ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 802 การมาเยือนของคุณชายอวิ๋น (2)
บทที่ 802 การมาเยือนของคุณชายอวิ๋น (2)
ในเวลานี้ ร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วได้หนีไปในขอบฟ้าพร้อมกับไป๋เจ๋อแล้ว ทำให้เกิดเป็นวงกลมยาวในโลกบรรพกาล และรีบพุ่งกลับไปซ่อนตัวในสำนักตู้เซียน
ต่อจากนี้ เขายังต้องเตือนเจ้าสำนักผู้ว่างเปล่า และขอให้เจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายคอยเฝ้าดูแลการเข้าปิดด่านของไป๋เจ๋อในให้ปกป้องสำนักตู้เซียนอย่างเข้มงวด
ไป๋เจ๋อและหลี่ฉางโซ่วไม่ได้พูดคุยกันระหว่างทางจนกระทั่งเมื่อพวกเขาไปถึงยอดเขาเฮยฉือ ไป๋เจ๋อก็นอนลงข้างสระน้ำและจ้องมองไปที่น้ำใส แล้วสัตว์ร้ายรู้สึกหดหู่เล็กน้อยไปทั่วทั้งร่าง
“ดูเหมือนว่าท่านไป๋จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย”
หลี่ฉางโซ่วถามอย่างอบอุ่น “เป็นเพราะในที่สุด ลู่หยาก็ยังคงลงมือบนเส้นทางแห่งการต่อสู้กับศาลสวรรค์?”
“เฮ้อ” ไป๋เจ๋อหายใจออกช้าๆ “ไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ข้ารู้นิสัยของเขาแล้ว
ข้าเพียงรู้สึกสิ้นหวังไร้พลังเล็กน้อย
การรู้มากขึ้นมีประโยชน์อันใด?
ข้าเพียงเห็นจุดจบของบางคน ของบางสิ่งบางอย่างล่วงหน้า แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย
ไม่ว่าข้าจะย้ำเตือนลู่หยามากเพียงใด ลู่หยาก็จะมองแต่ผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้น และรู้สึกเสมอว่าโชคชะตาอยู่ในมือของเขา
เมื่อวิเคราะห์ดู ในท้ายที่สุดแล้ว ความเย่อหยิ่งในใจของลู่หยาเองที่ฝังทุกอย่างเอาไว้ เขามีนิสัยคล้ายบิดาของเขามาก”
หลี่ฉางโซวคิดอยู่สักพักหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้สำนักบำเพ็ญประจิมเข้ามาเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์ปีศาจอีกครั้ง ท่านคิดว่าศาลสวรรค์ควรจัดการโต้ตอบอย่างไร?”
“เทพวารีกำลังทดสอบข้าอีกครั้ง” ไป๋เจ๋อมีกำลังใจขึ้นมา แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เขายังคงรักษารูปลักษณ์ดั้งเดิมของร่างที่แท้จริงของเขาเอาไว้ แล้วกล่าวว่า “เพียงเพิกเฉย ไม่ต้องสนใจ”
“โอ้? แล้วเหตุใดข้าจึงควรเพิกเฉยเล่า?”
ไป๋เจ๋อกล่าวว่า “การเคลื่อนไหวของสำนักบำเพ็ญประจิมในครั้งนี้เป็นไปอย่างระมัดระวังรอบคอบและชาญฉลาด
แทนที่จะเข้าร่วมในการต่อสู้แบบเผชิญหน้าโดยตรง แต่กลับเป็นการช่วยเหลือให้ปรมาจารย์เผ่าปีศาจเหล่านั้นหลบหนีและรอดชีวิตไปได้
ด้วยวิธีนี้ เขาสามารถได้รับความกตัญญูจากปรมาจารย์เผ่าปีศาจโดยไม่ได้รุกรานและทำให้ศาลสวรรค์ขุ่นเคืองมากเกินไป
ตามความคิดของสำนักบำเพ็ญประจิม คงเป็นเรื่องยากที่ศาลสวรรค์จะวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาได้ต่อให้พวกเขาต้องการก็ตาม
จะเป็นการดีกว่าที่จะเพิกเฉย และค้นหาว่าสำนักบำเพ็ญประจิมกำลังวางแผนอะไรก่อน แล้วค่อยจัดการกับปัญหา
หากเราหยุดพวกเขาไม่ให้ได้รับในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ก็ถือได้ว่าเราชนะในรอบนี้”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าช้าๆ เขาเปรียบเทียบคำพูดของไป๋เจ๋อกับความคิดของเขาเองในใจอย่างระมัดระวัง และคำพูดทั้งหมดนั้นก็สอดคล้องเหมือนกับความคิดของเขา
ไป๋เจ๋อถอนหายใจอีกครั้งและกล่าวว่า “ข้าเพียงกลัวว่า ลู่หยาจะเดินบนเส้นทางที่เป็นทางตันและไม่มีทางหวนกลับในภายหลัง แล้วหันไปหาสำนักบำเพ็ญประจิมอย่างสมบูรณ์”
หลี่ฉางโซ่วถามว่า “การที่ลู่หยาย้ายไปสำนักบำเพ็ญประจิม จะมีอันใดผิดปกติเกิดขึ้นกับเขา?”
ไป๋เจ๋อกล่าวว่า “ไม่มีอันใดผิดปกติกับเขา วันนี้เขาได้สูญเสียการปกป้องคุ้มครองของราชินีจอมปราชญ์ไปแล้ว
หากเขาได้รับการปกป้องจากจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิม แน่นอนว่า ชีวิตของเขาก็จะปลอดภัย
แต่หากลู่หยายอมเข้าร่วมกับสำนักบำเพ็ญประจิม โชคชะตาของเผ่าปีศาจก็จะถูกสำนักบำเพ็ญประจิมดูดกลืนไปจนแห้งเหือดหมดสิ้น และเผ่าปีศาจก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดของสำนักบำเพ็ญประจิมอีกด้วย
เมื่อปีศาจกลุ่มนี้ตาย ข้าจะรู้สึกสบายใจมากขึ้น แต่จากนี้ไป วิญญาณใหม่ทั้งหมดในโลกก็จะถูกสำนักบำเพ็ญประจิมจัดประเภทเป็นเผ่าปีศาจ จากนั้นก็ถูกเอารัดเอาเปรียบ แสวงหาประโยชน์ และเป็นทาส…
มันเป็นความโชคร้ายของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลจริงๆ”
“สิ่งที่ท่านพูดเป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยพิจารณามาก่อน” ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วกลับมามีรูปลักษณ์เดิม แล้วก้มศีรษะลงครุ่นคิด
ไป๋เจ๋อยิ้มและกล่าวว่า “เป็นที่เข้าใจได้ว่าเทพวารีให้ความสำคัญกับเผ่าพันธุ์มนุษย์มากกว่าวิญญาณมากมาย
ทว่าในตอนนี้ เทพวารีมีอิทธิพล สามารถส่งผลกระทบต่อเรื่องต่างๆ ของศาลสวรรค์ได้ แล้วยังมีอิทธิพล ส่งผลต่อการตัดสินใจขององค์เง็กเซียนได้อีกด้วย จึงควรยุติธรรมมากขึ้นกว่านี้”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าช้าๆ จากนั้นก็มองไป่เจ๋อด้วยท่าทางล้อเล่น และยิ้มพลางกล่าว
“ท่านไป๋มาที่นี่มีเจตนาเพื่อตักเตือนข้าหรือ?”
“เทพวารีอย่าคิดมากเกินไป” ไป๋เจ๋อนอนอยู่ที่นั่นอย่างหดหู่ “ข้ามาที่นี่เพื่อปรับปรุงอาหารของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน”
“ข้าเชื่อท่านไป๋” หลี่ฉางโซ่วประสานมือคารวะแล้วกล่าวว่า “ท่านไป๋โปรดพักผ่อนสักหน่อย
หลังจากที่ข้าจัดการเรื่องต่างๆ ในดินแดนเทวะอุดรแล้ว ข้าจะมาดื่มและพูดคุยกับท่าน”
ไป๋เจ๋อถอนหายใจด้วยความผิดหวังและยังคงนอนอย่างรู้สึกหดหู่อยู่ที่นั่นต่อไป
……
ในพื้นที่ทางตอนเหนือของดินแดนเทวะอุดร บรรดาทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ได้ขี่เมฆจากไปอย่างเป็นระเบียบ และบินกลับขึ้นไปบนท้องฟ้า
เวลานั้น กองกำลังแห่งแดนยมโลกก็ถอยกลับไปด้วยเช่นกัน และพวกเขาก็ได้ขี่ลมหยินกลับสู่แดนยมโลก
ขณะนี้ แม่ทัพตงมู่และหลี่ฉางโซ่วออกลาดตระเวนตามพื้นที่ต่างๆ ร่วมกัน
พวกเขาเป็นตัวแทนในนามของศาลสวรรค์ในการไปเยี่ยมและแสดงความเสียใจต่อเผ่าเวทแห่งดินแดนเทวะอุดร และส่งคำทักทายอย่างอบอุ่นจากศาลสวรรค์อย่างจริงใจ
หน้าม้าและหัววัวได้นำกลุ่มชนเผ่าเวทแห่งแดนยมโลกที่ไม่เคยมีโอกาสได้ปรากฏตัวมาก่อนและตอนนี้พวกเขาก็มีความขุ่นเคือง คับข้องใจต่างๆ มาถึงตรงหน้าหลี่ฉางโซ่วและแม่ทัพตงมู่อย่างลังเล
พวกเขาประสานมือเอาไว้แน่นและโค้งคารวะอย่างอ่อนน้อม “ใต้เท้าเทพวารี พวกเราพี่น้องไม่ได้ต่อสู้เลย! ม่อ! พวกเราตกลงที่จะต่อสู้ในสงครามที่ยากหนักหนาที่สุด…”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก และมีเส้นสายสีดำปูดโปนขึ้นมามากมายบนหน้าผากของเขาทันที
เจ้าพวกคนเหล่านี้ อู่ต้าหลางขอเติมยาจากพานจินเหลียนอีกหลังจากที่ดื่มยาไปแล้ว พวกเขาพยายามแสดงความแข็งแกร่งกล้าหาญโดยไม่ต้องการชีวิตใช่หรือไม่?
“สัตว์ร้ายบรรพกาลเหล่านั้นไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้โดยตรง นี่เป็นข้อผิดพลาดในการวางแผนก่อนหน้านี้ของข้า”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ทว่าเพราะการซุ่มโจมตีอย่างเงียบสงบของพวกท่าน ทำให้มีผลในการยับยั้งคู่ต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ มันยังทำให้ข้ามีความมั่นใจมากขึ้นในการรับมือกับสถานการณ์การต่อสู้ในยามนี้อีกด้วย แม้พวกท่านจะไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้โดยตรง แต่พวกท่านก็มีบทบาทไม่น้อยไปกว่าเข้าร่วมการต่อสู้เผชิญหน้าตัวต่อตัว ทว่าในทางกลับกันแล้ว มันมีความสำคัญมากกว่า”
บัดนั้นหัววัวและหน้าม้าต่างก็มองหน้ากันด้วยความสับสน
หน้าม้ากล่าวว่า “ใต้เท้าเทพวารี โปรดอย่ากล่าวเช่นนั้น นี่มันไม่สอดคล้องกับแนวคิดของพวกเผ่าเวทของเราเลย”
ในขณะนั้น แม่ทัพตงมู่ที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มและแสดงการปรากฏตัวของเขาออกมาอย่างแข็งขัน และกล่าว
“ในการต่อสู้วันนี้ ทุกคนที่เข้าร่วมในการต่อสู้จะได้รับรางวัลตอบแทนตามผลงานของพวกเขา และทุกคนก็มีส่วนร่วมทำผลงานได้ดีมากเช่นกัน”
หน้าม้าและหัววัวกะพริบตา และหน้าม้าก็อดจะพึมพำออกมาไม่ได้ว่า “ท่านแม่ทัพตงมู่ก็อยู่ที่นี่ด้วย”
หน้าม้ากล่าวอย่างจริงจังว่า “ท่านแม่ทัพตงมู่ โปรดอย่าทำสิ่งที่ดูถูกจิตวิญญาณของพวกเราเช่นนั้น! พวกเราไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ แล้วพวกเรามีผลงานอันใดกัน?”
หัววัวเหวี่ยงกีบและถูมือ แล้วเขาก็หัวเราะเบาๆ ไปที่หลี่ฉางโซ่ว “แน่นอนว่า หากศาลสวรรค์ยืนกรานที่จะให้รางวัลแก่พวกเรา พวกเราก็ไม่อาจฝืนบัญชาฝ่าลิขิตสวรรค์ได้ใช่หรือไม่?
………………………………………………………………..
…………………………………………………………