ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 472 รวบรวมเรื่องเผ่ามังกรและการค้นหาจิตมาร (1)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 472 รวบรวมเรื่องเผ่ามังกรและการค้นหาจิตมาร (1)
ตอนที่ 472 รวบรวมเรื่องเผ่ามังกรและการค้นหาจิตมาร (1)
ยากนักที่หลี่ฉางโซ่วจะดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว บัดนี้ เมื่อวางแผนเรื่องจักจั่นสีทองแล้ว เขาจึงเริ่มปฏิบัติการทันที
ในความฝันทางเจตจำนงวิญญาณ หลี่ฉางโซ่วให้คำชี้แนะและสั่งสอนอ๋าวอี่อย่างระมัดระวังเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม
มังกรน้อยพยักหน้าขณะคิด ไม่รู้ว่า เป็นเพราะเขาได้อ่านพระสูตรหรือไม่ แต่เมื่ออ๋าวอี่ตอบคำถามของเขา เขาจะคิดอย่างรอบคอบอยู่สักครู่ก่อนที่จะกล่าวตอบออกมา และนั่นทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกสบายใจมากขึ้น
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ท่านมีคำชี้แนะอื่นๆ ในเรื่องนี้อีกหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่ต้องรีบร้อนเรื่องจักจั่นสีทองหรอก” หลี่ฉางโซ่วกล่าว
“เราเพียงต้องค่อยๆ วางแผน และให้สิ่งมีชีวิตจำนวนมากรู้ถึงเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ จักจั่นสีทองตัวนี้ได้รับบาดเจ็บจากท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ และอาจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนานหลายหมื่นปี”
“ขอรับ” อ๋าวอี่พยักหน้าหงึกหงัก แต่ยังลังเลที่จะกล่าวในขณะที่ดวงตาของเขากะพริบวิบวับ
“พูดมาเถิด”
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก” อ๋าวอี่ถอนหายใจอย่างหนักใจพลางโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วและกล่าวถามว่า “ถ้าเช่นนั้น ความลับของงานเลี้ยงผลท้อเซียนคืออะไรหรือขอรับ? องค์เง็กเซียนจะโจมตีเผ่ามังกรโดยตรงหรือไม่ขอรับ…”
หลี่ฉางโซ่วเอามือไพล่หลังพลางถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ให้ข้าบอกอะไรบางอย่างกับเจ้า แล้วห้ามบอกต่อผู้ใด แม่ทัพสวรรค์ที่ทำร้ายจักจั่นสีทองในทะเลประจิมเมื่อไม่กี่วันก่อนคือ องค์เง็กเซียน แต่พระองค์ปกปิดร่องรอยเอาไว้”
“อะไรนะ?”
อ๋าวอี่อดจะตะลึงงันไม่ได้
หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่อว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าระดับฐานพลังขององค์เง็กเซียนนั้นสูงมากเพียงใด? พลังเวทและพลังศักดิ์สิทธ์ขององค์เง็กเซียนย่อมไม่ด้อยไปกว่าบรรดาปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงของทั้งสามสำนัก นอกจากนี้ พระองค์ยังมีพลังแห่งเต๋าสวรรค์ ความแข็งแกร่งของพระองค์นั้น สุดจะหยั่งถึงได้ อย่าลืมว่าองค์เง็กเซียนมาจากวังเมฆม่วงและฝึกบำเพ็ญอยู่เบื้องหน้าบรรพชนเต๋ามาเป็นเวลานาน”
อ๋าวอี่พยักหน้าหลังจากได้ยินคำพูดของศิษย์พี่เจ้าสำนัก
หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่อว่า “วันนั้น พระองค์ทรงพบว่า ปรมาจารย์แห่งวังมังกรทะเลประจิม ซึ่งปรากฏกายอยู่บนผิวน้ำทะเล มีปราณวิญญาณผิดปกติไปราวห้าถึงหกในสิบส่วนของปราณวิญญาณทั้งหมด”
“อะไรนะ!?”
อ๋าวอี่อดจะหน้าซีดด้วยความตกใจไม่ได้และกล่าวว่า “เกิดเรื่องนี้ขึ้นได้อย่างไรหรือขอรับ? ข้าจะไปหาพระบิดาเดี๋ยวนี้!”
“เหล่าราชามังกรน่าจะยอมรับเรื่องนี้อย่างเป็นที่เข้าใจกันดี” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “แล้วจะรีบร้อนไปไยเล่า? เจ้าจงคัดลอกพระสูตรที่ข้ามอบให้ไว้สามร้อยจบเมื่อข้ากลับมา แล้วอย่าลืมเผากระดาษและผ้าหลังจากคัดลอกมันด้วย”
อ๋าวอี่งงงวย แต่เขาก็พยักหน้าตกลง และกล่าวว่า “ศิษย์พี่เจ้าสำนัก พระบิดาและท่านอาของข้าจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไรขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ประการแรก ราชามังกรล้วนไม่ธรรมดา พวกเขาจะถูกวางแผนร้ายง่ายๆ ได้อย่างไรกัน ในเมื่อยังสามารถอยู่รอดมาได้จากในสมัยโบราณมาจนถึงวันนี้?
ประการที่สอง รากฐานที่แท้จริงของเผ่ามังกรอยู่ที่ดวงตาทะเล ไม่ใช่ในวังมังกร ต่อให้ควบคุมทั่วทั้งวังมังกรทะเลประจิม พวกเขาก็ยังสร้างใหม่ได้ตลอดเวลา
ประการที่สาม บรรดาไข่มังกรไม่อาจอยู่ในรังเดียวกันได้ ข้าจำได้ว่าเผ่ามังกรน่าจะมีคำแสลงเช่นนี้ ดังนั้นจึงมีเหตุผลที่ราชามังกรไม่กี่คนที่จะเลือกเช่นนั้น และเมินเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นใน วังมังกรทะเลประจิม”
“อืม…”
อ๋าวอี่เม้มริมฝีปากและสงสัยชีวิตของเขาเล็กน้อย
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เจ้ายังเยาว์วัยและอ่อนโยน ให้ข้าทดสอบเจ้าอีกสักครั้ง เจ้าคิดว่าองค์เง็กเซียนจะคิดอย่างไรเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้?”
อ๋าวอี่รีบกล่าวว่า “ฝ่าบาทอาจจะกังวลว่า เมื่อเวลาผ่านไป วังมังกรทั้งสี่คาบสมุทรจะถูกใครบางคนควบคุมเอาไว้ได้?”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้หนึ่งซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม รู้สึกประทับใจยิ่ง
“มันจะง่ายขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “องค์เง็กเซียนไม่พอใจยิ่งกับความคิดของเผ่ามังกรที่อยากให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เผ่ามังกรคิดว่าในฐานะผู้เป็นเหยื่อที่ถูกทำร้าย พวกเขาสามารถปกปิดความจริงที่ว่า วังมังกรทะเลประจิมได้ถูกสำนักบำเพ็ญประจิมแทรกซึม เพราะในท้ายที่สุดแล้ว เผ่ามังกรก็คือ เผ่าที่ถูกวางแผนร้าย แล้วจะปิดบังเรื่องนี้จากองค์เง็กเซียนได้อย่างไรกัน? ความเฉลียวฉลาดและวิสัยทัศน์ขององค์เง็กเซียนนั้น เหนือกว่าข้ามาก”
บัดนั้น จักรพรรดิสวรรค์ผู้หนึ่งซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม ก็ยกย่องเขา
อ๋าวอี่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดในทันที เขามีท่าทีดูเป็นกังวลขณะที่เดินไปรอบๆ หลี่ฉางโซ่วอย่างกระวนกระวาย
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก อย่างไรกัน… แล้วพวกเราควรทำอย่างไรดีกันขอรับ? จริงๆ แล้ว พระบิดาและคนอื่นๆ …”
“มันเป็นเรื่องปกติ” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “ในเมื่อเจ้ากังวลนัก ในวันนี้ ข้าก็จะบอกเจ้าทุกอย่างตรงๆ อ๋าวอี่ เผ่ามังกรต้องการให้เจ้าก้าวออกไปข้างหน้าเดี๋ยวนี้”
อ๋าวอี่กลั้นหายใจและโน้มตัวออกไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อตั้งใจฟังให้ดี
หลี่ฉางโซ่วใคร่ครวญอย่างรอบคอบ แม้นี่จะเป็นขั้นตอนที่เขาเคยคิดวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ต้องซื่อสัตย์กับอ๋าวอี่และกำจัดความกังวลที่เขาฝังเอาไว้ใจมาก่อนหน้านี้
หากเขาและอ๋าวอี่ไม่อาจทำงานร่วมกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ในช่วงสิบสองปีก่อนที่งานจัดเลี้ยงผลท้อเซียนจะเกิดขึ้น ก็ย่อมยากที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
“อ๋าวอี่ เจ้ารู้หรอไม่ว่า ข้าเป็นเพียงผู้ฝึกบำเพ๋ญในขอบเขตเซียนเทียนในระหว่างช่วงแรกของการสร้างสำนักเทพทะเล? ความจริงแล้ว ข้าไม่ได้จงใจสร้างสำนักเทพทะเล”
อ๋าวอี่ไม่เข้าใจว่า ไฉนศิษย์พี่เจ้าสำนักถึงพูดเรื่องนี้
ทว่าหลังจากนั้น อ๋าวอี่ก็ได้ข้อมูลสำคัญ – ขอบเขตเซียนเทียน! ตอนที่ข้ากำลังฝึกซ้อมกับศิษย์พี่เจ้าสำนักในสำนักตู้เซียน เขาเพียงแค่กำลังแกล้งข้าหรือ?
หลี่ฉางโซ่วเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นด้วยน้ำเสียงสงบว่า “ในเวลานั้น ข้ามีเพียงตัวตนเดียว ข้าเป็นศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน หลี่ฉางโซ่วแห่งสำนักตู้เซียน
เป็นเพราะความบังเอิญที่เหล่ามนุษย์เวทแห่งหมู่บ้านสงมาพบข้าในยามที่ข้ากำลังทำความเข้าใจต้าเต๋า พวกเขาจึงบูชาข้าในฐานะเทพแห่งท้องทะเลและตั้งวิหารเพื่อบูชาข้า จากนั้น สถานการณ์และสิ่งต่างๆ ก็ดำเนินไปจนเกินกว่าที่ข้าจะควบคุมได้
ข้าเกรงว่า เจ้าจะไม่เชื่อข้า ในวันนั้นเมื่อเราพบกันที่ทะเลทักษิณ ข้าไปทำลายสำนักเทพทะเล ในเวลานั้น ข้ากังวลมากว่า สำนักเทพทะเลจะสร้างปัญหาให้ข้าและทำให้สำนักบำเพ็ญประจิมขุ่นเคือง
ทว่าเป็นเพราะเผ่ามังกรได้ปรากฏตัวขึ้น และเจ้าก็ได้พบข้าผ่านตัวตนของเทพแห่งท้องทะเล ข้าจึงทำได้เพียงเปลี่ยนความคิดและพยายามควบคุมสำนักเทพทะเล แต่ข้าไม่คาดคิดว่า สำนักเทพทะเลจะกลายเป็นโอกาสของข้า”
อ๋าวอี่ฟังอย่างตั้งใจและอดจะถามไม่ได้ว่า “แล้วมันเป็นโอกาสได้อย่างไรหรือขอรับ?”
“เป็นเพราะสำนักเทพทะเลได้รับความช่วยเหลือจากเผ่ามังกร อิทธิพลที่มีต่อบรรดาผู้คนจึงค่อยๆ แผ่ขยายกว้างขวางขึ้นทีละน้อย
เป็นผลให้สำนักบำเพ็ญประจิมวางแผนทำร้ายข้าและดึงดูดให้องค์เง็กเซียนสังเกตเห็นข้า
เรื่องนี้ทำให้ข้าได้ติดต่อกับองค์เง็กเซียนเป็นครั้งแรก และด้วยอิทธิพลแห่งโชคชะตาขององค์เง็กเซียน ศาลสวรรค์ และเผ่ามังกร ข้าจึงได้รับเลือกจากท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์ให้เป็นเครื่องมือมนุษย์เวท
แค่กๆ ข้าได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนในเรื่องนี้ และด้วยเหตุนี้ ข้าจึงได้รับความชื่นชมและเป็นที่ยอมรับของท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ หลังจากที่สำนักเทพทะเลได้รับความนิยมมากขึ้น…
“และเพียงด้วยการก้าวไปทีละย่างก้าวเช่นนั้น จึงนำมาสู่เทพแห่งท้องทะเลที่ปรากฏให้เห็นในวันนี้” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ในตอนแรก ข้ากังวลเรื่องเกี่ยวกับสำนักเทพทะเลอยู่ทุกวัน
ข้ากลัวว่า ข้าจะถูกสำนักบำเพ็ญประจิมมุ่งเป้าสังหาร และถูกเผ่ามังกรทำลาย มันเหมือนกับการเดินอยู่บนน้ำแข็งบางๆ”
เมื่ออ๋าวอี่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็มีท่าทีกระอักกระอ่วนเล็กน้อยก่อนจะเม้มริมฝีปากแล้วขมวดคิ้ว
จากนั้นเขาก็โค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วและกล่าวว่า “ข้ารบกวนท่านให้ลำบากแล้ว พี่ชาย!”
“นี่อาจเป็นวาสนาชะตาลิขิตของพวกเรา เจ้าไม่จำเป็นต้องโค้งคำนับ”
หลี่ฉางโซ่วประคองอ๋าวอี่ขึ้นอย่างอ่อนโยน จากนั้น เขาก็หันกลับมามองร่างที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาในความฝันทางเจตจำนงวิญญาณ
“อ๋าวอี่ เจ้าลองดูสิ”
อ๋าวอี่เงยหน้าขึ้นมองหลี่ฉางโซ่วโบกแขนเสื้อของเขา แล้วจู่ๆ หมอกรอบตัวเขาก็สลายไป ทันใดนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นบนรูปปั้นขนาดใหญ่
จากนั้นรูปลักษณ์ของเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้งและกลับคืนสู่รูปลักษณ์ของ หลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ในตอนนั้น ข้าทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้น และทำได้เพียงหาความสมดุลระหว่างสำนักบำเพ็ญประจิม เผ่ามังกร และศาลสวรรค์ เจ้าเคยถามข้าหลายครั้งแล้วว่า เหตุใดเผ่ามนุษย์ถึงแข็งแกร่งได้ นั่นอาจเป็นเพราะ…พวกเรากล้าหาญและยิ่งกล้าหาญมากขึ้นเรื่อยๆ”
“พี่ชาย!”
อ๋าวอี่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาถอนหายใจและพูดว่า “ข้าไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้ ข้าโยนเรื่องทั้งหมดมาที่ท่าน พี่ชาย ข้ายังถึงกับเป็นเช่นนั้นอยู่เสมอ…”
“อ๋าวอี่ ที่วันนี้ ข้าบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับเจ้านั้น หาใช่ด้วยเหตุอื่นใดแต่เป็นเพียงเพื่อให้เจ้ารู้ว่าเรื่องการขึ้นสู่สวรรค์ของเผ่ามังกรนั้น หาใช่แผนการของข้าไม่ และก็ไม่ใช่แผนการขององค์เง็กเซียนทว่านั่นคือ วิถีที่เป็นไปตามสถานการณ์ เป็นเพียงไปตามลิขิตแห่งโชคและชะตาชีวิต”
“โชคชะตา…”
อ๋าวอี่ก้มศีรษะลงและครุ่นคิด ใบหน้าของหนุ่มน้อยดูมีปัญหาผิดปกติไป
หลี่ฉางโซ่วกำลังจะดำเนินการต่อ ทว่าทันใดนั้น อ๋าวอี่ก็ถอยหลังออกไปสองก้าวก่อนจะยกชายเสื้อคลุมขึ้นแล้วคุกเข่าลง
“เจ้ากำลังทำอันใดกัน?”
หลี่ฉางโซ่วเข้าไปประคองร่างของเขาขึ้นในขณะที่อ๋าวอี่โค้งคำนับให้เขาอย่างสุดซึ้ง
“เมื่อก่อนนี้ ข้าเป็นคนโง่เขลาและไร้ความกลัว ข้าไม่รู้ว่า ศิษย์พี่เจ้าสำนักอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ โปรดอภัยให้ข้าด้วยเถิดขอรับ! ตอนนี้เผ่ามังกรอยู่บนหน้าผาแล้ว ก้าวผิดเพียงก้าวเดียว พวกเราก็จะถูกบดขยี้จนแหลกสลาย
ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ขอท่านโปรดช่วยเผ่ามังกรของข้า และทำให้เผ่ามังกรของข้าได้รับใช้ศาลสวรรค์ด้วยเถิดขอรับ! วันนี้ข้าขอสาบานว่าจะมอบชีวิตของข้าให้กับท่าน ศิษย์พี่เจ้าสำนัก!”
หลี่ฉางโซ่วไม่คาดคิดว่า อ๋าวอี่จะเข้าใจประเด็นสำคัญได้เร็วถึงขนาดนี้ และยังไม่คาดคิดว่า อ๋าวอี่จะมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้อีกด้วย ทว่าในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วได้ฉวยโอกาสนี้ก้าวออกไปข้างหน้าและถามว่า “แม้เจ้าจะถูกคนในเผ่าของเจ้าเข้าใจผิดและด่าว่าหรือ?”
“แล้วจะไปกลัวอะไรเล่าขอรับ?”
………………………………………………………………..