ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 748 อารัมภบทสัตว์เทพ (2)
บทที่ 748 อารัมภบทสัตว์เทพ (2)
ลู่หยาโกรธจัดจนหัวใจเต๋าของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ทว่าหลังจากเรียนรู้บทเรียนในครั้งก่อน เขาก็ฝืนบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ได้
เขาสงสัยว่ามีใครบางคนจงใจเล่นตลกกับเขา แต่สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็ไม่พบเบาะแสร่องรอยใดๆ ได้แม้แต่น้อย
ในที่สุด หลังจากที่เดินกะโผลกกะเผลกเข้าไปในเมือง ลู่หยา ซึ่งกลายร่างเป็นสตรีวัยกลางคนก็ก้มศีรษะลง และเดินไปที่ตรอกด้านข้างของร้านอาหารที่มีคนพลุกพล่านที่สุดในเมืองอย่างเงียบๆ จากนั้นเขาก็ยืนอยู่ต่อหน้าชายชราผู้หนึ่ง ซึ่งกำลังงีบหลับอยู่บนโต๊ะตรงปากทางเข้าตรอกนั้น
นี่เป็นสถานที่ที่ชายชราผู้นี้อาศัยอยู่อย่างสันโดษ
เขาเป็นหมอดูผมขาวที่เป็นปรมาจารย์เชี่ยวชาญด้านหยั่งรู้และทำนายดวงชะตา
มีโต๊ะและผ้าปูโต๊ะที่เขียนเอาไว้ว่า “เก้าในสิบทำนายไม่เที่ยงตรง คงสิบการทำนายต่อวัน”
นั่นคือ สมบัติทั้งหมดของหมอดูชราผู้นี้
“แค่กๆ!” ลู่หยากระแอมไอแห้งๆ
ในขณะนั้น หมอดูชราไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา ทว่าเขากลับตอบอย่างอ่อนแรงว่า “ข้าทำไม่ได้แล้ว วันนี้ข้าทำนายดวงชะตาสิบรายหมดแล้ว โปรดกลับมาอีกครั้งในวันอื่นเถิด”
“จริงหรือ?”
นักพรตเต๋าลู่หยากล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “ในเมื่อท่านผู้อาวุโสอยู่ที่นี่เพื่อพบข้า แล้วเหตุใดท่านจึงก้มหน้า ไม่มองข้า”
“หือ?”
หมอดูชราเงยหน้าขึ้นและพึมพำด้วยแววตาสับสน จากนั้นเขาก็พึมพำว่า “นายหญิง ท่านเป็นผู้ใดกัน? ท่านเคยพบผู้น้อยมาก่อนหรือ?
เอ๋? นายหญิง บริเวณหว่างคิ้วของท่านเจ้าเป็นสีดำมืดมิด ดูเหมือนว่า ท่านกำลังตกอยู่ในอันตรายเป็นภัยพิบัตินองเลือด”
นักพรตเต๋าลู่หยาดึงม้านั่งยาวมาวางและลงนั่งตรงข้ามกับโต๊ะยาวทันที
จากนั้นเขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “เป็นเพราะภัยพิบัตินี้เอง ข้าจึงมาขอคำชี้แนะจากท่านผู้อาวุโส ข้าไม่รู้ว่าจะสามารถจัดการแก้ไขภัยพิบัติครั้งนี้ได้หรือไม่”
หมอดูชราลูบเคราสีขาวของเขาด้วยท่าทีไม่เหมาะสมอยู่สักหน่อย ในยามนั้น เขามีสีหน้าดูลำบากใจเล็กน้อย
“เหตุใดท่านถึงไม่นั่งที่นี่อีกสักครึ่งวัน? หลังจากคืนนี้ ผู้น้อยก็สามารถอ่านโชคชะตาของผู้คนต่อไปได้ และในบรรดาสิบการทำนายดวงชะตา ผู้น้อยก็สามารถให้การทำนายดวงชะตาของนายหญิงในวันรุ่งขึ้นได้?”
นักพรตเต๋าลู่หยาขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส หากข้าปรากฏตัวที่นี่นานเกินไปจะไม่เหมาะ ไยเราไม่ไปหาที่เงียบๆ พูดคุยกันเล่า?”
“นั่นเป็นไปไม่ได้” หมอดูชราโบกมือของเขา
“ถึงแม้ข้าจะไร้บุตรหรือภรรยา แต่ข้าก็ยังเป็นหมอดูชื่อดังในบริเวณรอบๆ รัศมีหลายร้อยลี้นี้ ข้าเกรงว่าจะเป็นที่ครหา หากข้าอยู่ในห้องเดียวกับท่าน นายหญิง”
นักพรตเต๋าลู่หยาหรุบตาลง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแววสิ้นหวัง
“ผู้อาวุโส ท่านจะไม่สนใจความสัมพันธ์ในอดีตของเราเลยจริงๆ หรือ?”
“ท่านหมายความอันใดกัน?”
จู่ๆ หมอดูชราเงยหน้าขึ้นและจับจ้องมองสตรีผู้ที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างระมัดระวังทันที
“ข้ารู้จักท่านหรือ?”
นักพรตเต๋าลู่หยาถอนหายใจและมีสีหน้าท่าทีดูเศร้าสร้อย แต่เขาก็รู้ว่าเขาไม่อาจฝืนบังคับอะไรได้ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับให้ก่อนจะหันหลังและกำลังจะเดินจากไป
“แค่กๆ! ฝ่าบาท? ไฉนพระองค์ถึงมาอยู่ที่นี่?”
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินข้อความเสียงดังมาจากทางด้านหลังเขา
ในยามนั้น มีชายวัยกลางคนสวมเสื้อแขนสั้น ได้โผล่ศีรษะออกมาจากนอกหน้าต่างชั้นล่างของร้านอาหารที่อยู่ข้างๆ ชายผู้นั้นยังคงถือกระทะเหล็กและทัพพีอยู่ในมือ
“โปรดทรงรอสักพัก ให้ข้าทำอาหารจานนี้ให้เสร็จก่อนเถิด ฝ่าบาท ยังมีแขกอีกสองโต๊ะกำลังรออยู่!”
นักพรตเต๋าลู่หยาถึงกับพูดไม่ออก หน้าผากของเขาทะมึนเต็มไปด้วยเส้นสายสีดำ ในขณะที่ทั่วทั้งร่างของเขาสั่นเทิ้ม
เขาเกือบจะเปิดเผยร่างที่แท้จริงของเขาออกมาและแผดเผาเมืองนี้ด้วยเพลิงแท้สุริยันแล้ว!
……
ทว่าลู่หยาจะทำอะไรได้ในตอนนี้?
บนยอดเขาหยกน้อย หลี่ฉางโซ่วนั่งอยู่ที่หน้าเตาหลอมโอสถ และครุ่นคิดอยู่เงียบๆ
ในเตาหลอมโอสถสีดำสนิทที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น เม็ดโอสถที่กำลังจะก่อตัวขึ้นได้เปล่งแสงเรืองรองออกมาแล้ว
ในขณะนั้น เขากำลังทำงานหลายอย่างไปพร้อมๆ กัน นอกเหนือจากการปรุงโอสถแล้ว เขาก็ยังเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของเสือดำจากระยะไกล และในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็กำลังคิดถึงมาตรการเฉพาะเพื่อปฏิรูปแดนยมโลกอยู่ในห้องลับอีกด้วย
เวลานี้ เสือดำกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังเคหาสน์ถ้ำของเขา
ทว่าสิ่งที่เสือดาวดำไม่รู้ก็คือ ปีศาจน้ำ เหมียวเหมี่ยวได้เก็บข้าวของและออกจากเคหาสน์ถ้ำแห่งนี้ไปตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว
หลี่ฉางโซ่วไม่รู้เหตุผลแน่ชัดจริงๆ บางที มันอาจเป็นเพราะ…
ความรักหรือ?
บางที ปีศาจน้ำอาจสัมผัสได้แล้วว่า เสือดำมีส่วนพัวพันในกรรมใหญ่หลวง และเกรงว่าจะไม่อาจทนรับต่อผลกรรมนั้นไม่ได้ ดังนั้นนางจึงถือโอกาสนี้จากไป
ปีศาจน้ำได้ทิ้งจดหมายเอาไว้ให้เสือดำ แต่หลี่ฉางโซ่วจึงไม่ได้อ่านมันด้วยถือเป็นการแสดงความเคารพในความเป็นส่วนตัวของสิ่งมีชีวิต
ทว่าเพื่อความปลอดภัย เขาก็ใช้สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาเพื่อเป็นประจักษ์พยานในกระบวนการที่ปีศาจน้ำเขียนจดหมาย
ในจดหมายนั้น ระบุเพียงว่าการแต่งงานเป็นสามีภรรยาของพวกเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว พวกเขาย่อมจะแยกจากกัน และต่อไปในภายภาคหน้าก็ไม่ต้องตามหาหรือคิดถึงห่วงใยกันและกันอีก
ในขณะนี้เสือดำผู้น่าสงสารไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอกับอะไรบ้างเมื่อเขาได้กลับไปที่เกาะเต่าทอง
เขาไม่รู้ว่าเสือดำจะได้รับผลกระทบมากเพียงใดเมื่อปีศาจน้ำ เหมียวเหมี่ยวจากไป และเขาก็ไม่รู้ว่ามันจะส่งผลต่ออารมณ์ของเสือดำหรือไม่…
แผนการพิเศษเฉพาะในครั้งนี้คืออะไร?
ความจริงแล้ว เขาไม่ได้มีแผนการใด แผนการทั้งหมดที่หลี่ฉางโซ่ววางเอาไว้นั้นคือ แผนการล่าสังหารนักพรตเต๋าลู่หยา และการเปิดเผยข่าวกับเสือดำ
เขาเพียงโยนหินสองก้อน หนึ่งก้อนใหญ่ และหนึ่งก้อนเล็กลงไปที่บ่อปีศาจเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่า มันจะทำให้เกิดคลื่นชนิดใดที่สร้างความเสียหายขึ้นได้
ครั้งนี้ ความจริงแล้ว หลี่ฉางโซ่ว… อยากจะอยู่อย่างเงียบสงบและวางเฉย
ไม่ใช่ว่า เขารู้สึกว่าแผนการที่มี “วิธีดำเนินการอย่างละเอียดถี่ถ้วน” นั้นเหนื่อยเกินไป แต่ตรงกันข้าม มันเป็นความพยายามที่หลี่ฉางโซ่วทำหลังจากพิจารณาตัวเองแล้ว
การวางเฉย
ความเข้าใจของหลี่ฉางโซ่วในยามนี้นั้น การวางเฉยเมยคือ ความเป็นไปได้ทั้งหมดที่สามารถพัฒนาในเรื่องนี้ ซึ่งล้วนอยู่ในขอบเขตที่เขาสามารถจัดการได้
ไม่ว่าเรื่องนี้จะพัฒนาไปอย่างไร มันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเขา แต่มันจะนำผลประโยชน์บางอย่างมาให้เขาเท่านั้น
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับลู่หยา ซึ่งกำลังถูกศาลสวรรค์ตามไล่ล่าก็คือ…
เขาถูกจอมปราชญ์หนี่วาจับไปที่วังเซิ่งหมู่ของจอมปราชญ์หนี่วา เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย “ทันที”
นั่นอยู่ภายในความอดทนของหลี่ฉางโซ่วอย่างสมบูรณ์ และเขายังสามารถใช้โอกาสนั้นเพื่อทำความเข้าใจอักขระเต๋าของจอมปราชญ์ และปรับปรุงขอบเขตเต๋าของเขาเองได้
จากนั้นเขาก็ก้มลงมองเส้นลายมือบนฝ่ามือของเขา…
………………………………………………………………..