ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 839 ตี้ทิงยอมอับอายเพื่อเอาชีวิตรอด (1)
บทที่ 839 ตี้ทิงยอมอับอายเพื่อเอาชีวิตรอด (1)
ที่ริมฝั่งทะเลบูรพา กระแสแสงสายหนึ่งพุ่งไปอย่างรวดเร็วและมาหยุดที่ “สุดชอบฟ้ามหาสมุทร” ซึ่งไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่คู่บำเพ็ญเต๋าจะต้องมาเยือน
ดูราวกับเหมือนว่า ใบหน้าปลอมและรูปร่างโปร่งเพรียวบางเล็กน้อยของชายหนุ่มที่สวมชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงิน จะยืนยันคำพูดที่เขามักจะพูดถึงว่า
เขาเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นแห่งศาลสวรรค์ที่ไม่เก่งกาจเรื่องการต่อสู้
แน่นอนว่า ผู้ที่มานั้นคือร่างหลักของหลี่ฉางโซ่ว
ปรมาจารย์ไท่ชิงกำลังเฝ้าชมหนังสั้นอยู่…แค่กๆ!
ปรมาจารย์ไท่ชิงได้เตือนให้เขามาที่นี่ทันทีเพื่อร่วมกับบรรดาศิษย์ของจอมปราชญ์คนอื่นๆ แล้วจากนั้นก็รีบพุ่งไปที่ชายขอบของตรีสหัสโลกธาตุด้วยกันเพื่อจัดการเรื่องปีศาจนอกอาณาเขต
ปีศาจนอกอาณาเขตละเมิดบัญชาแห่งศาลสวรรค์ แล้วรีบพุ่งเข้าสู่จุลสหัสโลกธาตุนั้น
เมื่อต้องก่อปัญหา คนเหล่านี้ก็เป็นมืออาชีพมาก พวกเขาแทรกซึมเข้าไปในสิ่งมีชีวิตในท้องถิ่นโดยตรง และผสานเข้าไปในจิตใจผู้ฝึกบำเพ็ญ และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรอดพ้นจากการถูกฟาดด้วยสายฟ้าเทพสวรรค์ม่วง
ขณะนั้น เต๋าสวรรค์ได้ผนึกจุลสหัสโลกธาตุเอาไว้ และออกคำเตือนแก่จอมปราชญ์ เหล่าจอมปราชญ์จึงต่างพากันส่งบรรดาศิษย์ของตนให้ไปรวมตัวกันที่ปลายทะเลบูรพา
หลี่ฉางโซ่วมาในนามของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน อย่างไรเสีย นอกจากเขาแล้ว สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินก็ยังมีเด็กชายอีกสองคน วัวหนึ่งตัว และ… เจ้าแพะเฒ่ารุ่นประหยัดงบอยู่อีกหนึ่งตัว
ทันทีที่หลี่ฉางโซ่วมาถึงที่นี่ ก็มีลำแสงหลายสายพุ่งออกมาจากทะเลบูรพา
เขาหันกลับมามองไปรอบๆ และคนสิ่งแรกที่เขาเห็นคือ ร่างที่งดงามนั้นและเขาก็อดจะยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมาไม่ได้ จากนั้นเขาก็เหลือบสายตามองไป และคิ้วของเขาก็ขมวดมุ่นลึกมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อจอมปราชญ์เลือกใครสักคน ปรมาจารย์จอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยย่อมสามารถทำนายได้ว่าผู้ที่สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินจะให้ออกมานั้นคือ เทพวารีแห่งศาลสวรรค์พร้อมกับสมบัติสองชิ้นคือ ไม้เฉียนคุน และเจดีย์เสวียนหวง ซึ่งความจริงแล้ว มันก็ไม่ต้องใช้การคาดคำนวณอะไรมากนัก
ดังนั้น เขาจึงส่งเทพธิดาอวิ๋นเซียวมาเพื่อให้พวกเขาทั้งสองได้มีโอกาสมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น…
ใช่แล้ว นี่คือปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ ทงเทียนจริงๆ
บรรดาศิษย์ของจอมปราชญ์ที่ไม่สำคัญอีกหลายคนก็คุ้นเคยกับหลี่ฉางโซ่วด้วยเช่นกัน
อย่างน้อยๆ พวกเขาก็เป็นหนึ่งในบรรดาปรมาจารย์ที่ครั้งหนึ่ง เคยผูกมิตรไมตรีกับเขาในการร่วมคณะ ‘เจ็ดอารมณ์แห่งความโชคร้าย’ ด้วยกัน
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในสามสำนักบำเพ็ญเต๋าซึ่งเป็นผู้สามารถเปิดหลุมดินเพื่อพิชิตสุสานของเหล่าปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งทั้งในสมัยโบราณและเวลานี้ได้
จ้าวกงหมิง อาจารย์ลุงจ้าวเป็นผู้ที่กระตือรือร้นที่สุดในท่ามกลางบรรดาศิษย์หลักทั้งแปดคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย เขาเป็นที่รู้จักในนาม ฝนตกทันกาล[1]น้อยในโลกบรรพกาล
นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานของปรมาจารย์ผู้หนึ่งในภาษาหยินหยางของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน ไท่อี่เจินเหริน และผู้ที่เงียบขรึมอย่างอวี่ติ้งเจินเหริน
แต่เมื่อปรมาจารย์เต๋าทั้งห้ามาถึง หลี่ฉางโซ่วก็มีใบหน้ามืดมนทันที และศิษย์ทั้งห้าคนของเหล่าจอมปราชญ์ก็ล้วนมีสีหน้าแตกต่างกันไป
พวกเขาต่างก็มองไปที่นักพรตเต๋าหนุ่มที่กำลังขี่สุนัขขนสีเขียวตัวใหญ่ และไม่กล้าที่จะร่อนลงมาที่เกาะแห่งนี้
นักพรตเต๋าหนุ่มผู้นี้มีใบหน้าที่หล่อเหลาและมีรอยยิ้มกระดากเผยออกมาบนริมฝีปากในขณะที่สุนัขขนสีเขียวตัวใหญ่ที่อยู่ข้างล่างก็ตัวสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา
ใบหน้าของสัตว์ร้ายที่แต่เดิมดูทรงพลังแข็งแกร่งนั้น บัดนี้ดูเต็มไปด้วยความหวาดกลัว…
ตี้จั้งแห่งสำนักบำเพ็ญประจิม
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าดีดนิ้ว และถือสมบัติวิญญาณเซียนเทียนที่มีรูปทรงหอยสังข์สองชิ้นเอาไว้ในมือแล้วเอาไปไว้ทางด้านหลังตัวเขา
ในขณะนี้ บรรดาผู้เป็นเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าสามารถได้ยินการสนทนาระหว่างตี้จั้งและสัตว์พาหนะของเขาที่ถ่ายทอดถึงกันในใจของพวกเขาได้ทันที
“มันผ่านไปแล้ว หากนายท่านของเจ้าผู้นี้ไม่กลัว แล้วเจ้าจะกลัวอันใดเล่า?
พวกเรามาที่นี่ตามคำสั่งของท่านอาจารย์ให้ทำความดีเพื่อสวรรค์และปฐพี! ”
“นายท่าน ท่านไปที่นั่นคนเดียวไม่ได้หรือ?
ท่านให้วันหยุดข้าสักสองสามวันไม่ได้หรือขอรับ?
ท่านเป็นศิษย์ของจอมปราชญ์ พวกเขาย่อมจะไม่สังหารท่านเพื่อไว้หน้าให้จอมปราชญ์
แต่ข้าเป็นเพียงสัตว์ร้ายผู้บริสุทธิ์ที่ถูกท่านวางแผนไว้ แล้วทางฝ่ายเทพวารีคงไม่ถลกหนังข้าทั้งเป็นหรอกนะ…
พวกเขาเอาหม้อออกมา[2]แล้ว! มีอะไรที่เทพวารีทำไม่ได้? นายท่าน ท่านไม่รู้หรือว่าวิธีการต่างๆ ของเขานั้นสกปรกมากเพียงใด?
ผู้อาวุโสไป๋เจ๋อ ผู้เป็นต้นแบบของสัตว์ร้ายอย่างเรา ก็ยังไม่ใช้คู่ต่อกรของเขา!”
ตี้จั้งก่นด่าสาปแช่ง “นั่นคือ ถังทองฮุ่นหยวน! รีบไปที่นั่นเร็วเข้า ไม่เช่นนั้น เทพธิดาอวิ๋นเซียวก็จะลงมือจัดการแล้วพวกเราทั้งคู่ก็จะตายกันหมด!”
บุรุษที่โหดเหี้ยมผู้นั้น…
ท่านรู้หรือไม่ว่า มีผู้ทรงพลังเซียนเทียนมากมายเพียงใดที่นางสังหารไปในสมัยโบราณ?
ถังทองฮุ่นหยวนสามารถถูกสืบย้อนไปถึงต้นกำเนิดได้ และหากเซียนต้าหลัวจินตกลงไปในนั้นก็สามารถถูกตัดฐานพลังกลายเป็นเพียงเซียนจินได้! ”
“นี่คือสิ่งที่ข้าขอบอกนายท่าน…มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ!
นายท่าน ไฉนท่านต้องต่อสู้เพื่องานนี้ด้วยเล่า?…”
ท่ามกลางเสียพร่ำบ่นนั้น สัตว์เทพตี้ทิงก็ตัวสั่นไปทั้งตัว แล้วแบกตี้จั้งออกไปข้างหน้าช้าๆ
ตี้จั้งยิ้มพร้อมด้วยดวงตาของเขาที่ฉายแสงจางๆ และเขาก็แผ่ความรู้สึกสงบและเมตตาออกไปทั่วร่างของเขาพร้อมด้วยท่าทางที่ดูเคร่งขรึมสง่างามและภาวะอารมณ์ที่ดูโดดเด่น
“ฮ่า!”
ไท่อี่เจินเหรินอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้จริงๆ จากนั้นเขาจึงหันหลังกลับแล้วยักไหล่
บนเกาะเล็กๆ นั้น เทพธิดาอวิ๋นเซียว ซึ่งแต่เดิมยืนอยู่ข้างๆ หลี่ฉางโซ่ว ก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา
จ้าวกงหมิงก้าวออกไปข้างหน้าทันที และกำลังจะเปิดใช้งานไข่มุกเทพทะเลทั้งยี่สิบสี่เม็ด
ทันใดนั้นนักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็ส่งข้อความเสียงว่า “ศิษย์น้องชายหญิง มันยังไม่เหมาะที่จะสังหารตี้จั้งในโอกาสเช่นนี้”
จ้าวกงหมิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ปล่อยให้อาจารย์อาทั้งสองจากสำนักบำเพ็ญประจิมต้องกังวลเรื่องนี้แล้ว
สำนักบำเพ็ญเต๋าทั้งสามสำนักของเราก็เพียงพอที่จะจัดการกับวิกฤตปีศาจนอกอาณาเขตนี้ได้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรบกวนให้สหายเต๋าลงมือเลย”
ตี้จั้งกล่าวอย่างสงบว่า “แม้สำนักบำเพ็ญประจิมของเราจะอัตคัดและเหน็บหนาว แต่เราก็ยังมีความตั้งใจที่จะปกป้องโลกบรรพกาล ขอศิษย์พี่โปรดอย่าทำให้เราต้องลำบากใจไปเลย”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าคิดอยู่พักหนึ่งแล้วยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “เจ้ายังต้องใส่ใจกับหน้าตาของท่านอาทั้งสอง นี่…”
“ข้าคือ ตี้จั้ง” ตี้จั้งยิ้มขณะอยู่บนหลังของตี้ทิงแล้วกล่าวว่า “น้อมพบศิษย์พี่ชายหญิงทุกคนขอรับ”
อวิ๋นเซียวเก็บถังทองฮุ่นหยวนออกไปอย่างสงบในขณะที่หลี่ฉางโซ่วก็แย้มยิ้มและมองไปที่ดวงตาสัตว์ร้ายที่กำลังหลบเลี่ยงสายตาเล็กน้อยของตี้ทิง
………………………………………………………………..
[1] ผู้ที่มาช่วยเหลอได้ทันเวลา
[2] ตำหนิ กล่าวโทษ