ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 629 แผนการเล็กๆ แก้แค้นครั้งใหญ่ (2)
บทที่ 629 แผนการเล็กๆ แก้แค้นครั้งใหญ่ (2)
ขณะนั้น บังเอิญว่าเป็นช่วงเวลาอาหารกลางวัน หลี่จิ้งซึ่งอยู่ในชุดสะอาด และสวมเสื้อแขนสั้น กำลังใช้ตะเกียบกินอาหารในชาม
มีหญิงชราและชายชรา พวกเขาสองคนกำลังนั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน พวกเขาถือชามและตะเกียบพลางมองดูเด็กหนุ่มผู้นี้ที่เติบโตขึ้นมากแล้วอย่างเมตตา…
โดยรวมแล้วบรรยากาศอบอุ่นมากทีเดียว
หญิงชราเอ่ยแนะนำว่า “อาจารย์อาน้อย ท่านกินให้มากๆ ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นปลาวิญญาณและสมุนไพรวิญญาณ พวกมันสามารถช่วยปรับปรุงพื้นฐานความแข็งแกร่งของร่างกายของท่านได้”
ชายชราถามว่า “วันนี้ท่านฝึกเพลงกระบี่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ข้าเกือบจะควบคุมมันได้อย่างเชี่ยวชาญแล้ว!”
หลี่จิ้งตอบอย่างจริงจัง
“เพลงกระบี่นี้เป็นเพียงการช่วยปรับลมปราณของท่านเท่านั้น หาได้ใช้เพื่อต่อสู้และเข่นฆ่าศัตรูไม่ เมื่อท่านฝึกฝนมัน ก็ให้ใส่ใจกับการโคจรลมปราณในร่างกายของท่านให้มากขึ้น ท่านต้องทำให้การสังหารทรงพลังมากขึ้น … ”
“ได้! ฮิฮิ!”
ที่ด้านหลังศาลา หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะลง มองไปที่จิ่วอู ทั้งคู่ยิ้มต่างก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อยและถอยกลับออกไปเงียบๆ
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดลึกซึ้ง
การวางแผนต่อสู้แห่งชีวิตและความตายของใครสักคนนั้น ตราบใดที่คนๆ นั้นแข็งแกร่งเพียงพอมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ทว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะวางแผนการเพื่อเปลี่ยนลักษณะนิสัยของคนๆ หนึ่ง…
“เจ้ากำลังคิดอันใดอยู่?” จิ่วอูหัวเราะเยาะอยู่ข้างๆ
“เจ้าต้องมาดูก่อน เจ้าจึงจะสบายใจได้ แล้วเจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อดูหรอกหรือ? ตอนนี้เจ้าสบายใจแล้วหรือไม่?
ศิษย์พี่ทั้งสองคนนี้มีอารมณ์ดีที่สุดในสำนัก ก่อนหน้านี้ พวกเขาอยากมีบุตรชาย แต่ก็ทำไม่ได้ หากหลี่จิ้งไม่ใช่ศิษย์น้องของเจ้าสำนักของเรา พวกเขาก็คงจะรับเลี้ยงเขาเป็นบุตรบุญธรรมไปนานแล้ว!”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและพยักหน้า เขาเดินเล่นกับจิ่วอูในสถานที่เงียบสงบที่หายากแห่งยอดเขาพิชิตสวรรค์และคิดในใจต่อไป
ดูเหมือนว่า เขาจะทำได้เพียงดูแลฝึกฝนหลี่จิ้งในทุกๆ ด้านเท่านั้น แต่ไม่อาจคิดถึงลักษณะนิสัยของเขาได้
“ท่านอาจารย์ลุง” หลี่ฉางโซ่วถามอย่างกันเอง “ท่านกับอาจารย์ป้าจิ่วซือ… เคยคิดเรื่องการมีบุตรบ้างหรือไม่ขอรับ?”
เมื่อจิ่วอูได้ยินเช่นนั้น เขาก็อดจะเอว[1]สั่นสะท้านไม่ได้ เขาตัวสั่นเล็กน้อย และหันไปส่งยิ้มน่าเกลียดให้หลี่ฉางโซ่ว
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็หยิบขวดโอสถออกมาจากแขนเสื้อของเขาเงียบๆ และกล่าวเบาๆ ว่า “โอสถวิญญาณระดับสาม โอสถบำรุงความแข็งแกร่ง”
“ขอบใจ…ขอบใจเจ้า…”
จิ่วอูทำท่าดูเหมือนว่าจะได้รับสมบัติล้ำค่า เขาหยิบเม็ดโอสถออกมาและกลืนมันทันที จากนั้น นักพรตเต๋าร่างเตี้ยก็เงยหน้าขึ้นพลางเอามือไพล่หลังและถอนหายใจออกมา
“ท่านอาจารย์ลุง มีอันใดผิดไปหรือขอรับ?”
จิ่วอูถอนหายใจและกล่าวว่า “เมื่อไม่นานมานี้ ข้าไม่รู้ว่า ซือซือไปได้ยินมาจากที่ใด แต่นางบอกว่านางกำลังจะไปกราบไหว้บูชารูปปั้นราชินีจอมปราชญ์หนี่วา
ว่ากันว่า หากสะสมเวลานานและมีจิตใจที่จริงใจเพียงพอ นางก็จะได้รับพรจากราชินีจอมปราชญ์ และนางจะได้รับตุ๊กตาดินเผาในความฝัน หากให้ความร่วมมือในการร่วมอภิรมย์กันแล้ว นางก็จะตั้งครรภ์ได้…”
“แค่กๆ!”
หลี่ฉางโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึก และเกือบจะหัวเราะลั่นออกมา
จากนั้นเขาก็รีบถามว่า “แต่เรื่องนี้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับ…”
“อาจารย์ป้าจิ่วซือของเจ้ากลัวว่า นางจะพลาดความฝันของนาง นางจึงตั้งใจนอนหลับทุกวันและก่อนนอน… เฮ้อ!”
จิ่วอูถอนหายใจและมองไปที่หลี่ฉางโซ่วด้วยท่าทางซับซ้อน
“ฉางโช่ว เจ้าคิดวิธีแก้ปัญหาเรื่องการมีบุตรได้หรือไม่? ข้าไม่อาจทนรับมันได้ด้วยร่างกายที่แก่ชรานี้”
“เรื่องนี้ถูกเต๋าสวรรค์จำกัดเอาไว้” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “หากผู้เป็นเซียนได้รับอนุญาตให้กำเนิดบุตรได้ดั่งใจต้องการ ก็จะมีผู้ฝึกบำเพ็ญที่มีฐานวิญญาณเซียนจำนวนมากมายจนล้นหลามใช่หรือไม่?
ดังนั้น ยิ่งระดับฐานพลังสูงมากเท่าใด ก็จะยิ่งมีทายาทลำบากมากขึ้นเท่านั้น…
เอ๋?”
จู่ๆ เขาก็เลิกคิ้วขึ้น
จิ่วอูรีบถามว่า “มีอันใดผิดไปหรือ?”
“จู่ๆ ข้าก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ลุง ได้โปรดไปกับข้าสักพักด้วย เรื่องของหลี่จิ้ง ข้าอาจจะต้องรบกวนท่านอาจารย์ลุงในภายหลังขอรับ”
“ไปฝึกบำเพ็ญก่อนเถิด มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” จิ่วอูโบกมือของเขา
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและไม่เอ่ยวาจาใด จากนั้นเขาก็ขี่เมฆในระดับความสูงที่เหมาะสมและรีบออกจากยอดเขาพิชิตสวรรค์ไป
แม้จะไม่จำเป็นต้องทำตัวต่ำต้อยในสำนัก แต่เรื่องบางอย่างก็กลายเป็นนิสัยติดตัวไปแล้ว ด้วยหลักการที่ว่า หลีกเลี่ยงปัญหาย่อมเป็นการดีกว่า ซึ่งนิสัยที่ดีเหล่านี้ไม่อาจปล่อยปละละทิ้งมันไปได้ง่ายๆ
หลังจากออกจากยอดเขาพิชิตสวรรค์ไปแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็เพ่งจิตสนใจส่วนใหญ่ไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในศาลสวรรค์
ทหารสวรรค์คนหนึ่งมารายงานที่ด้านหน้าห้องทำงานโดยบอกว่ารองผู้บัญชาการแห่งกองทัพเทียนเหอ นามเปี้ยนจวง มีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องขอพบเขา
“ให้เขาเข้ามา”
หลี่ฉางโซ่วเปลี่ยนตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้เป็นร่างเซียนที่มีผมและเคราสีขาว
“ขอรับ!” ทหารสวรรค์ที่อยู่นอกประตูหันหลังกลับและวิ่งไปทันที
หลี่ฉางโซ่วโบกแขนเสื้อและเปิดประตู หน้าต่าง เขาปิดค่ายกลนอกห้องทำงานและปล่อยให้พลังวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์และบริสุทธิ์ของศาลสวรรค์เข้ามา
หลังจากนั้นไม่นาน เปี้ยนจวงก็แบกคราดฟันเก้าซี่ของเขาแล้วรีบวิ่งมา เขาวางคราดไว้ที่หน้าประตู แล้วประสานมือโค้งคารวะให้
“แม่ทัพเปี้ยนจวงขอน้อมพบท่านเทพวารีขอรับ!”
“ผู้บัญชาการเปี้ยน ไม่ต้องมากพิธีเช่นนั้น ข้าเห็นว่าผู้บัญชาการเปี้ยนกำลังอาบเหงื่อ[2] ว่าแต่มีปัญหายุ่งยากอันใดหรือไม่?”
เปี้ยนจวงรีบกล่าวว่า “ท่านเทพวารี มีเรื่องสำคัญบางอย่างเกิดขึ้นขอรับ!”
“เรื่องอันใดกัน?” หลี่ฉางโซ่วถามอย่างสบายๆ ไม่เร็วหรือช้า
“นี่…” เปี้ยนจวงอิดเอื้อนพูดไม่ออกเล็กน้อย และมองออกไปนอกประตูอย่างรู้สึกผิด
หลี่ฉางโซ่วเข้าใจและเปิดใช้งานค่ายกลที่เขาเพิ่งจัดวางลงไป จากนั้นเขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “พูดออกมาเถิด เจ้าเกรงกลัวอันใดกัน?”
“นี่คือ เรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ ตระกูลของข้าได้ส่งยันต์หยกส่งสารมาให้ข้า” เปี้ยนจวงกล่าวพลางเกาศีรษะอย่างลำบากใจ “ใต้เท้าเทพวารี ตระกูลของข้าเป็นเจ้าของหอเทียนหยา ท่านน่าจะรู้…”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าพลางแย้มยิ้มและกล่าวว่า “ข้าพอได้ยินมาบ้าง ดูเหมือนว่ากิจการจะรุ่งเรืองเฟื่องฟูดี”
………………………………………………………………..
[1] เป็นการสื่อถึงการร่วมอภิรมย์
[2] ตรากตรำทำงานอย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก
—————————————-