ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 536 ผู้แพ้พ่ายที่ไม่เป็นรอง (2)
บทที่ 536 ผู้แพ้พ่ายที่ไม่เป็นรอง (2)
หลี่ฉางโซ่วกระตุกมุมปาก และพึมพำเบาๆ ว่า “ในเวลานี้ สำนักบำเพ็ญประจิมเป็นพวกชั่วช้าหน้าซื่อใจคด พวกเขาอาศัยหนึ่งสำนักและสองจอมปราชญ์ บอกศิษย์ตรงๆ ว่า พวกเขาได้วางแผนเรื่องเผ่ามังกรมาช้านานแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจยอมสูญเสียทุกอย่างไปได้ พวกเขายังบอกให้พวกเรายอมจำนนในครั้งนี้เพื่อจะเป็นการผูกมิตรไมตรีต่อกันเมื่อเราพบกันอีกในวันหน้า”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ปรบมือพลางหัวเราะแล้วกล่าวว่า “พวกคนเหล่านี้ยังคงทำตัวเหมือนในสมัยโบราณ พวกเขาไม่ได้ปรับปรุงอะไรให้ดีขึ้นเลย
ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเผ่ามังกรให้รอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ พวกเราสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินจะช่วยเผ่ามังกรให้ขึ้นสู่ศาลสวรรค์ ดังนั้นในขณะนี้ พวกเราจึงไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ ฉางโซ่ว เจ้าจำเป็นต้องให้ข้าไปที่ดวงตาทะเลประจิมด้วยหรือไม่? ”
“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ท่านกำลังทดสอบศิษย์ของท่านอีกครั้งแล้ว” หลี่ฉางโซ่วจงใจกล่าว
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็พิจารณาคำพูดของเขาแล้วกล่าวต่อว่า “สำนักบำเพ็ญประจิมอาจชี้ไปทางตะวันออก แล้วโจมตีตะวันตกแทน ดังนั้นจึงทำให้เกิดข้อสงสัย
“สำนักบำเพ็ญประจิมอาจพยายามทำให้เราเข้าใจผิด ศิษย์ได้เสนอแนะไปแล้วว่า วังมังกรทะเลทั้งสี่ ควรลดกำลังทหารลง ทุกคนไม่ควรละเลยการป้องกันและเฝ้าระวังในทุกๆ ที่
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในยามนี้แล้ว ทะเลอุดรน่าจะเป็นผู้ที่จะมีปัญหามากที่สุด หากว่ากันตามตรงแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับดวงตาแห่งทะเลประจิม ผู้ที่จะต้องกรอกตาดูก็ย่อมจะเป็นมังกรแห่งทะเลประจิมอย่างแน่นอน และนั่นจะไม่เป็นการทำให้พวกเขาสูญเสียความแข็งแกร่งของตัวเองไปหรอกหรือ?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อดจะหรี่ตาพลางคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้แล้วกล่าวว่า “ถูกต้อง เจ้าควรคิดเช่นนั้น ฉางโซ่ว แล้วเจ้าเตรียมการอันใดไว้บ้าง?”
“ศิษย์ไม่ได้ทำอะไรมาก ศิษย์เพียงให้คำแนะนำแก่เผ่ามังกรเท่านั้นขอรับ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เผ่ามังกรมาจากสมัยโบราณ ย่อมไม่ง่ายที่จะจัดการพวกเขา ความจริงแล้ว ศิษย์ก็ไม่จำเป็นต้องให้คำแนะนำใดๆ กับพวกเขาด้วยซ้ำ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่สูดจมูกเบาๆ และดวงตาของเขาก็สว่างวาบขึ้น “ฝีมือการทำอาหารของศิษย์น้องหญิงของเจ้าไม่เลวเลย นางย่างปลาเก่งกว่าเจ้ามาก”
หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มพลางพยักหน้า
แน่นอนว่า เขาย่อมไม่กล่าวออกไปในทำนองว่า “ข้าเป็นคนสอนทักษะเหล่านั้นให้นางเอง” เช่นนั้น ผู้ที่แสดงฝีมือออกมาย่อมจะถูกกดลงไป
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วจึงกล่าวต่อว่า “หลังจากนี้ ศิษย์จะรายงานเรื่องเผ่ามังกรให้ท่านรับรู้อย่างละเอียด และเมื่อศิษย์พูดเรื่องเผ่ามังกรจบ ศิษย์ก็มีเรื่องเล็กน้อยสองเรื่องที่ยังอยากขอให้ท่านช่วยเหลือด้วยขอรับ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าจะพูดถึงเรื่องเล็กน้อยของเจ้าเป็นเวลาสามวันสามคืนหรือไม่”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวอย่างจริงจังว่า “เพียงครึ่งวันก็พอแล้วขอรับ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออกทันที
ความจริงแล้ว มันเป็นเพียงคำแนะนำเล็กน้อยเท่านั้นจริงๆ
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เพียงยิ้มและไม่สนใจบรรดาข่าวลือใดๆ และนั่นยิ่งทำให้หลี่ฉางโซ่วชื่นชมปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีก
เขากล่าวได้เพียงว่า บุรุษผู้นี้คู่ควรแล้วกับการเป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า! และย่อมไม่อาจพิจารณาคนเช่นนี้ว่าเป็นคนธรรมดาสามัญได้อีกต่อไป เขาสามารถปฏิบัติต่อตนเองและผู้อื่นได้ในขณะที่หากมีคนแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับหลี่ฉางโซ่วเช่นนี้ แน่นอนว่า เขาย่อมจะ…
แอบเกิดจุดเดือดปะทุขึ้นบ้างเล็กน้อยอย่างแน่นอน
วันนี้ มีแขกผู้ทรงเกียรติหนึ่งคนบนยอดเขาหยกน้อย แต่หลี่ฉางโซ่วไม่กล้าบุ่มบ่าม รีบร้อนขอให้ท่านอาจารย์และอาจารย์อาของเขามาพบปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ด้วย
หลิงเอ๋อร์ทำอาหารพิเศษสองสามอย่างที่นางถนัด ส่วนหลี่ฉางโซ่วก็หยิบสุราชั้นเลิศที่เขาบ่มออกมาขณะที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ซักถามเรื่องเกี่ยวกับเผ่ามังกรและหาหัวข้อดีๆ มาร่วมสนทนากัน
ในช่วงเวลานั้น ทั้งจอมเวทน้อยและจอมเวทใหญ่ต่างดื่มกินร่วมกัน มันเป็นงานฉลองที่ครึกครื้นรื่นเริงกันอย่างเต็มที่ ในขณะนั้น หลิงเอ๋อร์กำลังคอยรินสุราและเติมอาหารอยู่ที่ด้านข้าง นางไม่ได้ยินเขาและเก็บคำพูดของเขาเอาไว้กับตัวเอง
หลิงเอ๋อร์รู้สึกเบิกบานใจนัก นางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ความคิดของศิษย์พี่ที่มีต่อนางนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่นางข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์และทะยานขึ้นสู่เซียนได้
อย่างน้อยที่สุด ในขณะนี้ ศิษย์พี่ก็ไม่ได้ปฏิบัติกับนางเฉกเช่นเด็กน้อยที่ยังไม่เจริญวัยอีกต่อไป วันนี้ เมื่อท่านเจ้าสำนักและปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏตัว ศิษย์พี่ของนางก็จงใจให้นางฟังอยู่ข้างๆ ด้วย…
นางรู้สึกว่าศิษย์พี่อาจจะกำลังฝึกฝนมนุษย์เครื่องมือเวทซึ่งจะสามารถทำงานได้มากขึ้นในอนาคต
ทว่านางก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ตามความคาดหวังนั้นได้ หัวใจของนางเปี่ยมไปด้วยความสุขล้นในใจเสมอ และยิ่งสดใสเบิกบานมากขึ้นเรื่อยๆ
และเมื่อหลิงเอ๋อร์ได้ยินหลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “แม้จอมปราชญ์สองคนแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมไม่น่าจะโจมตีโดยตรง แต่ศิษย์ก็ไม่กล้าคาดเดาความสามารถของ ท่านจอมปราชญ์ ศิษย์ยังต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ดีและถี่ถ้วนรอบคอบ
หากพวกเราต้องการให้ทั่วทั้งสี่คาบสมุทรและเผ่ามังกรสงบสุข ในครั้งนี้ พวกเราต้องทำให้สำนักบำเพ็ญเต๋าประจิมเจ็บปวดสูญเสีย พวกเราต้องทำให้พวกเขารู้สึกว่าการกดขี่ขูดรีดเอาผลประโยชน์ของเผ่ามังกรนั้นไม่อาจสอดคล้องกับความสูญเสียของพวกเขาเองได้เลย และพวกเขาย่อมจะคิดพิจารณาถึงเรื่องนี้ให้มากขึ้นอีกในอนาคต”
จอมปราชญ์…
ดูเหมือนว่า ตัวตนที่มีปัญหายุ่งยากลำบากนี้ของศิษย์พี่จะทรงพลังน่าประทับใจมากทีเดียวเมื่อใช้ในเรื่องอื่นที่ไม่ใช่ความสัมพันธ์รักระหว่างชายและหญิง
ครึ่งวันต่อมา ในยามราตรีที่ดาวเต็มท้องนภา
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้มอบยันต์หยกให้หลิงเอ๋อร์ที่หน้ากระท่อมมุงจาก
“ศิษย์น้องหญิง ข้าจะติดตามปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ออกไปสักพัก อย่าลืมคอยจับตาดูทุกสิ่งในสำนักอย่างใกล้ชิดด้วย นี่คือ ยันต์หยกควบคุมที่ใช่ควบคุมค่ายกลใหญ่รอบๆ หอโอสถ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของข้าอยู่ในหอโอสถ เจ้าจะได้คอยเฝ้าดูในครั้งนี้ ข้าจะได้ไม่เสียสมาธิวอกแวกในสำนัก”
“เจ้าค่ะ! ศิษย์พี่โปรดวางใจ!”
ในยามนั้น ดวงตาของหลิงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความห่วงกังวล นางหยิบยันต์หยกมาและกล่าวเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่ โปรดถนอมตัวด้วย เมื่อท่านออกไปข้างนอก อย่าได้ออกไปเสี่ยงอันตรายง่ายๆ และโปรดอย่าลืมสิ่งที่ท่านได้สั่งสอนข้าด้วยเจ้าค่ะ”
“เจ้ากำลังสั่งสอนข้า” หลี่ฉางโซ่วยกมือขึ้น
เขากำลังคิดจะลูบศีรษะนางอย่างที่เคยทำเป็นนิสัยประจำ แต่กลับหยุดชะงักงันไว้เหนือศีรษะนาง เขาลืมไปเลย ว่า บัดนี้ นางเป็นเซียนเทียนแล้ว ดังนั้น ย่อมดีกว่าที่จะไม่…
ทว่าเป็นหลิงเอ๋อร์ที่กลับเริ่มเขย่งเท้าก่อนจะเอาศีรษะของนางชนกับฝ่ามือของเขาแล้วถูไถไปมาเบาๆ แทน
“ข้าจะทำให้ดีเจ้าค่ะ”
“อืม” หลี่ฉางโซ่วคลี่ยิ้มและตบหน้าผากของนางเบาๆ ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินไปหาปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งกำลังมองขึ้นไปบนท้องฟ้าใต้ต้นหลิว
จากนั้น เสื้อคลุมกว้างของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็สั่นกระพือเบาๆ ในขณะที่หลิงเอ๋อร์เฝ้ามองดูแผ่นหลังของศิษย์พี่ของนางที่ค่อยๆ ดูเลือนรางและหายไปกับสายลมหลังจากนั้น
บนพื้นผิวที่ขาวราวกับหิมะไร้ที่สิ้นสุดของทะเลอุดร ในขณะนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้ขี่เมฆ บินข้ามทุ่งน้ำแข็งไปพร้อมกับหลี่ฉางโซ่ว โดยมีตราประทับเต๋าเฉียนคุน ซ่อนอยู่ในดวงตาแห่งทะเลอุดร
นั่นทำให้มั่นใจได้ว่า แม้ว่าสถานที่นั้นจะถูกปิดผนึกเอาไว้สนิท และจักรวาลถูกสั่นคลอน แต่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังสามารถตั้งค่าแผนภาพไท่จี๋และกลับมาได้ทันเวลา
ในขณะนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็กล่าวว่า “ฉางโซ่ว เจ้าไม่ได้อยากให้ข้าช่วยทำสองเรื่องหรอกหรือ? พวกมันคืออันใดกันแน่?”
………………………………………………………………..