ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 416 มันเป็นความเหงา... (3)
ตอนที่ 416 มันเป็นความเหงา… (3)
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ใช่ เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ข้าก็รู้ว่าไม่อาจจัดการเรื่องนี้ได้ หากว่าเป็นบุรุษหลงรักสตรีตั้งแต่แรกพบ แล้วขอให้ชนเผ่ารวมตัวกันเพื่อรีบไปเร่งรัด บีบบังคับใจให้สตรีผู้นั้นยอมตาม นั่นย่อมเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายและควรถูกทำร้ายและดุด่าอย่างรุนแรง
ทว่าเมื่อเป็นสตรีสารภาพรักต่อบุรุษ ก็กลายเป็นบุรุษที่ถูกกดดัน คนส่วนใหญ่มักจะตั้งคำถามกับบุรุษก่อนว่า เป็นเพราะเขาที่ไปเกี้ยวนางก่อนตั้งแต่ต้น
ดังนั้น ข้าจึงจัดการเรื่องนี้เองไม่ได้ และรีบมาที่นี่เพื่อขอให้เทพเฒ่าจันทราช่วยกำจัดชะตากรรมเลวร้ายนี้ออกไป!”
“ได้! ข้าย่อมช่วยท่านนอย่างแน่นอน!”
“ไม่มีเวลาแล้ว พวกเขากำลังจะเริ่มต่อสู้กันแล้ว!”
“เช่นนั้น ไปที่โถงด้านหลังกันเถิด!” เทพเฒ่าจันทรายกมือขึ้น สะบัดแขนเสื้อแล้วหยิบกรรไกรทองคู่หนึ่งก่อนจะรีบไปที่โถงด้านหลัง แล้วหลี่ฉางโซ่วก็ติดตามเขาไปเช่นกัน
เทพเฒ่าจันทราเรียกรูปปั้นดินเหนียวทั้งสองกลุ่มออกมาข้างหน้าออกมาอย่างระมัดระวังยิ่ง
ทางด้านซ้ายคือเผ่าชิงชิว ซึ่งมีรูปปั้นดินเหนียวมากมาย ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์ที่มีหูจิ้งจอกแหลม
โดยทั่วไปแล้ว ด้ายแดงของเผ่าชิงชิว จะอยู่ในสภาพ ‘หลวม’ และมีมากมายที่ขยายออกไปทั่วทุกทิศทาง
มีด้ายแดงยื่นออกมาจากมันและเคลื่อนตัวไปที่รูปปั้นดินเหนียวครองคู่ของสำนักตู้เซียนที่อยู่ทางด้านขวา และเมื่อตามด้ายแดงนั้นไป เขาก็พบรูปปั้นดินเหนียวที่ดูเหมือนฉีหยวนในทันที
ด้ายแดงพันรอบฉีหยวน แต่ไม่มีด้ายแดงบนตัวรูปปั้นดินเหนียวของฉีหยวน…
ไม่มีแม้แต่ด้ายบางๆ “เช่นนั้นเอง!”
เทพเฒ่าจันทราตาไวเฉียบคมและพุ่งออกไปข้างหน้า ทั้งเคราและเส้นผมของเขาล้วนปลิวไสว!
เพียงกริบเดียว ก็ตัดด้ายแดงออกทันที!
ทว่าด้ายแดงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยแล้วเริ่มยื่นขยายออกไปอีกครั้ง มันยังคงเคลื่อนเข้าหารูปปั้นดินเหนียวของฉีหยวนอย่างมุ่งมั่น… “มีคนที่หลงรักอีกคนหนึ่งหรือ?” เทพเฒ่าจันทราแค่นเสียงแล้วคำนวณในใจ เขาไม่อาจเสียหน้าต่อหน้าเทพแห่งท้องทะเลได้ นั่นเป็นหน้าที่ของเขา!
เทพเฒ่าจันทรากล่าวขึ้นมาทันทีว่า “หือ! นับแต่สมัยโบราณมา ผู้หลงใหลมักมากรักอยู่เสมอ!”
ในขณะนั้น กรรไกรทองยังคงตัดกริบต่อไปเรื่อยๆ และเมื่อหลี่ฉางโซ่วเห็นเช่นนั้น เขาก็ใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งแล้วเริ่มโจมตีในสนามรบหลัก!
บนยอดเขาหยกน้อย ใต้ต้นหลิวริมทะเลสาบ “ฉีหยวน” ซึ่งนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมาเบาๆ
เมื่อด้ายแดงถูกตัด เสี่ยวหลานที่รู้สึกหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ได้ จึงกล่าวขึ้นมาทันทีว่า “นักพรตเต๋า มีอันใดผิดปกติหรือ?”
“ข้ากำลังรอให้เจ้าพูด ไยเจ้าไม่เอ่ยอะไรเลยสักคำ?” จิ้งจอกเสี่ยวหลานตะลึงงัน แล้วรีบกล่าวว่า “ข้าคิดว่าเจ้ากำลังคิดถึงเรื่อง…”
“คิดถึงเรื่องที่ข้าจะปล่อยให้เจ้ายังอยู่ด้วยหรือ? หยุดคิดเรื่องนี้เถิด”
หลี่ฉางโซ่วยิ้ม ขณะนี้ เสียงกรรไกรทองของผู้เฒ่าจันทร์ยังดังก้องอยู่ในหูของเขาทำให้เขามีสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับจิ้งจอก
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบและกล่าวว่า “สหายเต๋า เจ้าไม่ได้หลงรักข้า ใช่หรือไม่?” จิ้งจอกสาวดูกังวล และตอบว่า “นักพรตเต๋า ในใจข้ามีแต่เจ้า!”
“นี่ถือว่าเป็นความรักแล้วหรือ?”
บัดนั้น ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วพลันเปล่งแสงน่ากลัวขณะจ้องมองจิ้งจอกราวกับจะมองทะลุผ่านการป้องกันของนางได้ หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “เจ้าเคยถามตัวเองหรือไม่ว่า แท้จริงแล้ว เจ้าคิดอย่างไร? เจ้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าจริงๆ หรือไม่?”
“แน่นอนว่า ข้าถาม…”
เสียงของจิ้งจอกสาวอ่อนลงขณะพยายามสัมผัสถึงหัวใจเต๋าของนาง แต่แล้วก็ตระหนักว่าร่างเหล่านั้นเริ่มเลือนรางลงเล็กน้อย!
“ไม่หรอก จริงๆ แล้ว เจ้าไม่ได้รัก” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบ “ตัวอย่างที่ง่ายที่สุดก็คือ หากว่าคนที่เจ้าพบในคุกใต้ดินในเวลานั้น ไม่ใช่ข้า แต่เป็นคนอื่นจากสำนักตู้เซียน ตราบใดที่มีคนพบวิธีจัดการเสน่ห์อาคมของเจ้าได้ก่อนและทำให้เจ้ารู้สึกพ่ายแพ้ เจ้าก็จะวางเงาของเขาไว้ในใจของเจ้า ครั้นเมื่อเวลาผ่านไป เจ้าจึงมีภาพลวงตาว่าเจ้าได้สลักคนผู้นี้ตราตรึงไว้ในใจของเจ้า เป็นเช่นนั้นหรือไม่?
“แต่…”
จิ้งจอกสาวเปิดริมฝีปากแดงของนาง ทว่าไม่อาจเอ่ยวาจาได้แล้วรีบลุกขึ้นยืนอย่างอับจนหนทาง
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจ
“สหายเต๋า หากเปลี่ยนข้าเป็นคนอื่น จ้าก็จะสนใจเพียงคนอื่นเท่านั้น ไหนเลยจะพูดว่ามีใจให้ข้าได้อย่างไร?
สิ่งพื้นฐานและล้ำค่าที่สุดในความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงคือ ความซื่อสัตย์ต่อคู่บำเพ็ญเต๋าเพียงคนเดียว การชมชอบใครสักคนนั้น หาใช่เพียงลุ่มหลงอยู่กับเขาไม่ การชมชอบใครสักคนนั่นย่อมหมายความว่า คนๆ นั้นคือ คนที่ไม่มีผู้ใดสามารถเข้ามาแทนที่ในใจของเจ้าได้
ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ไม่ได้เป็นเช่นเจ้า”
ดวงตาของจิ้งจอกดูงงงันเล็กน้อยขณะพึมพำว่า “ข้าไม่ได้…”
“คุกเส้นชีพจรปฐพีนั้นมืดมิดและน่าหดหู่ เจ้าอยู่คนเดียวในนั้น เมื่อไร้คำเยินยอของปีศาจน้อยที่อยู่เคียงข้างเจ้า และไม่มีภาพคึกคึกในโลกมนุษย์ เจ้าจึงเพียงปรารถนาใครสักคนที่จะพึ่งพาได้ เจ้าก็เป็นเซียนเสิ่นเช่นกัน เจ้าย่อมสัมผัสได้ด้วยตัวเอง เป็นเช่นนั้นหรือไม่?
สหายเต๋า เจ้าไม่ได้สนใจข้า ฉีหยวน”
จิ้งจอกสาวถอยหลังไปสองก้าว ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสับสนขณะพึมพำเบาๆ ว่า “ข้าไม่สนใจ นักพรตเต๋าฉีหยวน ข้าสนใจ…”
“มันเป็นความเหงา”
ทันใดนั้น ขาเรียวของเสี่ยวหลานอ่อนยวบแล้วล้มลงบนพื้นหญ้า
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “อย่ามอบหัวใจให้ความเหงาอีกต่อไป ข้ากล่าวเช่นนั้นกับเจ้าเพราะเห็นว่าเจ้ามาจากเผ่าชิงชิว สหายเต๋า โปรดกลับไปเถิด ขออภัยที่ข้าไม่ไปส่ง”
กล่าวจบ หลี่ฉางโซ่วก็สะบัดแขนเสื้อและเดินไปที่กระท่อมมุงจากของหลิงเอ๋อร์ ทิ้งให้จิ้งจอกที่สับสนและบรรดาเซียนของสำนักตู้เซียนต่างครุ่นคิดลึกซึ้ง
แต่นั่นยังไม่จบ
ที่ประตูสำนักตู้เซียน ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ซึ่งไม่เคยติดตามเจียงหลินเอ๋อร์ไปที่ยอดเขาหยกน้อยมาก่อน ได้ขี่เมฆบินออกมาจากประตูสำนักและมุ่งหน้าไปหาหญิงชราที่น่าจะเป็นผู้นำเผ่าปีศาจชิงชิวที่นี่
เมื่อจัดการต้นตอปัญหาภายในได้แล้ว ก็ต้องรีบขจัดแรงกดดันจากภายนอกให้ทันการณ์
ไม่นานต่อมา ที่ตำหนักเทพจันทราแห่งศาลสวรรค์ เทพจันทรายกมือขึ้นปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก แล้วมองไปที่ด้ายแดง ซึ่งในที่สุดก็หยุดเติบโต แล้วแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
เทพจันทรากลับมาและเห็นเทพแห่งท้องทะเลกำลังมองดูแนวการจัดเรียงรูปปั้นดินเหนียวของสำนักตู้เซียนด้วยความสนใจ…
“เทพแห่งท้องทะเล บัดนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่?”
“ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี” หลี่ฉางโซ่วกล่าวพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก “ต้องขอบคุณเทพจันทราที่ช่วยเหลือ! แต่… ไฉนรูปปั้นดินเหนียวตัวนี้ ถึงมีด้ายแดงสามเส้นล้อมรอบอยู่?”
“โอ้?” เทพจันทราเดินเข้าไปดูและยิ้มพลางกล่าวว่า “นี่คือรูปปั้นดินเหนียวครองคู่ของสหายน้อยในสำนักตู้เซียนของข้า เมื่อเทพผู้น้อยเห็นครั้งแรกก็เป็นเช่นนี้แล้ว
สหายน้อยฉางโซ่วก็เป็นคนดีเช่นกัน เทพแห่งท้องทะเลให้ความสนใจเขามาก เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์คนหนึ่งในบรรดาศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินอย่างแน่นอน!”
เมื่อหลี่ฉางโซ่วได้ยินเช่นนั้น เขาก็ยิ้มและส่ายศีรษะ
เทพจันทราจึงรีบถามว่า “เทพแห่งท้องทะเล มีอันใดผิดไปหรือไม่?”
“ไม่มีอะไร” หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบาๆ ในใจ แต่เขาเพียงกล่าวว่า “ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็ดี”
………………………………………………………………..