ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 599 ถ้ำปีศาจใต้ดิน กระบี่วิญญาณเผ่าเวท (3)
บทที่ 599 ถ้ำปีศาจใต้ดิน กระบี่วิญญาณเผ่าเวท (3)
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วเพ่งจิตมุ่งมั่นเต็มที่และเริ่มปฏิบัติการหลายอย่าง
ก่อนอื่นเขาบอกให้อ๋าวอี่และคนอื่นๆ ซ่อนตัวอยู่ไกลๆ ในท้องฟ้า
จากนั้น เขาก็ปล่อยตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์และตรวจสอบพื้นผิวภูมิประเทศอย่างละเอียดถี่ถ้วน
เขาแผ่กระจายสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปและพบว่าสถานที่แห่งนี้คือ ดินแดนของเผ่าปีศาจ มีปีศาจมากมายและราชาปีศาจทรงพลังสองสามตัวที่เคลื่อนไหวอยู่บนพื้น
ที่นี่น่าจะเป็นฐานหลบภัยของเหล่าปีศาจ
หลี่ฉางโซ่วรีบมุ่งเป้าไปที่ปีศาจน้อยที่ลาดตระเวนอยู่บนภูเขาอย่างรวดเร็ว และแอบพาตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ขึ้นไปอย่างเงียบๆ โดยฉวยประโยชน์จากช่วงเวลาขณะที่อีกฝ่ายกำลังปรบมือและร้องเพลงแห่งขุนเขา จากนั้นเขาก็ทำให้ปีศาจน้อยหมดสติและพาไปที่ป่าด้านข้าง
สิ่งที่ควรกล่าวถึงก็คือ เขาเป็นปีศาจเพศชาย หลี่ฉางโซ่วเพียงซักถามเขาถึงเรื่องพลังของเผ่าปีศาจเท่านั้น เขาจะไม่มีทางทำอะไรแปลกๆ
ในเวลาเดียวกันนั้น หลี่ฉางโซ่วและจ้าวเต๋อจู้ก็ไปถึงยอดสูงสุดของภูเขาใต้ดินด้วยกันและเริ่มตรวจสอบแท่นบูชา
แม้แต่ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนก็หารู้ไม่ว่า ในค่ายกลใหญ่ใต้ดินที่นี่ ก็ถูกแผนภาพไท่จี๋หลอมละลายจนมีรูเกิดขึ้นอีกครั้ง
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ถูกใช้สำหรับ ‘การระเบิดวิญญาณ’ เป็นพิเศษได้ลอบเข้าไปในภูเขาเงียบๆ พร้อมกับชุดตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่มีรูปลักษณ์ดูเหมือนปีศาจดิน มันซ่อนร่องรอยของมันอย่างสุดความสามารถและซ่อนตัวอยู่ที่ด้านล่างของภูเขา
บัดนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว พร้อมที่จะเริ่มเปิดใช้งานได้ตลอดเวลา!
ทุกอย่างพร้อมและสามารถเปิดใช้งานได้ตลอดเวลา!
ความคืบหน้าไปได้อย่างราบรื่นทีเดียว หลี่ฉางโซ่วและจ้าวเต๋อจู้แอบไปถึงสระน้ำบนยอดเขาและตรวจสอบการเตรียมการอย่างระมัดระวัง
ตามความเข้าใจเกี่ยวกับค่ายกลของหลี่ฉางโซ่ว กองกระดูกสีขาวสิบหกกองเหล่านั้น เป็นรากฐานของค่ายกล และศูนย์กลางของสระก็คือ ดวงตาแห่งค่ายกล[1] ค่ายกลนี้ได้ก่อให้เกิดกระแสการไหลของพลังวิญญาณที่แปลกประหลาดซึ่งเชื่อมต่อกับที่พวกเขาไล่ติดตามมาเป็นเวลานาน
แน่นอนว่า ค่ายกลต่างๆ ในสถานที่นี้ซับซ้อนยุ่งยากมาก เพียงแค่จุดเชื่อมต่อระหว่างพื้นดินกับก้นสระก็มีค่ายกลใหญ่ต่างๆ ซ้อนทับกันมากมายหลายชั้นจนนับไม่ถ้วนแล้ว!
หลังจากเข้าใจทิศทางพลังวิญญาณของค่ายกลต่างๆ เหล่านี้เล็กน้อยแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ได้ข้อสรุป
การจัดวางโดยรวมของที่นี่เป็นเหมือน “เครื่องสูบน้ำ” ที่ดึงวิญญาณแท้ออกมา มันใช้เส้นชีพจรปฐพีดึงวิญญาณแท้จากที่ไกลแสนไกลมายังสถานที่แห่งนี้และกักขังเอาไว้ในสระน้ำ!
หลี่ฉางโซ่วและคนอื่นๆ ได้ติดตามเส้นชีพจรปฐพีและเห็นกฎห้ามที่ซับซ้อนไปตลอดทาง พวกมันทั้งหมดเชื่อมต่อกับค่ายกลที่จัดวางขึ้นที่นั่น!
เห็นได้ชัดว่า นั่นคือคำตอบสำหรับปัญหาของเผ่าเวทi
บัดนี้ แผนการทำลายล้างเผ่าเวทให้สูญพันธุ์ของเผ่าปีศาจอยู่ตรงหน้าหลี่ฉางโซ่วแล้ว!
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้หยิบผลึกบันทึกเหตุการณ์ออกมาสองสามลูกอย่างเงียบๆ และบันทึกหลักฐานเอาไว้อย่างเพียงพอ
ความจริงแล้ว สิ่งที่ทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกว่าปีศาจที่นั่นสมควรตายก็คือ กองกระดูกที่ถูกหล่อหลอมให้เป็นรากฐานค่ายกล…
ครั้งหนึ่งกองกระดูกเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเคยเป็นร่างมนุษย์ เมื่อหลายพันปีก่อน พวกเขาถูกจองจำในที่แห่งนี้ กระดูกทุกชิ้นล้วนถูกวางกฎห้าม และวิญญาณของพวกเขาก็ถูกหล่อหลอมให้กลายเป็นวิญญาณชั่วร้าย…โนเวล-พีดีเอฟ
เขาไม่รู้แน่ชัดว่า มันเป็นค่ายกลชั่วร้ายเยี่ยงใด แต่มันไร้มโนธรรมอย่างยิ่ง!
แม้มนุษย์และเผ่าปีศาจจะเป็นศัตรูกันและต่อสู้กันมานานหลายปีตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงยามนี้ แต่ผู้ฝึกบำเพ็ญมนุษย์ก็ล้วนเก่งกาจในการกำจัดปีศาจได้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกเขาแทบไม่ทำร้ายเหล่าปีศาจอย่างโหดร้ายรุนแรง
ทว่าโดยปกติแล้ว ปีศาจมักจะดุร้ายเมื่อจัดการกับมนุษย์ที่ไร้อาวุธ…
หลี่ฉางโซ่วกระตุกมุมปากเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านนอกค่ายกลนำชุดระเบิดวิญญาณชุดที่สองออกมาและฝังเอาไว้นอกค่ายกล ชุดระเบิดวิญญาณนี้จะถูกเปิดใช้งานในภายหลัง
ความสามารถในการระเบิดวิญญาณแข็งแกร่งรุนแรงเป็นสองเท่า และรับรองได้ว่าจะไม่เหลือแม้แต่ซากของปีศาจและเถ้าถ่านของมันทิ้งไว้เบื้องหลัง!
ในขณะนั้น จ้าวเต๋อจู้ได้ส่งข้อความเสียงมาว่า “ฉางเกิง ความลับจากสวรรค์ได้เปิดเผยว่าลูกหลานของพวกเผ่าเวทที่ยังไม่เกิดนั้นถูกค่ายกลกักขังเอาไว้อยู่ที่นี่”
หลี่ฉางโซ่วที่กำลังจะพูดว่า “โจมตี” พลันตกตะลึง เขากล่าวออกมาทันทีว่า “มีกฎห้ามในสระน้ำที่เราไม่อาจมองผ่านไปได้”
“ข้าจะทำเอง” ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนหลับตา แล้วพลังแห่งเต๋าสวรรค์ก็กระจายออกไปอย่างเงียบๆ โดยไม่สร้างความตื่นตระหนกให้กับสิ่งมีชีวิตใดๆ
องค์เง็กเซียนได้ใช้พลังแห่งเต๋าสวรรค์ตรวจสอบ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการให้หน้ากับกลุ่มปีศาจที่นี่มากพอสมควรแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน องค์เง็กเซียนก็ชี้ไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว แล้วได้เพิ่มพรด้วยเสี้ยวพลังแห่งเต๋าสวรรค์เข้าไปในตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว ซึ่งทำให้หลี่ฉางโซ่วสามารถมองเห็นสถานการณ์ที่ซ่อนอยู่ในสระน้ำได้
ที่ก้นสระ มีคางคกสีทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่สามตัวกำลังนั่งหมอบอยู่ พวกมันแต่ละตัวล้วนอ้าปากและพ่นเปลวเพลิงสีเขียวหยกออกมา
เปลวเพลิงเหล่านี้ไม่สนใจน้ำในสระน้ำ มันเข้าห่อหุ้มกระบี่สีเขียวที่แผ่กลิ่นอายลมปราณของสิ่งมีชีวิตอันน่าทึ่งออกมาซึ่งทำให้ภาพเหตุการณ์นี้เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด…
มีปรมาจารย์เผ่าปีศาจสามตนอยู่บนหัวของรูปปั้นคางคกสีทองสัมฤทธิ์ทั้งสามตัวนั้น
จ้าวเต๋อจู้มองไปที่หลี่ฉางโซ่ว และถามว่า “ฉางเกิง พวกเราควรทำอย่างไรดี?”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่ในใจลึกๆ ของเขารู้สึกสับสนวุ่นวายอยู่บ้าง…
ในขณะนั้นเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง
กระบี่นี้ มีทารกแรกเกิดที่พวกเผ่าเวทควรจะมีมานานนับหมื่นปี ในเวลานี้มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะไม่อาจช่วยพวกเผ่าเวทได้ ทว่าก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่เขาจะสามารถส่งวิญญาณแท้ในกระบี่นี้กลับสู่สังสารวัฏได้
ยิ่งไปกว่านั้น กระบี่นี้น่าจะเป็นสมบัติของเผ่าปีศาจ และเมื่อดูใบหน้าของปีศาจเฒ่าทั้งสามนี้ ก็มีคำกล่าว ‘ไม่ง่ายที่จะรับมือข้าได้นะ'[2] อยู่บนนั้นเช่นกัน…
หากชิงกระบี่แล้วระเบิดมันอีกครั้ง มันจะมีตัวแปรเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีโอกาสแปดในสิบส่วนที่เขาจะทำงานอย่างสูญเปล่า และมีโอกาสกว่าสามส่วนที่เขาอาจจะปล่อยให้เหล่าปีศาจน้อยไปครึ่งหนึ่ง
หากเขาไม่ฉวยกระบี่ เขาจะกวาดล้างสถานที่นี้ให้ราบเป็นหน้ากลองโดยตรง และโอกาสที่จะประสบความสำเร็จจะเป็นเก้าสิบแปดในร้อยส่วน นอกจากนี้ วิญญาณแท้ของเผ่าเวทเหล่านั้น ยังถูกเผ่าปีศาจหล่อหลอมขึ้นมา ดังนั้นพวกเขาจะไม่เพิ่มกรรมใดๆ ให้กับตัวของพวกเขาเอง…
หลี่ฉางโซ่วหรี่ตา เขาตัดสินใจเกือบจะในทันที และกล่าวเสียงต่ำว่า “ฝ่าบาท เทพน้อยอยากจะดูว่า จะสามารถเอากระบี่เล่มนั้นออกมาได้หรือไม่ และดูว่าจะปลดปล่อยวิญญาณแท้ที่อยู่ภายในนั้นได้หรือไม่
เทพน้อยได้รับการสนับสนุนและความไว้วางใจจากเผ่าเวท และเทพน้อยก็ได้ตอบรับแล้ว เทพน้อยไม่อยากจะเสียคำพูดเฉกเช่นที่เคยทำในทะเลบูรพา”
จักรพรรดิหยกยิ้มและพยักหน้าช้าๆ พลางกล่าวว่า “แผนการของข้าไม่ดีเท่าของฉางเกิง ไม่ว่าอย่างไร เจ้าจงทำต่อไปเถิดและจัดเตรียมการได้เลย แม้ร่างจำแลงของข้าจะล่มสลายลงที่นี่ก็ไม่เป็นไร”
หลี่ฉางโซ่วรุ้สึกอบอุ่นหัวใจทันที และจู่ๆ เขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้กะทันหันและกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ฝ่าบาท เลือกวันมิสู้วันที่เหมาะสมได้[3] ไม่มีเวลาใดดีเหมือนในยามนี้อีกแล้ว โอกาสเช่นนี้มีครั้งเดียวในรอบพันปี[4] แล้วไยเราไม่ฉวยโอกาสจากสถานการณ์ในครั้งนี้เพื่อสร้างเสริมบารมียิ่งใหญ่แห่งศาลสวรรค์และสร้างคลื่นลูกใหญ่[5]ซัดสาดเข้าใส่เผ่าปีศาจเล่า!”
………………………………………………………………..
[1] เป็นส่วนสำคัญที่ควบคุมค่ายกล
[2] คือดูท่าทางแล้ว น่าจะยากมากที่จะรับมือปีศาจเฒ่าทั้งสามนี้ได้
[3] ความหมายคือสรรพสิ่งล้วนเป็นไปตามวิถีธรรมชาติ หรือเกิดขึ้นเอง
[4] โอกาสที่แทบจะหาไม่ได้เลย หรือหาได้ยากมากๆ
[5] ก่อปัญหา สร้างความความโกลาหลครั้งใหญ่
—————————————-