ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 125 น้ำใจเล็กน้อย-4
บทที่ 125 น้ำใจเล็กน้อย-4
‘กลางแสงเทียนแมลงขับขาน ดาบมัวหม่น กระบี่เยียบเย็น ในฝันกลิ่นคาวเลือดฉุนจมูก ลมพัดเหนือชายหาด สายน้ำไหลคดเคี้ยว ผู้อยู่ในนั้นถอนใจด้วยความเศร้า เศร้าด้วยพบพานลาจาก ถอนใจด้วยเบิกบานเศร้าโศก หิมะสาดส่องโต๊ะหน้าต่าง ความรู้สึกยากบอกผ่านตัวอักษร ดรุณถือกระบี่น้ำตาอาบเสื้อ ลอยล่องสุขใจในโลกวุ่นวาย ดอกไม้เหี่ยวเฉา ดวงดาวสั่นคลอน หาความทระนงริมแม่น้ำจักรพรรดิ มองเขาทักษิณจากบ้านในป่าไผ่’
โอวเสี่ยวเอ๋อได้ยินเสียงเพลงดังมาจากนอกหน้าต่างรางๆ
เสียงเพลงนี้ไม่ไพเราะเลย ไม่ใช่เพราะเสียงของคนร้อง แต่เป็นเพราะการลงเสียงสูงต่ำของคนร้อง
คนผู้นี้ร้องไม่เข้าทำนองสักคำอย่างแท้จริง
โอวเสี่ยวเอ๋อฟังแล้วอยากหัวเราะ แต่นางกลั้นหัวเราะไว้เพราะอยากฟังดูว่าเพลงร้องเกี่ยวกับอะไร
เสียงเพลงนี้ทำให้นางนึกถึงชีวิตของตนโดยไม่รู้ตัว
นางใช้ผ้าห่มคลุมโปง เริ่มร้องไห้อีกครั้ง
วันที่ชื่อของโอวฉูถูกเขียนบนคัมภีร์หลอมกระบี่ก็เป็นวันเดียวกับที่เขาถูกไล่ออกจากตระกูลโอว
เพราะเขาหยิบกระบี่ที่คมกระบี่ครึ่งหนึ่งเป็นฟันเลื่อยเล่มนั้นออกมา
กระบี่ปลิดวิญญาณ
แม้ตระกูลโอวเปิดกว้าง เปิดกว้างถึงขั้นรับความสามารถที่เป็นประโยชน์เข้ามาได้ทั้งหมด
ตระกูลโอวก็ปิดกั้นถึงขีดสุดเช่นกัน ปิดกั้นถึงขั้นไม่ยอมให้นักหลอมกระบี่เปลี่ยนแปลงหรือมีข้อสงสัยใดต่อพื้นฐานการหลอมกระบี่
ที่เจ้าทำได้มีแค่พัฒนาปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่แล้วในคัมภีร์หลอมกระบี่ให้ดีขึ้น
แต่โอวฉูกลับเปลี่ยนแปลงรูปแบบกระบี่ไปโดยสิ้นเชิง
นี่มันสมควรหรือ
แต่เห็นแก่ที่โอวฉูทำผลงานให้ตระกูลโอวไว้มากทั้งยังมีพรสวรรค์น่าทึ่ง ขอแค่เขารับปากเผาทำลายกระบี่เล่มนี้และภายหน้าจะไม่หลอมสิ่งใดอีก เขาก็จะได้รับการให้อภัย
ทว่าผู้มีพรสวรรค์ล้วนหยิ่งยโส
ไม่เพียงหยิ่งยโส ยังบ้ามากด้วย
โอวฉูใช้พู่กันลบชื่อของตัวเองที่เขียนไว้บนคัมภีร์หลอมกระบี่ จากนั้นถือกระบี่ปลิดวิญญาณออกจากตระกูลโอว
ตอนนั้นโอวหย่าหมิงยังเป็นแค่ ‘แก่นกระบี่’ ตระกูลโอว
ยังห่างจากตอนเขากลายเป็นผู้นำตระกูลโอว ‘บุตรแห่งกระบี่’ รุ่นปัจจุบันหลายปี
ก่อนไป โอวฉูบอกว่าวันหนึ่งเขาจะทำให้ตระกูลโอวเสียใจ
จะทำให้ตระกูลโอวเสียใจเพราะความดันทุรังและอยู่แต่ในกรอบของตัวเอง
วันนี้
ตอนนี้
ถึงเวลาแล้ว
. ………………………..
หลิวรุ่ยอิ่งเห็นพ่อค้าเร่ที่ยืนอยู่กับที่และยื่นมือเข้าในตะกร้าคนนั้นดึงกระบี่เล่มหนึ่งออกมา
คมกระบี่ด้านหนึ่งของกระบี่เล่มนั้นเป็นฟันเลื่อยทั้งหมด
โอวเสี่ยวเอ๋อจำได้ นั่นคือกระบี่ปลิดวิญญาณ
นางเห็นกระบี่ก่อน
แล้วไล่จากปลายกระบี่ ตัวกระบี่ ถึงด้ามกระบี่และมองคนเป็นอย่างสุดท้าย
นางยังคงมองออกว่าพ่อค้าเร่ผู้นี้ก็คือโอวฉู
เพียงแต่ดูแก่กว่าเมื่อก่อนหลายส่วน
นี่อาจเป็น ‘หัวใจมอดม้วย’ ในนิทานที่โอวฉูเล่าให้นางฟังตอนนั้นก็ได้
สมมติว่าโอวฉูก็คือเทียนรุ่ย เช่นนั้นตอนเขาตกลงจากแท่นกระบี่มือหนึ่งในใต้หล้า หัวใจเขาก็มอดม้วยแล้วครั้งหนึ่ง
ตอนถือกระบี่ปลิดวิญญาณออกจากตระกูลโอว หัวใจก็มอดม้วยเป็นครั้งที่สอง
ดังนั้นแล้วโอวฉูก็เป็นคนจิตใจแน่วแน่ มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวอย่างแท้จริง
หัวใจมอดม้วยแล้วสองครั้ง กลับยังเข้มแข็งมีชีวิตอยู่ต่อได้
โอวเสี่ยวเอ๋อขยับร่างกายไม่ได้เพราะนางนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่กับโอวฉูในอดีต
โดยเฉพาะเสียงเพลงที่ได้ยินกลางดึกวันที่เล่านิทาน
‘กลางแสงเทียนแมลงขับขาน ดาบมัวหม่น กระบี่เยียบเย็น ในฝันกลิ่นคาวเลือดฉุนจมูก ลมพัดเหนือชายหาด สายน้ำไหลคดเคี้ยว ผู้อยู่ในนั้นถอนใจด้วยความเศร้า เศร้าด้วยพบพานลาจาก ถอนใจด้วยเบิกบานเศร้าโศก…’
ครึ่งท่อนแรกนี้เริ่มวนเวียนอยู่ในหัวอย่างไร้ที่มา
“โอวฉู!…ผู้อาวุโส”
โอวหย่าหมิงก็เห็นกระบี่ปลิดวิญญาณแล้ว ย่อมจำโอวฉูได้เหมือนกัน
เพียงแต่เขาประหลาดใจตรงที่โอวฉูอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
เทียบกับความตกใจของโอวหย่าหมิง โอวฉูกลับตกใจที่เขาเรียกตนว่าผู้อาวุโสยิ่งกว่า
แม้คำว่าผู้อาวุโสเว้นช่วงเล็กน้อย
แต่สุดท้ายยังเอ่ยออกมา
“โอวหย่าหมิง”
“เจ้าได้เป็นผู้นำตระกูลโอว ‘บุตรแห่งกระบี่’ รุ่นปัจจุบันดังคาด”
“ตอนนั้นข้าก็คิดว่าเจ้าใช้ได้ที่สุดใน ‘แก่นกระบี่’ รุ่นนั้น”
“ข้าไม่ได้มองผิดไป”
โอวฉูกล่าวเว้นทีละประโยค
ต่างจากสีหน้าสดใสมีชีวิตชีวาในภาพจำเดิมของโอวเสี่ยวเอ๋ออย่างสิ้นเชิง
“ผู้อาวุโสชมเกินไปแล้ว”
โอวหย่าหมิงกล่าวพลางคารวะหนหนึ่ง
“คนตระกูลโอว?”
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงหันมามองโอวฉูและเอ่ยถาม
“เมื่อก่อนใช่”
โอวฉูกล่าว
“เจ้าอยากช่วยโอวหย่าหมิง?”
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงเอ่ยถาม
“ไม่ช่วย”
โอวฉูกล่าว
“ในเมื่อไม่ช่วยแล้วเจ้าชักกระบี่ทำไม”
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงเอ่ยถาม
“พวกเจ้ามีความแค้นกับโอวหย่าหมิง”
“เป็นเรื่องของพวกเจ้า”
“แต่ข้าไม่มีความแค้นกับโอวหย่าหมิง”
“ข้าแค่อยากพิสูจน์ของบางอย่างกับเขา”
โอวฉูกล่าว
“พิสูจน์อะไร”
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงเอ่ยถาม
โอวหย่าหมิงขมวดคิ้ว
เขาย่อมรู้ว่าโอวฉูอยากพิสูจน์อะไรกับตน
สิ่งที่โอวฉูอยากพิสูจน์ก็คือกระบี่ปลิดวิญญาณของเขาเหนือกว่ากระบี่ทุกเล่มในตระกูลโอว
กระบี่ที่ดีที่สุดของตระกูลโอวก็ชื่อว่าบุตรแห่งกระบี่
มีเพียงผู้นำตระกูลเท่านั้นที่มีสิทธิ์พกมัน
ตอนนี้กระบี่เล่มนี้ก็ขัดอยู่ตรงเอวของโอวหย่าหมิง
เพียงแต่ถูกชุดยาวปิดไว้ มองไม่เห็นหน้าตา
“พิสูจน์ว่ากระบี่ของข้าดีกว่า”
โอวฉูตอบ
“กระบี่? ของเจ้านี่คู่ควรให้เรียกกระบี่?”
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงกล่าวเยาะเย้ย
ไม่เพียงชายสูบยาเส้นร่างผอมสูง
แม้แต่หลิวรุ่ยอิ่งก็ไม่คิดว่านั่นคือกระบี่
ตัวกระบี่ครึ่งหนึ่งเป็นคมกระบี่ อีกครึ่งหนึ่งเป็นเลื่อย
เหมือนของเล่นเด็กอย่างยิ่ง
โอวฉูได้ยินคำของชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงก็ไม่โกรธ เพียงยิ้มกล่าว
“เจ้าลองดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ”
“ข้าจะแก้แค้น ไม่มีเวลาเล่นของเล่นเป็นเพื่อนเจ้า”
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงกล่าวเหยียดหยาม
“ของเล่นนี้ยังสะอาดมากด้วย”
“ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าทำสกปรก”
โอวฉูกล่าว
ประโยคนี้กลับจุดไฟจี้ใจดำชายสูบยาเส้นร่างผอมสูง
“ในเมื่อเจ้าเคยเป็นคนตระกูลโอว เช่นนั้นข้าก็ไม่ถือสาหากวันนี้ตายเพิ่มอีกคน”
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงกล่าว
“เจ้าผู้นี้”
“ช่างไร้หลักการ”
“ถึงจะฆ่าโอวหย่าหมิงได้”
“ก็เกรงว่าคงต้องหยุดเท่านี้”
โอวฉูกล่าว
“ขอแค่สังหารโอวหย่าหมิงได้ พวกเราสามคนพี่น้องก็ไม่มีเรื่องอื่นใดที่อยากทำแล้ว”
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงกล่าว
“โอวหย่าหมิงตายไม่ได้”
“หากตายก็ต้องประลองกระบี่กับข้าจบก่อน”
โอวฉูกล่าว
“เจ้าบอกข้าไม่มีหลักการ แต่เจ้าไม่รู้หรือว่าการมาก่อนมาหลังเป็นหลักการพื้นฐานที่สุดในโลก”
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงกล่าว
“มาก่อนมาหลัง”
“ข้ามาก่อนเจ้าสิบสามปีแล้ว”
“เจ้ามีคุณสมบัติอะไรมาพูดเรื่องมาก่อนมาหลังกับข้า!”
แววตาของโอวฉูโหดเหี้ยมขึ้นทีละนิด
“เช่นนั้นข้าก็ทำลายสิบสามปีนี้ของเจ้าก่อน!”
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงหมุนกาย เดินออกมาสองสามก้าว
ปลายเท้ายืมแรงบนโต๊ะตัวหนึ่งเล็กน้อย ทุบกล้องยาสูบในมือลงไปบนหัวโอวฉู
โอวฉูโยนตะกร้าทิ้ง ขวางกระบี่บนยอดศีรษะ ฟันเลื่อยขึ้นบน คมกระบี่ลงล่าง
กล้องยาสูบของชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงทุบเข้าร่องฟันเลื่อยบนกระบี่ปลิดวิญญาณของโอวฉูพอดี
โอวฉูดึงกระบี่ปลิดวิญญาณไปทางขวา
ฟันเลื่อยช่องนี้กลับยืดออกจากปลายกระบี่เหมือนลิ้นชัก
โอวหย่าหมิงก็ตะลึงจนเบิกตากว้าง
เขาเคยเห็นกระบี่ปลิดวิญญาณ
และจำกระบี่เล่มนี้ได้ดีกว่าโอวเสี่ยวเอ๋อมาก
แต่เขาไม่รู้ว่าฟันเลื่อยครึ่งขวาของกระบี่ปลิดวิญญาณเคลื่อนไหวดึงผลักได้เหมือนลิ้นชัก
…
โอวฉูเป็นอัจฉริยะเหนือมนุษย์อย่างแท้จริง
เดิมกระบี่เป็นชิ้นเดียว
หากโครงสร้างมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็จะส่งผลต่อภาพรวมทั้งหมด
ดังนั้นใช่ว่าตระกูลโอวอยู่แต่ในกรอบ แต่กระบี่มีหลักการเช่นนี้อยู่แล้ว
รากฐานไม่มั่นคง พื้นสั่นภูเขาคลอน
การหลอมกระบี่เหมือนการสร้างบ้าน เอียงไปหนึ่งหลี ผิดพลาดหมื่นลี้
กระบี่ที่บันทึกในคัมภีร์หลอมกระบี่มีมากมายหลายแบบ
แต่รูปลักษณ์เปลี่ยนอย่างไรข้างในก็เหมือนเดิม
อย่างน้อยมองแวบแรกก็ทำให้คนรู้ว่านี่คือกระบี่
แต่กระบี่ปลิดวิญญาณของโอวฉูเล่มนี้กลับต่างออกไป
ตัวดาบฟันเลื่อยครึ่งขวาของมันเคลื่อนไหวได้
ในเมื่อเคลื่อนไหวได้ คิดว่าเขาต้องติดตั้งตัวนำร่องกับโซ่กลัดไว้แน่นอน
ตัวนำร่องกับโซ่กลัดจะทำให้กระบี่หนักมากหรือไม่
ตัวกระบี่ส่วนที่ลากดึงได้จะทำให้กระบี่เปราะบางหรือไม่
เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาที่ต้องใคร่ครวญ
ต่างเป็นด่านยากที่ต้องเอาชนะ
แต่โอวฉูทำได้แล้ว
กระบี่ปลิดวิญญาณเล่มนี้ไม่ใช่หมอนปักลายไร้ประโยชน์
แต่เป็นอาวุธสังหารคนของแท้
โอวหย่าหมิงรู้ดีว่าแรงที่ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงฟาดกล้องยาสูบลงไปนั้นมากเพียงใด
ถึงเขาไม่ได้เค้นพลังปราณทั้งหมดก็ยังมากพอดู
หลังจากโอวฉูดึงตัวกระบี่ด้านฟันเลื่อยออกมา กระบี่ปลิดวิญญาณพลันยาวขึ้นกว่าหนึ่งเท่า
เว้นระยะห่างระหว่างตนกับชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงทันที
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงเห็นสถานการณ์ คิดดึงกล้องยาสูบกลับโดยไม่รอช้า
แต่โอวฉูไม่ได้ให้โอกาสเขา
ร่างเขาพุ่งไปข้างหน้าฉับพลัน คมกระบี่ด้านฟันเลื่อยที่ดึงออกหดกลับไปรวมเป็นหนึ่งกับอีกครึ่งในพริบตา
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงไม่ทันตั้งตัว เขาถูกลากเข้ามาใกล้โอวฉู
ด้วยว่ามือขวาเขาถือกล้องยาสูบและถูกคมกระบี่ฟันเลื่อยของกระบี่ปลิดวิญญาณมัดไว้ มือซ้ายโจมตีหนึ่งฝ่ามือ
“ฝ่ามือบรรพตมหารณพ!”
ลูกศรควันก่อนหน้านี้ หรือแม้กระทั่งฝนลูกศรก็เป็นแค่อุบายที่ชาญฉลาดเท่านั้น
ฝ่ามือนี้ต่างหากที่เป็นวิถีแท้จริงของชายสูบยาเส้นร่างผอมสูง
ฝ่ามือออก
แยกภูเขาเคลื่อนสมุทร
มีทั้งความรุนแรงของยอดเขาสูงตระหง่านทะลวงฟ้าแล้วคมไม่สึกกร่อน ยังคงแทงทะลุสามฉื่อสามชุ่น
ยังมีอานุภาพของคลื่นสมุทรพลิกม้วนเป็นคลื่นยักษ์ประหนึ่งม้านับหมื่นรบอย่างดุเดือด
สองพลังแข็งอ่อนรวมอยู่ในหนึ่งฝ่ามือพร้อมกัน
แรกเริ่มมีเพียงความรุนแรง
เมื่อกำลังรุนแรงผ่านไป ก็เป็นอานุภาพที่ซัดเข้ามาทีละชั้น
พอฝ่ามือนี้บีบอัดแล้ว
จึงรวมความรุนแรงกับอานุภาพเข้าด้วยกัน!
ฝ่ามือนี้ของชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงเล็งคมกระบี่ธรรมดาอีกด้านบนกระบี่ปลิดวิญญาณของโอวฉู
เขาอยากใช้พลังฝ่ามือต้านทานคมกระบี่
ก็เหมือนหัตถ์ราชันดาราบถธรณีของฉิงจงอ๋องหลิวจิ่งเฮ่าต้านทานดาบคู่ตาข่ายเมฆาของตู้เยี่ยนชายชุดขาว
นึกไม่ถึงว่าในยามนี้กระบี่ปลิดวิญญาณจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง!
คมกระบี่ด้านฟันเลื่อยนั้นกลับหมุนติ้วอย่างรวดเร็วเหมือนกังหันลม
ฟันเลื่อยเคลือบพลังปราณ
พลังปราณห้าธาตุของโอวฉูคือโลหะ
โลหะ
เสี้ยมคมเป็นที่สุด
ฟันทุกสรรพสิ่งเหมือนนิ้วจิ้มเต้าหู้
พลังปราณของชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงคือดินและน้ำ
ทั้งหนาหนักและพลิ้วไหว
แม้ทั้งสองมีอารมณ์ร้อนระหว่างพูดคุยก่อนหน้านี้
แต่ถึงตอนประมือกลับมีความตื่นตัวหมื่นส่วน
ไม่มีใครยอมเสี่ยงแม้เพียงครึ่ง
โอวฉูย่อมมั่นใจในกระบี่ปลิดวิญญาณของตัวเองอย่างยิ่ง
แต่ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงไม่แน่ใจขอบเขตการฝึกตนที่แท้จริงของโอวฉู
เพียงรู้สึกคนผู้นี้ใช้อาวุธประหลาดเกินไป ทำให้เขาไม่กล้าประมาท
ดังนั้นแม้ฝ่ามือนี้ดูเหมือนอานุภาพยิ่งใหญ่ แต่ความจริงกลับใช้พลังปราณแค่สามส่วน
เดิมฝ่ามือบรรพตมหารณพพลังปราณสามส่วนต้องโจมตีบนคมกระบี่ด้านธรรมดา
แต่ตอนนี้มันบดกับคมกระบี่ฟันเลื่อยที่หมุนไม่หยุด ต่างฝ่ายขยับไม่ได้แม้เพียงชุ่น
“ขั้นฝึกตนของผู้อาวุโสโอวฉูสูงขนาดนี้เชียว!”
โอวหย่าหมิงอดกล่าวชมไม่ได้
เขาเห็นโอวเสี่ยวเอ๋อยึกยักอยากพูดอยู่ด้านข้าง จึงกล่าวต่อ
“ข้าเคยอ่านข้อมูลของผู้อาวุโสโอวฉู ตอนเพิ่งเข้าตระกูลโอวเขาไม่มีพื้นฐานการฝึกยุทธ์เลย เป็นเพียงช่างตีเหล็กธรรมดาที่มีพรสววรรค์เลิศล้ำคนหนึ่ง ตอนนี้ดูเหมือนตระกูลโอวจะพลาดทองคำก้อนหนึ่งไปแล้ว…”
โอวหย่าหมิงทอดถอนใจกล่าว
แม้โอวฉูออกจากตระกูลโอวสิบสามปีแล้ว แต่โอวหย่าหมิงก็ไม่เชื่อว่าการฝึกยุทธ์ของเขาจะเริ่มจากศูนย์จนยอดเยี่ยมถึงตอนนี้ได้
โอวหย่าหมิงขาดแค่ก้าวเดียวก็เข้าสู่ขอบเขตเทพบริราชเก้าทวีปได้แล้ว ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงผู้นี้ระดับสูสีกับเขา
นี่เป็นได้อย่างเดียวคือโอวฉูจงใจปิดบังขั้นฝึกยุทธ์ของตนตอนเข้าตระกูลโอว
แต่เพราะอะไรกันล่ะ
โอวหย่าหมิงไม่รู้เรื่องราวที่โอวฉูเล่าให้โอวเสี่ยวเอ๋อฟัง
หากเขารู้เรื่องราวนี้แล้ว ทุกอย่างก็เข้าใจง่าย ถึงขั้นไม่ติดใจตรงไหนเลย
………………………………..