ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 817 การบริหารเวลา (3)
บทที่ 817 การบริหารเวลา (3)
“ท่านอาจารย์!”
เพียงขณะที่เขากำลังคิดถึงเรื่องนั้น เด็กสาวที่สวมกระโปรงสั้นก็ร่อนเมฆลงมาบนพื้น และหยุดอยู่ตรงหน้าหลี่ฉางโซ่วอย่างงดงามอ่อนช้อยแล้ว
จากนั้นนางก็ประสานมือและโค้งคารวะให้อย่างเริงร่าพลางกล่าวว่า “ศิษย์มาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับท่าน!”
วันนี้กระโปรงสั้นของนางดูมีเอกลักษณ์มาก เมื่อมองจากล่างขึ้นบน มันเหมือนอาทิตย์อัสดงที่ใกล้เข้ามาจากระยะไกล ให้ความรู้สึกของการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
หลี่ฉางโซ่วจับจ้องมองนางมากขึ้นเรื่อยๆ และใบหน้าของหลงจี๋ก็ขึ้นสีก่ำขึ้นเล็กน้อย
ทว่านางก็ยืนเขย่งเท้าเล็กน้อยและกล่าวอย่างเบิกบานว่า “คราวนี้ ท่านอาจารย์ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ท่านทำลายล้างพวกเผ่าปีศาจชั้นยอดไปได้มากมาย!
ไม่รู้ว่า หากพระบิดากลับมา แล้วจะให้รางวัลตอบแทนท่านอาจารย์อย่างไร!”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า“ความสำเร็จนี้ เป็นของเหล่าทหารสวรรค์ที่สู้รบอย่างหนัก อย่าได้พูดเหลวไหล”
“โอ” หลงจีแลบลิ้นออกมาแล้วกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ท่านกำลังมองอะไรอยู่…
เอ่อ น้องสาวคนนั้นงดงามยิ่ง นางเป็นศิษย์ที่ฝึกบำเพ็ญอยู่กับท่านอาจารย์หรือไม่เจ้าคะ?”
หลี่ฉางโซ่วแทบจะหัวเราะออกมาดังลั่น
จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “เขาคือหลิงจูจื่อ เป็นศิษย์ของไท่อี่เจินเหริน ปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน เขามาอยู่กับข้าสักระยะหนึ่ง อย่าเข้าไปใกล้ชิดเขามากเกินไป”
“เจ้าค่ะ ศิษย์จะปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่านอาจารย์” หลงจี๋ตอบกลับ
จากนั้นหลงจี๋ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและไตร่ตรองอย่างรอบคอบ นางเพิ่มเติมการวิเคราะห์สองสามร้อยคำในใจ และวิเคราะห์ว่า เหตุใดหลี่ฉางโซ่วถึงบอกนางว่า อย่าใกล้ชิดกับหลิงจูจื่อมากเกินไป
เป็นไปได้ไหมที่อาจารย์กลัวว่าจะมีความรู้สึกต่อหลิงจู้…
หรือว่า ท่านอาจารย์กลัวว่าข้าจะมีความรู้สึกบางอย่างกับหลิงจูจื่อ…
ทันใดนั้นหลงจี๋ก็หน้าแดงและมองไปที่หลี่ฉางโซ่วอย่างกระตือรือร้น
และหาได้ยากนักที่หลี่ฉางโซ่วจะเข้าใจผิด เขากล่าวอย่างจริงจังว่า “อย่าคิดมาก หลิงจูจื่อมาที่นี่เพื่อเติมเต็มวิถีแห่งการฝึกบำเพ็ญที่ช่วยทำให้ตัวเขาเองมีพลังแห่งบุรุษเพศมากขึ้น
ในขั้นตอนนี้ เขาไม่อาจติดต่อกับสตรีได้มากนัก
ส่วนในขั้นต่อไป ไว้ข้าจะขอให้เจ้าช่วยเมื่อต้องการสตรีที่อ่อนแอเพื่อสร้างแรงบันดาลใจกระตุ้นความปรารถนาของเขาที่จะให้การปกป้องคุ้มครองและรู้รับผิดชอบ”
หลงจี๋ไม่เข้าใจว่าด้วยเหตุใด แต่นางก็พยักหน้ารับอย่างงุนงง
หลี่ฉางโซ่วยิ้มอย่างอบอุ่นและปล่อยให้หลงจี๋เข้าไปในบ้าน จากนั้นเขาก็เริ่มตรวจสอบการบ้านที่เขามอบหมายให้นางก่อนหน้านี้
ซึ่งนั่นทำให้หลงจี๋ปวดศีรษะและพร่ำบ่นกระปอดกระแปดอย่างไม่หยุดหย่อนอยู่พักหนึ่ง
เวลานี้ องค์เง็กเซียนและพระแม่หวังหมู่ไม่อยู่บ้าน ดังนั้นหลี่ฉางโซ่วจึงไม่กล้าผ่อนคลายความเข้มงวดในการสอนสิ่งต่างๆ ให้หลงจี๋
ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น หลี่ฉางโซ่วยังต้องการจับตาดูหลงจี๋เพื่อป้องกันไม่ให้นางถูกวางแผนทำร้าย ไม่เช่นนั้น เขาย่อมไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ให้องค์เง็กเซียนฟังได้
มันอยู่ในขอบเขตอำนาจที่เสนาบดีธรรมดาแห่งศาลสวรรค์จะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องในครอบครัวขององค์เง็กเซียนเช่นกัน
หลังจากคำนวณถ้วนถี่แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็พบว่า ตอนนี้เขามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องดูแลจริงๆ
เมื่อถูกรบกวนจากการประกาศประณามของนักพรตเต๋าลู่หยา เขาจึงสูญสิ้นเวลาว่างพักผ่อนหย่อนใจในช่วงเริ่มต้นของวันหยุดพักร้อนไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักว่าเขาถูกแทรกแซงมากเกินไปจริงๆ
เขาไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของศาลสวรรค์ เพราะมีแม่ทัพตงมู่เป็นคนจัดการ
ทว่าในเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเผ่าปีศาจ แม่ทัพตงมู่ก็จะรีบพุ่งมาหารือกับเขา
เวลาเดียวกันนั้น เขาต้องเพ่งจิตสนใจไปที่ดินแดนเทวะอุดร และติดตามการเคลื่อนไหวของพวกเผ่าปีศาจอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา
และพร้อมกันนั้น เขาก็ต้องบันทึกสถานที่ซ่อนตัวของปรมาจารย์เผ่าปีศาจบางตนที่กำลังซ่อนตัวอยู่
นอกจากนั้น หลี่ฉางโซ่วยังต้องรับผิดชอบในการสื่อสารและกระชับความสัมพันธ์กับเผ่าพันธุ์มังกรและแดนยมโลก
ทั้งนี้ เขาต้องเพ่งจิตสนใจไปที่สถานการณ์ความเป็นอยู่ของเสือดำตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ตามลำพัง “หลังจากเลิกรา”
และเขายังต้องจัดทำบทเรียนเพิ่มเติมเพื่อคอยชี้แนะสั่งสอนให้ศิษย์น้องหญิงที่กำลังจะออกไปฝึกฝนภายนอก …
ยิ่งไปกว่านั้น การฝึกฝนก็มีความสำคัญสูงสุดเช่นกัน ดังนั้น ไม่ว่าเขาจะงานยุ่งแค่ไหน เขาก็ยังต้องได้รับการรู้แจ้ง ไม่เช่นนั้น เขาจะไล่ตามทันจนล้ำหน้าเหนือกว่าคนรุ่นก่อนได้อย่างไร?
“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะมีเวลามากเพียงใด แต่ขึ้นอยู่กับว่าได้จัดสรรปันแบ่งมันอย่างไร”
หลี่ฉางโซ่วยังเจียดเวลาจากตารางงานที่ยุ่งมากของเขา เขายังสามารถหลอมโอสถ จิบชา ทำอาหาร และเขียนจดหมายถึงเทพธิดาอวิ๋นเซียวได้
บางครั้งคราว เขาก็จะไปที่ห้องเดินหมากเล่นไพ่เพื่อพักผ่อนและเล่นสนุกสนาน เขายังสูญเสียศิลาวิญญาณและสุราวิญญาณไปบางส่วนอีกด้วย
พริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปอีกสิบปีแล้ว
พวกเผ่าปีศาจไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากนัก
หลี่ฉางโซ่วก็ไม่ได้สังเกตเห็นเวลาที่ผ่านไป
และในวันที่เขาและหลิงเอ๋อร์ตกลงกันว่าจะเป็นวันที่หลิงเอ๋อร์จะลงจากภูเขาก็ได้มาถึงตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็วราวกับไฟโหมลมพัด
ในวันนั้น หลี่ฉางโซ่วเดินเอามือไพล่หลังไปที่กระท่อมมุงจากของหลิงเอ๋อร์
เพื่อเป็นการแสดงความนับถือต่อศิษย์น้องหญิงของเขา ในครั้งนี้ เขาจึงใช้ร่างหลักของเขาเป็นพิเศษและเปลี่ยนเป็นสวมชุดเสื้อคลุมเต๋าใหม่เอี่ยม
“แค่กๆ! ได้เวลาแล้ว เก็บของ เตรียมพร้อมเริ่มออกเดินทางได้!”
เอ่อ ไฉนข้าถึงรู้สึกว่า คำพูดเหล่านี้ มันฟังดูเป็นลางร้ายเล็กน้อย?
ในขณะนี้
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงน้ำกระเซ็นอยู่ในห้อง และหลิงเอ๋อรก็กรีดร้องราวกับว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
แล้วกระท่อมมุงจากก็เงียบงันลงทันที
หลี่ฉางโซ่วรออยู่ตรงนั้นอย่างสงบ และเขาก็ไม่ได้แผ่สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาเข้าไปสำรวจในค่ายกล
ทว่าหลังจากรออยู่สักพัก เขาก็เห็นหยดน้ำสองสามหยด หยดลงมาจากแผ่นกระดานไม้ปะปนไปกับรอยเลือด…
หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก
“ข้าจะเข้าไปข้างในหากเจ้าไม่ออกมา”
ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าว
“ศิษย์พี่ อย่านะ! ข้ายังไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลย… ศิษย์พี่ ดูเหมือนว่าข้าจะมี…แค่กๆ ข้าถูกธาตุไฟเข้าแทรกแล้ว… อ๊าย ข้าเจ็บปวดหัวใจมาก…”
หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะด้วยความผิดหวังและหันหลังกลับเพื่อจากไป และกล่าวออกมาว่า “เอาที่เจ้าสบายใจเถิด”
จากนั้นกระท่อมมุงจากก็เงียบงันลงอีกครั้ง
และเจ้าของกระท่อมมุงจากก็กะพริบตา ดูเหมือนว่าบทจะแตกต่างไปจากที่นางวางแผนไว้เล็กน้อย
ท่านไม่เข้ามาข้างในจริงๆ หรือ?
หลี่ฉางโซ่วนับในใจเงียบๆ จากหนึ่งถึงสามสิบหก และเพียงในขณะที่เขาเดินอยู่ใต้ต้นหลิว หน้าต่างกระท่อมมุงจากก็ถูกดึงเปิดออก
จากนั้นหลิงเอ๋อร์ก็โผล่ศีรษะออกมาแล้วรีบร้องตะโกนว่า “ศิษย์พี่! ข้าเรียบร้อยแล้ว!”
หลี่ฉางโซ่วหันกลับมาและก่นด่าด้วยใบหน้าหฤโหด “เจ้าไม่ได้ธาตุไฟเข้าแทรกแล้วหรือ?”
“ฮิฮิ” หลิงเอ๋อทำหน้าทะเล้นและกล่าวว่า “ข้าผิดไปแล้ว ข้าสับสน มันเป็นแค่หายใจแล้วเกิดเจ็บที่หน้าอก…”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจ
สาวน้อยผู้นี้ นับตั้งแต่ที่เทพธิดาอวิ๋นเซียวมาเยือนที่นี่ หลิงเอ๋อร์ก็ทำตัวราวกับว่านางได้พบผู้สนับสนุน
และบารมีที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามของเขาในฐานะศิษย์พี่ของนางก็ลดลงอย่างมาก เขาต้องใช้ประโยชน์จากประสบการณ์นี้เพื่อระงับแนวโน้มการพัฒนาสถานการณ์และกำราบนาง
ไม่เช่นนั้น…มันจะไม่เกิดความโกลาหลพลิกฟ้าครั้งใหญ่จนเขาเดือดร้อนวุ่นวายในภายภาคหน้าหรอกหรือ?
………………………………………………………………..