวใหญ่โตพุ่งเป้ามาที่ตนเช่นนี้ คำตอบชัดเจนอยู่แล้ว
“ช่วยไม่ได้…ต่างคนต่างมีความลำบาก คำกล่าวว่าไว้เสี่ยงอันตรายจึงร่ำรวยไม่ใช่หรือ”
เถ้าแก่ร้านเนื้อย่างกล่าว
หันกายมาอย่างเชื่องช้า
จนถึงตอนนี้กลุ่มคนเพิ่งเห็นหน้าเขาชัด
แต่เห็นใบหน้านี้ชัดแล้วสู้เห็นไม่ชัดดีกว่า…
ใบหน้าครึ่งล่างเริ่มจากจมูกบิดเบี้ยวแปลกประหลาด
กระทั่งปากก็ไม่อาจปิดเข้าหากันสนิท
ฝั่งซ้ายไม่มีคิ้วกับขนตาสักเส้น หนังตาก็แข็งเป็นตุ่มไต
ตอนกะพริบตายังเห็นลูกตาสีขาวด้านใน
ชัดว่าบาดเจ็บจากการเผาไหม้รุนแรงยิ่ง
แต่นอกจากหน้า ร่างกายทุกส่วนของเถ้าแก่ยังครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่มีรอยแผลเป็นใด
นี่แปลกยิ่งนัก
“เสี่ยงอันตรายจึงร่ำรวยงั้นหรือ…”
นายท่านจินกล่าวพึมพำ
แม้เสี่ยวเอ้อร์สองคนนั้นยังยืนอยู่ในโต๊ะคิดเงิน แต่ก็ต่างถือกระบี่ยาวเล่มหนึ่งในมือแล้ว
ใช่ว่ารัฐหงไม่มีผู้ฝึกกระบี่ เพียงแต่มือดาบเยอะกว่าเท่านั้น
ดังนั้นอาศัยแค่อาวุธยังไม่พอให้ยืนยันฐานะของเสี่ยวเอ้อร์สองคนนี้
หรืออาจแค่เสี่ยงอันตรายเพื่อความร่ำรวยเหมือนเถ้าแก่คนนั้น
นายทหารผู้ช่วยของผู้สั่งการหัวเมืองจางเจี้ยนหลงเป่าแตรออกคำสั่งรวบรวมนายทหารทั้งหมดที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้
แต่เป่าคำสั่งสามครั้งแล้วกลับไม่มีใครมาสนับสนุนเลย
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
จางเจี้ยนหลงเอ่ยถาม
“ข้าน้อยไม่…”
นายทหารผู้ช่วยคนนี้เพิ่งพูดได้ครึ่งหนึ่งก็รู้สึกเจ็บแปลบในท้องยากทนไหว
ปากร้องครางเสียงเบา กุมท้องโค้งตัวลง
จากนั้นเป็นเสียง ‘อ่อก’ พ่นเลือดสดคำใหญ่
แล้วล้มลงกับพื้น
“เดิมด้วยขึ้นฝึกยุทธ์ของเขายังฝืนได้อีกกว่าครึ่งชั่วยาม…น่าเสียดายใครให้เขาเห็นแก่กินล่ะ…”
เถ้าแก่ผู้นี้กล่าวพลางมองนายทหารผู้ช่วยที่ล้มอยู่บนพื้นแต่ยังชักไม่หยุด
ตอนกลุ่มนายท่านจินยังไม่เข้าหมู่บ้าน เถ้าแก่ทำเนื้อย่างไว้ชุดหนึ่งแล้ว
และนายทหารใต้บังคับบัญชาของผู้สั่งการหัวเมืองจางเจี้ยนหลงก็แบ่งกันกินจนหมด
นายทหารคนอื่นอย่างมากกินขาเป็ดหนึ่งชิ้นหรืออกเป็ดครึ่งซีก
แต่นายทหารผู้ช่วยคนนี้กินเป็ดหนึ่งตัวเต็มๆ
เนื่องจากจางเจี้ยนหลงเทียวไปมาอยู่ในหมู่บ้านตลอดจึงไม่ได้กิน
ส่วนของเขายังแขวนอยู่บนอานม้าของตน
จางเจี้ยนหลงหันมองห่อกระดาษน้ำมันที่แขวนอยู่บนอานม้าของตนด้วยความหวาดหวั่น เห็นแมลงวันทยอยบินเข้าใกล้เพราะกลิ่นหอมดึงดูด สุดท้ายตายอยู่ใต้ห่อกระดาษน้ำมันทั้งหมด
“เจ้าเป็นใคร! ถึงกล้าเป็นศัตรูกับจวนผู้ควบคุมรัฐหง!”
จางเจี้ยนหลงตะโกนเสียงลั่น ถือดาบพุ่งไปข้างหน้า
แม้คนผู้นี้ไร้วัฒนธรรม แต่ดาบในมือกลับไม่ได้แย่ขนาดนั้น
เสี่ยวเอ้อร์สองคนที่โต๊ะคิดเงินเห็นจางเจี้ยนหลงบุกเข้ามาจึงกระโดดออกไปถือกระบี่ป้องกันทันที
เพลงกระบี่ของทั้งสองส่งเสริมกันและกัน
คนหนึ่งถือกระบี่บุกเชือดลำคอของจางเจี้ยนหลง อีกคนฟันออกในแนวนอนปิดกั้นช่วงล่างของเขาไว้ทั้งหมด
ทำให้เขาไม่อาจเดินหน้าถอยหลัง
ได้แต่ถูกตรึงอยู่ที่เดิม รอกระบี่พุ่งหาลำคอนั้นแทงทะลุเหมือนรุ้งทอดยาวผ่านดวงอาทิตย์
แต่จางเจี้ยนหลงก็เป็นผู้สั่งการหัวเมืองรัฐหง เขาจะยอมตายเช่นนี้ได้อย่างไร
ชั่วขณะนั้นจางเจี้ยนหลงงอสองเข่าเล็กน้อย
สองเข่าที่โค้งงออยู่ห่างคมกระบี่ที่วาดเข้ามาไม่ถึงหนึ่งชุ่น
ในพริบตานี้เอง สองขาของจางเจี้ยนหลงส่งแรงฉับพลัน
ร่างกระโดดขึ้นบน
เพียงแต่สองขาดูเหมือนส่งแรงพร้อมกัน ทว่ากำลังกลับไม่สมดุล…
ขาขวาแรงเยอะ ขาซ้ายแรงน้อย
จึงทำให้ร่างทั้งร่างเอนเอียงไปทางซ้าย
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงหลบกระบี่หมายเอาชีวิตที่พุ่งหาลำคอได้
เสี่ยวเอ้อร์ที่ยื่นกระบี่แทงตรงเปลี่ยนกระบวนท่าไม่ทัน ได้แต่ยั้งพลังปราณเล็กน้อย มองกระบี่ตนพุ่งใส่อากาศต่อหน้าต่อตา
แต่ถึงเป็นเช่นนี้ เคราตรงกรามของจางเจี้ยนหลงยังคงถูกพลังปราณกระบี่นี้ตัดออกเล็กน้อย…
แม้ยังไม่ทำลายผิวจนเลือดออก แต่ก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อน
เหมือนโดนน้ำเดือดราด ไฟร้อนแผดเผา
เพียงแต่ตอนนี้จางเจี้ยนหลงไม่รับรู้ความเจ็บปวดนี้โดยสิ้นเชิง
เพราะข้างล่างเขายังมีอีกหนึ่งกระบี่
แม้ตัวลอยขึ้นทำให้กระบี่ที่จู่โจ่มสองเข่าตนตอนแรกสูญเสียความแม่นยำ…
แต่ด้วยสภาพการณ์นี้ยังคงฟันสองข้อเท้าของเขาขาดได้
จางเจี้ยนหลงไม่กล้าประมาท ทว่าร่างของตนที่อยู่กลางอากาศก็ไม่มีที่ใดให้ยืมแรง
เพียงเห็นเขาหดสองเท้าฉับพลัน เอาสองขาขัดสมาธิกลางอากาศ
จากนั้นจ้องคมกระบี่ที่ลากผ่านฝ่าเท้าของตนด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย
เมื่อคำนวณเวลาแม่นแล้วจึงเคลื่อนพลังปราณทั่วกายลงต่ำทำท่าร่างถ่วงพันชั่ง สองเท้าเหยียบกระบี่ยาวของเสี่ยวเอ้อร์คนนี้ลงพื้นอย่างมั่นคง
ยามนี้ช่องว่างระหว่างทั้งสองเป็นระยะหนึ่งดาบพอดี
จางเจี้ยนหลงยกดาบจะฟันศีรษะขนาดใหญ่ของเสี่ยวเอ้อร์ลงมาตรงๆ
เสี่ยวเอ้อร์ผู้นี้เงยหน้ามองคมดาบเข้าใกล้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ตอนคมดาบของจางเจี้ยนหลงกำลังจะฟันบนกวานของเขา เสี่ยวเอ้อร์อีกคนยื่นกระบี่ออกมากันคมดาบของเขาไว้
จางเจี้ยนหลงถูกสกัดการโจมตี พลังปราณในกายพลันติดขัดชั่วขณะ
พลังใต้ฝ่าเท้าก็อ่อนลงไม่น้อย
เสี่ยวเอ้อร์ที่ถูกเหยียบกระบี่ยาวฉวยจังหวะนี้ดึงกระบี่ถอนตัว
เสี่ยวเอ้อร์อีกคนเห็นสหายพ้นสถานการณ์อันตรายแล้วก็ตั้งสติชักกระบี่ถอยไปด้านหลัง
จางเจี้ยนหลงแค่นเสียงเยาะหยัน!
พลันกระแทกดาบในมือลงพื้นอย่างรุนแรง
“เพลงดาบดี ท่าร่างดี!”
นายท่านจินกล่าว
ถึงขั้นปรบมือให้
โดยทั่วไปผู้สั่งการหัวเมืองล้วนนำทัพหน้าทหาร
การฆ่าฟันบนสนามรบต่างกับการต่อสู้ในยุทธภพโดยสิ้นเชิง
ตอนสู้รบเน้นจู่โจมและป้องกันเป็นส่วนมาก
จะไม่มีการเปลี่ยนท่าร่างที่ซับซ้อนและออกทุกกระบวนท่าเช่นนี้
ผู้สั่งการหัวเมืองคนนี้เก่งกาจทีเดียว
แต่แม้ว่านายท่านจินจะเอ่ยชมอยู่กับปาก ทว่าในใจกลับจมสู่ห้วงคิด…
ด้วยฝีมือของผู้สั่งการหัวเมืองจางเจี้ยนหลง ทำไมตอนแรกจึงถูกคุณชายผู้ไม่เคยจับดาบจริงหอกแท้ต่อกรศัตรูเช่นเหวินฉีเหวินปลดอาวุธเอาได้
ไม่ว่าอย่างไรล้วนไม่สมเหตุสมผล
ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือชั่วขณะนั้นเขาจำเหวินฉีเหวินได้จึงตั้งใจให้เป็นเช่นนี้ ถือเป็นการไว้หน้าอีกฝ่าย
แต่หลังจากนั้นสีหน้าจางเจี้ยนหลงก็ดูไม่เสแสร้ง
นี่ทำให้นายท่านจินคิดไม่ตก
“ดูฝีมือเจ้าสองคนไม่เหมือนมาจากเขตอันตงอ๋อง เหตุใดต้องช่วยคนนอกเขตร่วมมือกระทำความผิด?!”
จางเจี้ยนหลงเอ่ยถามเสี่ยวเอ้อร์ทั้งสอง
“ความร่ำรวยไม่แบ่งเหนือใต้ แต่ไรมาล้วนเป็นที่ประจักษ์ ใต้เท้าผู้สั่งการหัวเมืองถามประโยคนี้ไม่น่าขันอ่อนต่อโลกไปหน่อยหรือ”
เสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่งกล่าว
“เจ้าสองคนรู้หรือไม่ว่าการกระทำนี้ถือเป็นศัตรูกับรัฐหงและเขตเจิ้นเป่ยอ๋องแล้ว หากละทิ้งด้านมืดเข้าสู่ทางสว่างได้โดยเร็ว ข้าน้อยยังขอการตายที่สุขใจให้เจ้าทั้งสองต่อหน้าคุณชายได้”
จางเจี้ยนหลงกล่าว
ประโยคนี้ทำเอาเสี่ยวเอ้อร์สองคนหัวเราะลั่นไม่หยุด
เพราะนี่ไม่ใช่เงื่อนไขอะไรเลย
ทิ้งกระบี่ยอมจำนนเพียงแลกกับการตายที่สุขใจ
เช่นนั้นถือกระบี่สู้ยิบตาเสียดีกว่า
ถึงไม่ร่ำรวยก็คงพ้นภัย แลกชีวิตอิสระมาได้อีกสองสามปี
ไม่มีใครเป็นคนโง่
คนทำงานสายนี้ยิ่งไม่มีทางกลัวคำขู่
จะตกใจกลัวคำพูดของจางเจี้ยนหลงแล้วยอมให้จับแต่โดยดีได้อย่างไร
จางเจี้ยนหลงเห็นอีกฝ่ายมองตนเป็นตัวตลก พลันโกรธหน้าเขียวกัดฟันแน่นไม่พูดสักคำ
ความเข้ากันของเสี่ยวเอ้อร์สองคนนี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
อาศัยแค่เขาคนเดียวคงได้แต่อยู่ท่ามกลางการตะลุมบอน
หากเป็นยามปกติเขาต้องนำทัพถอยก่อน อย่างไรคนฉลาดต้องรู้จักหลบลี้เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ
นายทหารใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นของตนจะตายเปล่าไม่ได้
แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับเปลี่ยนแปลงเพราะเหวินฉีเหวินคนเดียว
จางเจี้ยนหลงใคร่ครวญในใจรอบหนึ่งแล้วตัดสินใจ
ต่อให้สู้จนเจ็บหนักก็ต้องจับสองคนนี้รวมถึงเถ้าแก่นั่นและปกป้องคุณชายให้ปลอดภัย
เช่นนี้ไม่เพียงมีผลดีต่อการเลื่อนขั้นของเขาในภายหน้า ยังทำให้เหวินฉีเหวินคุณชายผู้ควบคุมรัฐผู้นี้จดจำน้ำใจใหญ่เทียมฟ้าของตนจากเรื่องนี้ได้ด้วย
“เจ้าคือจางเจี้ยนหลง? ผู้สั่งการหัวเมืองรัฐหง?”
ในยามนี้เอง เถ้าแก่ที่ยังยืนอยู่ตรงโต๊ะคิดเงินพลันเอ่ยถาม
“ยังต้องถามอีกหรือ ตอนข้าเพิ่งถึงหมู่บ้านนี้ก็ประกาศบอกแล้ว”
จางเจี้ยนหลงกล่าว
“เขายังถือว่าพอมีราคา หากเจ้าสองคนต้องการก็จับตัวไว้ได้ คงพอให้ไปสำราญใจในเรือหรูบนแม่น้ำจักรพรรดิสองสามวัน”
เถ้าแก่พยักหน้ากล่าว
ในมือเขาถือสมุดบางเล่มหนึ่ง
เหมือนบันทึกค่าหัวของคนมากมาย
นายท่านจินตาแหลม
เห็นบรรทัดบนปลายนิ้วเถ้าแก่เขียนว่า ‘จางเจี้ยนหลง ผู้สั่งการหัวเมืองรัฐหงเขตเจิ้นเป่ยอ๋อง ลูกหลานชาวนา สะสมผลงานรับตำแหน่ง วิชาดาบท่าร่างล้วนอยู่ระดับกลางบน แต่คนผู้นี้พลิกแพลงไร้รูปแบบ เงินเนื้อดีห้าพันตำลึง’
นายท่านจินอ่านจบแล้วหัวเราะ
…………………………………………