ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 851 หลิงเอ๋อร์กลับคืนสู่ภูเขา (3)
บทที่ 851 หลิงเอ๋อร์กลับคืนสู่ภูเขา (3)
นางแย้มยิ้มและมอบมันให้กับเหล่าผู้อาวุโสที่เฝ้าประตูพร้อมกับบอกว่านี่คือสิ่งที่นางได้รับมาจากการออกไปฝึกฝนเพื่อสัมผัสประสบการณ์ภายนอก
ชั่วขณะหนึ่งเหล่าผู้อาวุโสได้กล่าวว่า “รับไม่ได้ ข้ารับไม่ได้” และ “จะรับได้อย่างไรกัน” ทว่าในท้ายที่สุด หลิงเอ๋อร์ก็โน้มน้าวผู้อาวุโสเหล่านั้นให้ยอมรับของขวัญได้
หลังจากนั้นหลิงเอ๋อร์ก็ขี่เมฆ บินช้าๆ ไปยังยอดเขาหยกน้อยที่สงบสุขโดยปล่อยให้เหล่าผู้อาวุโสยกย่องชื่นชมนางอย่างเต็มที่ในทุกวิถีทาง
แน่นอนว่า ร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วรีบกลับไปที่ประตูก่อนหน้านี้แล้ว
ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็ปล่อยตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์กลับไปวางในทั่วทุกทิศทางของประตูภูเขา
เขารู้สึกละอายใจมากที่เป็นเพียงกองกำลังพิทักษ์ยืนเฝ้าดูเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในยามนั้น เขาขี่เมฆข้ามผ่านภูเขาและป่าขณะที่หัวใจอันดีงามของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังช้าๆ
เมื่อหลิงเอ๋อร์ยังคงรักษาความสงบสำรวมของนางเอาไว้และเคลื่อนผ่านค่ายกลใหญ่สองสามค่ายกล
จากนั้นนางก็เห็นร่างที่คุ้นเคย กำลังยืนอยู่ใต้ต้นหลิวริมทะเลสาบ และทันใดนั้นนางก็ไม่สามารถทนระงับอารมณ์เอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
นางมีชีวิตชีวาร่าเริงขึ้นมาทันทีขณะที่บินตรงไปหาหลี่ฉางโซ่ว และส่งเสียงร้องตะโกน
“ศิษย์พี่ ข้ามีชีวิตกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”
หลี่ฉางโซวซึ่งแต่เดิมมีสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา ทว่าเขาก็ยังพ่ายแพ้ต่อเสียงเรียกเช่นนี้จริงๆ
เขาแย้มยิ้มพลางพยักหน้า และไม่ได้ปฏิเสธอ้อมแขนน้อยๆ ที่กางเปิดกว้างของหลิงเอ๋อร์
นางเป็นเสมือนนกนางแอ่นที่กลับคืนสู่รัง และนางก็วิ่งเข้าหาไปสู่อ้อมแขนของศิษย์พี่ของนางเช่นนั้น
หลี่ฉางโซ่วลังเลเล็กน้อย และมือของเขาที่อยู่ด้านหลังก็หล่นลงมาตามธรรมชาติ
ครั้นเมื่อเขากำลังจะยกมันขึ้น ทว่าจู่ๆ หลิงเอ๋อร์ก็กลับมาได้สติ ใบหน้างดงามของนางขึ้นสีก่ำออกมาทันที และนางก็กระโดดกลับไปกะทันหัน
นางร้องตะโกนออกมาอย่างเต็มไปด้วยความเบิกบาน แล้วกลายเป็นเสียงร้องดัง
หลี่ฉางโซ่วยกมือขึ้นอย่างสงบ และปรับคอเสื้อของเขาให้ตรงพลางกล่าวว่า “เจ้าได้เก็บเกี่ยวอะไรมาบ้างจากการออกไปฝึกฝนและสัมผัสประสบการณ์ในครั้งนี้?”
ในเวลานี้ผลงานของหลิงเอ๋อร์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การฝึกฝนนั้นให้ประสิทธิผลมากมายเพียงใด
หลิงเอ๋อร์ระงับความเขินอายของนางเอาไว้ ใบหน้าของนางแดงก่ำแต่ก็ไม่ได้เผยความรู้สึกใดๆ ออกมา
นางโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วและกล่าวเบาๆ ว่า “ขอบคุณศิษย์พี่ที่จัดเตรียมการฝึกฝนให้ข้า ในครั้งนี้ข้าได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ มามากมายเลยเจ้าค่ะ”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เจ้าได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มามากมายหรือ? ทว่าแม้เมื่อเจ้ากลับมา เจ้ายังไม่ได้ตรวจสอบว่าเป็นตัวตนที่แท้จริงของข้าหรือไม่ด้วยซ้ำ แต่เจ้าก็เข้าหาข้าอย่างไม่ระวังคลางแคลงใดๆ แล้วไม่ใช่หรือ?”
ใบหน้าของหลิงเอ๋อร์มืดมนลง ในยามนั้นนางอยากจะแสร้งทำเป็นร้องไห้ให้ดูน่าสงสารอย่างไม่รู้ตัว
ทว่าจู่ๆ นางก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันทีและกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ
“หากพี่ชายที่ยืนอยู่ที่นี่ไม่ใช่ศิษย์พี่ของข้า ต่อให้ข้าจะระมัดระวังตัวมากเพียงใด ก็น่ากลัวว่าข้าจะไม่รอดพ้นไปได้หรอกเจ้าค่ะ”
“ที่เจ้าว่ามาก็มีเหตุผล” หลี่ฉางโซ่วกล่าวพลางพยักหน้าเห็นด้วย “คราวนี้ เจ้าโตขึ้นมากแล้วจริงๆ”
หลิงเอ๋อร์ยิ้มอย่างเบิกบานใจและแค่นเสียงกล่าวออกมาว่า “ยังมีอีกเจ้าค่ะ นั่น นั่น กอดเมื่อครู่นี้ ข้าเอามันมามอบให้แทนพี่สาวอวิ่นเซียว…เอ่อ”
อ๋า ไม่นะ ข้าทำถั่วหล่นกระจาย[1]แล้ว!
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบว่า “ดูเหมือนว่า พวกเจ้าทั้งสองจะได้พบเจอกันมานานแล้วนะ”
หลิงเอ๋อร์กลอกตาแล้วเปลี่ยนเรื่องทันที “ศิษย์พี่ ข้าได้สมบัตินี้มา ท่านดูสิ! ดู!”
หลิงเอ๋อร์ถือผลโสมเอาไว้ในมือของนาง และกล่าวว่า “หากท่านอาจารย์ได้กินมันแล้ว ก็จะสามารถเพิ่มอายุขัยของท่านให้ยืนยาวขึ้นได้เกือบห้าหมื่นปี!
ข้าได้รับมันมาจากท่านเซียนใหญ่เจิ้นหยวนเจ้าค่ะ!”
หลิงเอ๋อร์รีบเอายันต์หยกอีกชิ่นหนึ่งออกมา ซึ่งเป็นคำตอบจากเซียนใหญ่เจิ้นหยวนให้ปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และนางก็วางลงในมือของหลี่ฉางโช่ว
จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปที่กระท่อมมุงจากของนักพรตเต๋าเฒ่าฉีหยวน
เด็กสาวผู้นี้ไม่ได้อยากเห็นเขาจริงๆ และเทพธิดาอวิ๋นเซียวก็ก้าวหน้ารวดเร็วเกินไป…
หลี่ฉางโซ่วไพล่มือไปไว้ด้านหลังแล้วถอนหายใจ จากนั้นเขาก็หันหลังกลับไปที่หอโอสถ
เขาเหลือบไปมองคำทักทายที่เรียบง่ายในยันต์หยกนั้น แล้วย้ายจิตสนใจของเขาไปที่ดินแดนเทวะทักษิณ
ตอนนี้หลี่ฉางโช่วจึงได้ตัดสินใจเลื่อนเรื่องการขึ้นสู่สวรรค์ของโหย่วฉินเสวียนหย่าออกไปแล้วเพราะมีเรื่องบางอย่าง
เขาไม่มีทางเลือกอื่น หากเขาต้องการสร้างการประชาสัมพันธ์ให้กับโหย่วฉินเสวียนหย่า ก็ย่อมจะก่อให้เกิดความวุ่นวายทุกรูปแบบขึ้นอย่างแน่นอนและจะมีความเสี่ยงเกิดขึ้นมากมายอีกด้วย
ตอนนี้ ผู้ยิ่งใหญ่อย่างปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูของเขา ไม่ได้อยู่ในดินแดนเทวะทั้งห้า
ดังนั้นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดก็คือการลดเรื่องต่างๆ ดังกล่าวไป
แม้แผนการสรรหาบุคลากรของศาลสวรรค์ย่อมจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ผลกระทบก็ไม่ได้มากมายจนเกินไปนัก เพียงแต่มันก็จะมีการประชาสัมพันธ์ลดน้อยลงไปบ้าง…
นอกจากนี้ มันยังเพิ่มความแข็งแกร่งของโหย่วฉินเสวียนหย่าได้เพียงเล็กน้อยอีกด้วย
ในโลกมนุษย์แห่งดินแดนเทวะทักษิณ ในสถาบันการศึกษาที่หลี่ฉางโช่วสอนมาได้ครึ่งปี ขณะนี้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หลี่ฉางโช่วที่ได้แสร้งทำเป็นพักผ่อนก็ลืมตาขึ้นมา
ภายนอกกระท่อมไม้ไผ่
ในขณะนั้น เด็กหนุ่มสามคนกำลังฝึกวิชาเวทเล็กๆ ที่ใช้งานได้จริงอยู่ อย่างเช่น วิชาก้อนหินร่วง และเด็กสาวอีกสามคนก็กำลังท่องบทกวีในป่าไผ่ที่อยู่ห่างไกลออกไป
นอกจากนี้ ในมุมหนึ่งของกระท่อมไม้ไผ่ ‘ผู้สมทบให้ครบจำนวน’ ก็กำลังเขียนอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะของเขา
หลี่ฉางโช่วลุกขึ้นยืนและกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “เสี่ยวโย่ว เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปฝึกวิชาเวทเล่า?”
หนุ่มน้อยหยางทียนโย่วรีบลุกขึ้นยืนแล้วตอบว่า “ท่านอาจารย์ ข้ากำลังทบทวนการคำนวณของข้า ข้าไม่สามารถเรียนรู้วิชาเวทเหล่านี้ได้เลยขอรับ รังแต่จะทำได้เพียงเป็นตัวถ่วงทุกคนเอาไว้…”
………………………………………………………………..
[1] หมายถึงการเผยความลับออกไปโดยไม่ตั้งใจ