ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 632 ไข่มุกเทพปะทะกับแสงศักดิ์สิทธิ์ กงหมิงเผชิญข่งเชวี่ยน (2)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- บทที่ 632 ไข่มุกเทพปะทะกับแสงศักดิ์สิทธิ์ กงหมิงเผชิญข่งเชวี่ยน (2)
บทที่ 632 ไข่มุกเทพปะทะกับแสงศักดิ์สิทธิ์ กงหมิงเผชิญข่งเชวี่ยน (2)
ในขณะนั้น ข่งเซวี่ยนได้บินกลับมาแล้ว เขากล่าวออกมาอย่างเย็นชาว่า “แล้วหากข้าตีเจ้าเล่า? หากไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นศิษย์ของจอมปราชญ์และเป็นผู้ที่อยู่ในตำนานของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย วันนี้ ข้าจะถอนเคราของเจ้าออกอย่างแน่นอน!”
“เฮ้ เฮ้!”
จ้าวกงหมิงเบิกตากว้าง ในขณะนั้น ไข่มุกเทพทะเลทั้งยี่สิบสี่เม็ดหมุนวนรอบตัวเขา “สหายเต๋า เจ้ากำลังไปไกลเกินไป[1]แล้ว ข้าเกรงว่า พวกเราจะต้องต่อสู้กันอีกในวันนี้!”
“ท่านทั้งสอง พวกท่านทั้งสอง!”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกปวดหัวหนึบขึ้นมาทันที
ในขณะนั้น ข่งเซวี่ยนถือเป็นฝ่ายที่เป็นกลางระหว่างสำนักบำเพ็ญเต๋า และสำนักบำเพ็ญประจิม แม้จะไม่อาจชักจูงข่งเซวี่ยนให้มาเข้าร่วมได้ แต่พวกเขาก็ไม่ควรทำให้ข่งเซวี่ยนขุ่นเคือง
เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน หลี่ฉางโซ่วก็ได้ส่งเสียงไปยังจ้าวกงหมิงเพื่อปลอบโยนเขา แล้วจึงหันกลับมาทำการคารวะเต๋าให้ข่งเซวี่ยน
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็คลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “สหายเต๋า เวลานี้ มันเป็นเพียงความเข้าใจผิดกันเล็กน้อยเท่านั้น สหายเต๋า ท่านเป็นผู้กล้าที่มีรูปโฉมงดงาม และมีร่างเต๋าเซียนเทียนที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้น ท่านไม่ควรถูกมองว่าเป็นคนธรรมดาจริงๆ
พี่ชายของข้ายอมรับความผิดพลาดของเขาแล้ว แต่สหายเต๋าก็ยังอยากลงมือโจมตี จะดีกว่าหรือไม่ที่เราจะปล่อยเรื่องนี้ไปในวันนี้”
สีหน้าของข่งเซวี่ยนเปลี่ยนเปลี่ยนจากเมฆครึ้มเป็นฟ้าใส[2]ด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เขาพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าวู่วามโจมตีไป ช่างหยาบคายจริงๆ ต้องขออภัยด้วย”
ทันใดนั้นจ้าวกงหมิงก็เดินออกมาจากด้านหลังของหลี่ฉางโซ่วและคลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าเองก็ไม่ดี ไม่คิดให้รอบคอบและสะเพร่าเกินไป จนทำให้ท่านต้องขุ่นเคือง ทว่าพลังเวทห้าธาตุของสหายเต๋านั้นก็โดดเด่นมากจริงๆ หากมีโอกาส เราก็มาประลองฝีมือกันอีกสักครั้ง!”
ทันใดนั้นดวงตาเรียวรีดุจหงส์ของของข่งเซวี่ยนก็โชนแสงเต็มที่ ทั้งอักขระเต๋า และพลังลมปราณของทั้งสองเข้าปะทะกันเบาๆ ในอากาศทันที
“เหตุใดเราไม่…”
“ไว้วันอื่น! วันอื่น!” หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าว
ข่งเซวี่ยนเม้มปากแล้วกล่าวว่า “เจ้ากำลังถามถึงผู้ใด?”
หลี่ฉางโซ่วตอบว่า “พวกเรากำลังไล่ล่าศัตรูกลุ่มหนึ่ง เป็นนักพรตเต๋าหนุ่มที่ขี่สัตว์วิญญาณที่มีขนสีเขียวขอรับ”
ข่งเซวี่ยนบีบนิ้วทำมุทราหยั่งรู้ และให้คำตอบอย่างรวดเร็ว
“ก่อนหน้านี้พวกเขาได้เดินผ่านค่ายกลใหญ่นอกเกาะของข้า มุ่งหน้าไปทางใต้ของเสาสวรรค์ทักษิณ และในเวลานี้ พวกเขาก็ออกจากดินแดนเทวะทั้งห้าไปนานแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
ข่งเซวี่ยนคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “ไยไม่ให้ข้าไล่ตามพวกเขาแทนเจ้าเล่า บางทีอาจจะพบร่องรอยของพวกเขาได้?”
“ไม่เป็นไร ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเขาไป”
หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับและกล่าวว่า “ขอบคุณสหายเต๋าที่มีน้ำใจช่วยเหลือ ข้าขอน้อมรับเอาไว้ด้วยใจแล้ว”
ข่งเซวี่ยนกล่าวต่อว่า “ถ้าเช่นนั้น แล้วไยเจ้าไม่เดินทางไปเยือนและนั่งลงที่เกาะของข้าเล่า?”
หลี่ฉางโซ่วถามจ้าวกงหมิงและฉยงเซียวพร้อมด้วยสายตาเป็นนัย และพวกเขาทั้งคู่ก็พยักหน้า แล้วปล่อยให้หลี่ฉางโซ่วตัดสินใจด้วยตัวเอง
หลี่ฉางโซ่วยังรู้สึกว่าการผูกไมตรีกับปรมาจารย์เฉกเช่นข่งเซวี่ยนนั้นดีกว่าการเป็นศัตรูกับเขา
นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับการครองคู่ของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เขาถือได้ว่า เป็นปรมาจารย์ในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินผู้หนึ่ง และในฐานะปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เขาต้องช่วยเหลือปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หากเขาสามารถทำได้
เขาจะเห็นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ต้องดับชีพไปอย่างโดดเดี่ยวและหดหู่ในเมืองเสวียนตูได้อย่างไร
เขาต้องห่วงใยดูแลชุนหยาง[3]เฒ่าอันดับหนึ่งแห่งโลกบรรพกาล!
ตราบใดที่ทุกคนมอบความรักเล็กน้อยให้กัน ทั้งสามอาณาจักรก็จะมีวันพรุ่งนี้ที่งดงาม!
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “สหายเต๋าข่งเซวี่ยน โปรดให้ข้าแนะนำท่านสักหน่อย ท่านทั้งสองคนนี้เป็นปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าที่มีอยู่น้อยคนนัก”
จ้าวกงหมิงและฉยงเซียวต่างมองหน้ากันและกัน จากนั้น พวกเขาทั้งสองก็ก้าวออกไปข้างหน้า แล้วบังร่างของหลี่ฉางโซ่วที่อยู่ด้านหลังเอาไว้
“ข้า จ้าวกงหมิง เป็นพี่เขยของฉางเกิง”
“ฉยงเซียวแห่งเกาะซานเซียน และข้าเป็นน้องสะใภ้ของเขา!”
หลี่ฉางโซ่วพูดไม่ออก
เขาและเทพธิดาอวิ๋นเซียวยังต้อง…
ไม่สิ ทั้งสองคนกังวลอันใดกัน?!
เมื่อเห็นเช่นนั้น ข่งเซวี่ยนก็แค่นเสียงกล่าวว่า “ข้าเป็นมิตรกับเขามากเพราะเขาเป็นน้องชายของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ข้าเป็นหนี้บุญคุณปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มากมาย หึ ตามข้ามา”
จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อแล้วหันกลับไปนำทาง
……
ที่พักอันสงบเงียบของข่งเซวี่ยนถูกซ่อนเร้นเอาไว้เป็นความลับมากทีเดียว
เกาะทั้งเกาะถูกปิดบังเอาไว้ด้วยค่ายกลใหญ่ ไม่มีผู้ใดจะสามารถตรวจจับร่องรอยของเกาะแห่งนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็นด้วยตาเปล่าหรือใช้สัมผัสเซียนรับรู้
การตกแต่งบนเกาะค่อนข้างโอ่อาหรูหรา มีธารน้ำใสวนรอบอาคารไม้ไผ่และหินภูเขาที่ล้อมรอบป่า
เด็กสาวที่ได้รับการช่วยเหลือจากข่งเซวี่ยนเมื่อก่อนหน้านี้ ได้ฟื้นตัวจาก “การเสียสติ” แล้ว
นางแต่งกายด้วยชุดสีสันสดใสและมีใบหน้างดงาม นางกำลังให้บริการชาและน้ำซึ่งแตกต่างไปจากนกยูงที่กินมนุษย์อย่างสิ้นเชิง
บางที อาจเป็นเพราะเขาเพิ่งปรับปรุงและดัดแปลงยอดเขาหยกน้อยใหม่ หลี่ฉางโซ่วจึงเริ่มค้นหาทุกที่โดยไม่รู้ตัว เขาจับเค้าโครงการจัดวางที่มีรายละเอียดมากบนเกาะและตรวจสอบพวกมันอย่างระมัดระวัง และเขาก็รู้สึกว่ามันเป็นประโยชน์มาก…
หลังจากนั่งลงแล้ว ก็ไม่มีการโอภาปราศรัยที่น่ารื่นรมย์ใดๆ ข่งเซวี่ยนเพียงถามถึงปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น
จ้าวกงหมิงและฉยงเซียวมองหน้ากันและกัน สองพี่น้องเข้าใจบางอย่างคร่าวๆ และในเวลานี้ พวกเขาต่างก็รู้สึกกลัวเกรงบุรุษผู้นั้น…
หลี่ฉางโซ่วตอบรายละเอียดและเปลี่ยนหัวข้อโดยไม่ทิ้งร่องรอย…
หลี่ฉางโซ่วถามว่า “สหายเต๋า ไยท่านถึงออกไปนอกค่ายกลแล้วไปพบกับพี่ชายของข้า?”
“ตอนนี้ข้ามีปัญหาและรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่า ข้าจะรู้สึกว่ามีโอกาสบางอย่างมาถึงแล้ว”
ข่งเซวี่ยนถอนหายใจเบาๆ และมองไปที่ป่าไผ่นอกประตู เขาเล่นกับถ้วยหยกในมือและกล่าวว่า “แต่ข้าก็ได้พบกับสหายเต๋าจ้าวเมื่อข้าเพิ่งออกไป”
“โอกาส?”
จ้าวกงหมิงงงงวยเล็กน้อย “โอกาสอันใดกัน? สมบัติที่ข้ามีอยู่นี่น่ะหรือ?
หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ขอให้สหายเต๋าโปรดบอกมา ในเมื่อเจ้าเป็นสหายที่ดีของน้องชายของข้า แน่นอนว่า ท่านก็ย่อมเป็นสหายที่ดีของข้า จ้าวกงหมิงด้วยเช่นกัน!
ดังนั้นข้าก็จะไม่ตระหนี่!”
“ข้าไม่รู้รายละเอียดนัก มันไม่ใช่สมบัติล้ำค่า”
ข่งเซวี่ยนบีบนิ้วทำมุทราหยั่งรู้ จากนั้น เขาก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “โอกาสที่ข้าพูดถึงนั้น ไม่มีอันใดเกี่ยวกับข้า แต่เป็นโอกาสสำหรับเผ่าของข้า
สหายเต๋าทั้งสาม พวกเจ้ารู้จักเผ่าหงส์ของข้าหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าช้าๆ จ้าวกงหมิงก็พยักหน้าจนหนวดสั่นเช่นกัน
ในขณะนั้น ฉยงเซียวได้ชี้ไปที่หลี่ฉางโซ่วพลางหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “หากบอกว่า มันเกี่ยวข้องกับเผ่าหงส์ เช่นนั้น บางที คำว่า ‘โอกาส’ ก็อาจจะอยู่ที่เขา”
“หือ?” หลี่ฉางโซ่วงงงวย “เทพธิดา ไฉนเจ้าถึงกล่าวเช่นนั้น?”
เขามีโอกาสอะไรสำหรับเผ่าหงส์?
มังกรและหงส์ต่างเป็นศัตรูคู่อาฆาต ในเมื่อเขาอยู่ฝ่ายเผ่ามังกรแล้ว เผ่าหงส์ก็คงไม่ไว้ใจเขาใช่หรือไม่?
ในขณะนั้น ฉยงเซียวกลอกตาของนาง
“ตัวตนของเจ้าคืออะไร? เจ้าไม่มีประเด็นอะไรในใจเลยหรือ?”
ดวงตาของข่งเซวี่ยนเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้…
จ้าวกงหมิงลูบเคราพลางถอนหายใจและกล่าวว่า “สหายเต๋าข่งเซวี่ยน น้องชายของข้ามีชื่อเสียงโด่งดังมากและมีคำอธิบายตัวตนของเขาที่ยาวมาก จงตั้งใจฟังให้ดี!
คนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเจ้าคือ เทพเซียนแห่งศาลสวรรค์ที่องค์เง็กเซียนแห่งศาลสวรรค์ทรงไว้วางใจมากที่สุดในยามนี้ เขารับผิดชอบกิจการทางน้ำของทั้งสามอาณาจักร
เขายังเป็นศิษย์ของจอมปราชญ์ที่สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินยังไม่ได้เปิดเผยให้ผู้คนรับรู้ เขารับผิดชอบดูแลในการจัดการเรื่องของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และเขาก็สามารถไปมาในหอสมบัติหลิงเซียวและวังดุสิตอย่างอิสระได้ตามต้องการ”
“เหอะๆ!”
ฉยงเซียวกระแอมให้คอโล่งและกล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ เขายังเป็นกุนซือที่ยิ่งใหญ่ในการผงาดขึ้นของศาลสวรรค์อีกด้วย เขาช่วยเหลือให้การขึ้นสู่สวรรค์ของเผ่าพันธุ์มังกรง่ายดายขึ้นได้ด้วยตัวเขาคนเดียว
เพียงยกมือขึ้น เขาก็ทำลายบรรดาทหารปีศาจนับแสนของเผ่าพันธุ์ปีศาจ และเพียงสะบัดนิ้วของเขา เขาก็สามารถแก้ไขวิกฤตความเป็นตายของเผ่าเวทได้ เขายังเป็นที่ปรึกษาเรื่องความรักระหว่างชายและหญิงที่ทุกคนในสำนักบำเพ็ญเต๋ายอมรับ!
และแน่นอนว่า ที่สำคัญที่สุด เขาเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าของพี่สาวข้า โอ้-”
ขณะที่พี่น้องช่วยกันอธิบาย ดวงตาของข่งเซวี่ยนก็เปล่งประกาย เมื่อเขามองไปที่หลี่ฉางโซ่วที่รู้สึกขัดเขินอยู่บ้าง เขาก็รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นเล็กน้อย
“ถ้าเช่นนั้น สหายเต๋า เจ้าช่วยเผ่าหงส์ของข้าได้หรือไม่”
“สหายเต๋าอย่าไปฟังคำเยินยอที่พวกเขาพร่ำพรรณนาเกี่ยวกับข้า ข้าหาได้มีความสามารถมากมายไม่ ข้าเป็นเพียงคนธรรมดาในศาลสวรรค์…”
“ช่วยเขา”
เขาไม่ทันตั้งตัว แล้วจู่ๆ อักขระเต๋าใหญ่เบาบางขององค์ไท่ชิงก็ไหลเวียนล้อมรอบตัวเขา มันคือ ปรมาจารย์ไท่ชิงอย่างไม่ต้องสงสัย!
“…เทพเซียน”
หลี่ฉางโซ่วกระแอมในลำคอของเขาและกล่าวกับข่งเซวี่ยนอย่างจริงจังว่า “ทว่าด้วยความสัมพันธ์ของข้ากับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้น หากท่านมีคำร้องขอใดๆ ข้าจะพิจารณาอย่างรอบคอบและช่วยเหลือท่านเต็มที่อย่างแน่นอน”
………………………………………………………………..
[1] หมายถึงกระทำการเกินเหตุ ทำเกินไป ไม่ยั้งคิด
[2] เปลี่ยนอารมณ์จากที่อารมณ์ไม่ดีเป็นโล่งใจ สบายใจ
[3] หมายถึงบุรุษผู้ครองหยางบริสุทธิ์ บุรุษที่ยังบริสุทธิ์อยู่
—————————————-