ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 31.1 เทียบเชิญจากวังมังกร (1)
สถานการณ์เริ่มอึดอัดเล็กน้อย
หลี่ฉางโซ่วและหลันหลิงเอ๋อร์ล้วนเข้าใจสถานการณ์โดยปริยาย เงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าพร้อมกัน…
มังกรครามกำลังบินวนอยู่เหนือแนวค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา ขณะที่เมฆเทาทะมึนยังคงแปรปรวนอยู่บนท้องฟ้า
ขณะนั้นพลังกดดันที่คล้ายกับเซียนเทียนก็ได้แทรกซึมผ่านค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา และปกคลุมไปทั่วทั้งสำนักตู้เซียนทั้งหมด มีเงาร่างคนจำนวนมากปรากฏขึ้นบนยอดเขาต่างๆ พวกเขาล้วนเป็นคนของสำนักตู้เซียนซึ่งตกใจกับแรงสั่นสะเทือนรุนแรงจากพลังดังกล่าว
ทันใดนั้นก็มีลำแสงหลายสายพุ่งออกมาจากยอดเขาพิชิตสวรรค์และทะลุออกจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาทันที ปรากฏเป็นร่างสี่ร่างที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ากำลังมองดูหมู่เมฆในระยะไกล
ข้างหน้าคือเซียนบุรุษผู้หนึ่ง สวมเสื้อคลุมชุดสีฟ้าขาวยืนเอามือไพล่หลัง เขามีร่างสูงโปร่งราวกับต้นสนและมีเส้นผมยาวสีขาวเป็นเปียสองเส้นตรงขมับ สีหน้าของเขาดูเฉยเมยเย็นชายากจะเข้าถึงได้
ทันทีที่เขาปรากฏตัวพลังกดดันที่แผ่ลงมาจากท้องฟ้าก็หายวับไป และมังกรครามก็บินขึ้นไปบนเมฆทันที ไม่กล้าเข้าใกล้แนวค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาอีก
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฉางโซ่วได้เห็นปรมาจารย์ผู้สูงส่งหว่างฉิง
ถูกต้อง ชายหนุ่มรูปงามที่มีเส้นผมสีขาวเป็นเปียสองเส้นอยู่ที่ขมับก็คือ ท่านปรมาจารย์ของเซียนจิ่วทั้งเก้า เขาเป็นเซียนเทียนผู้หนึ่งของสำนักตู้เซียน นามเต๋าของเขาคือ ‘หว่างฉิง’
ด้านหลังของปรมาจารย์หว่างฉิง คือนักพรตเต๋าชราที่ถือแส้หางม้าพร้อมรอยยิ้ม และสตรีชราผู้หนึ่งถือไม้เท้าก็กำลังแย้มยิ้มเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีเซียนสตรีรูปโฉมงดงามในชุดสีรุ้ง แต่ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นร่างของนางที่ปกคลุมไปด้วยชั้นหมอกเบาบางได้อย่างชัดเจน
มังกรครามเกล็ดแดงส่งเสียงร้องคำรามมาจากหมู่เมฆว่า “ช้าก่อน เจ้าคือผู้ที่รับผิดชอบดูแลสำนักตู้เซียนใช่หรือไม่”
ปรมาจารย์หว่างฉิงไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น แต่ขณะนั้นเสียงเรียบนิ่งของเขากลับดังกึกก้องกระจายออกไปทั่วทั้งภายในและภายนอกของค่ายกล
“ข้าเป็นเพียงผู้บำเพ็ญอิสระในสำนักตู้เซียน ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะจัดการกับเรื่องในสำนักตู้เซียน เพียงแต่คิดว่ามังกรน้อยเช่นเจ้าดูหยาบคายเกินไป จึงมาที่นี่เพื่อสั่งสอน”
“บังอาจ!” เจ้ามังกรครามเกล็ดแดงร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดออกมาจากหมู่เมฆ เมฆเทาทะมึนในท้องฟ้าจู่ๆ ก็มาบรรจบกันเป็นกลุ่มก้อนใหญ่และกลายเป็นกรงเล็บมังกรที่มีสายฟ้าโหมกระหน่ำ พุ่งเข้าโจมตีปรมาจารย์หว่างฉิงทันที!
กรงเล็บมังกรขยายใหญ่ขึ้นขณะที่มันแหวกว่ายอยู่ในสายลม เพียงชั่วพริบตาเส้นผ่านศูนย์กลางของมันก็ขยายเป็นหลายร้อยจั้งจนปกคลุมไปทั่วทั้งแผ่นฟ้าและบดบังดวงอาทิตย์ เหมือนมันทำท่าจะพุ่งเข้าทำลายค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาของสำนักตู้เซียน และยอดเขาพิชิตสวรรค์ไปด้วยกัน!
เมื่อเห็นเช่นนั้น บรรดาศิษย์ทั้งหลายล้วนถูกแรงกดดันจนแทบหายใจไม่ออก ในขณะที่ผู้บำเพ็ญที่มีขอบเขตพลังสูงกว่าต่างก็มีท่าทีเคร่งเครียดเช่นกัน
หลันหลิงเอ๋อร์ที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ หลี่ฉางโซ่วจับแขนของศิษย์พี่แน่นโดยไม่รู้ตัว ขอบเขตพลังของนางต่ำเกินไป และในเวลานี้นางก็ถูกพลังกดดันของมังกรกดทับจนทำให้นางเต็มไปด้วยความอึดอัด
หลี่ฉางโซ่วจึงแผ่เสี้ยวพลังลมปราณของเขาเข้าปกคลุมร่างของศิษย์น้องหญิงของเขาเพื่อช่วยลดแรงกดดันให้นาง และป้องกันไม่ให้นางได้รับผลกระทบจากจิตมารได้
ทันใดนั้น! กรงเล็บมังกรที่ขยายขนาดขึ้นจนดูราวกับเป็นเทือกเขาซึ่งปกคลุมทั่วท้องฟ้าและบดบังดวงอาทิตย์ จู่ๆ ก็หยุดชะงักอยู่เหนือแนวค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาอย่างไม่มีการเตือนล่วงหน้า!
ลมกระโชกแรงตามการเคลื่อนไหวของกรงเล็บมังกรทำให้กำแพงบางราวผ้าไหมของค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาสั่นไหว
แต่กรงเล็บมังกรขนาดมหึมากลับหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศอย่างแปลกประหลาด และไม่ขยับเข้ามาใกล้อีกแม้แต่ชุ่นเดียว!
หลี่ฉางโซ่วใช้พลังเวทผ่านสายตาของเขามองออกไป และเมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าปรมาจารย์หว่างฉิงได้ยกแขนซ้ายขึ้นไปในอากาศ ปลายนิ้วชี้ของเขากลายเป็นกระบี่และพาดอยู่บนกรงเล็บมังกรขนาดใหญ่นั้น!
ด้วยนิ้วเดียว เขาก็ยับยั้งกรงเล็บมังกรที่มีขนาดใหญ่ดุจขุนเขามหึมาได้!
เส้นผมยาวพร้อมกับเสื้อคลุมของปรมาจารย์หว่างฉิงปลิวสะบัดอย่างรุนแรงท่ามกลางสายลม
“ฮึ่ม!”
เสียงคำรามเย็นเยือกดังก้องอยู่ในอากาศไกลออกไปหลายหมื่นลี้!
ชั่วเวลานั้นแขนซ้ายของปรมาจารย์หว่างฉิงพลันสั่นเล็กน้อย แล้วกรงเล็บมังกรขนาดราวกับภูเขามหึมาก็ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเมฆหมอกบนท้องฟ้า!
มังกรครามพลันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งท่ามกลางหมู่เมฆแปรปรวนที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า อย่างไรก็ตาม มันถูกห่อหุ้มด้วยชั้นพลังงานที่มองไม่เห็น ลำตัวขนาดมหึมาของมันบิดเบี้ยวและดิ้นรนอย่างต่อเนื่องก่อนจะถูกโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง มังกรครามก็กลับลงมาจากท้องฟ้าพร้อมด้วยความเดือดดาลและเปล่งเสียงคำรามลั่นอย่างโกรธเกรี้ยว
ปรมาจารย์ผู้สูงส่งหว่างฉิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของเขาแผ่เจตนาสังหารออกมาอย่างชัดเจน
มังกรครามหยุดร้องคำรามในทันที แสงสีแดงเจิดจ้าเปล่งประกายออกมารอบๆ ตัวมัน ก่อนจะกลายเป็นบุรุษร่างกำยำที่มีเศียรมังกรและสวมชุดเกราะต่อสู้ เขามีสีหน้าท่าทีตื่นตะลึงที่เจือไปด้วยความเกรี้ยวกราด
ปรมาจารย์หว่างฉิงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “กล้าดีอย่างไรถึงบังอาจมาหาเรื่องสำนักตู้เซียนทั้งที่เจ้าเพิ่งกลายเป็นเซียนเทียนเท่านั้น เบื่อชีวิตแล้วใช่หรือไม่”
บุรุษร่างกำยำที่มีเศียรมังกรร้องคำรามอย่างโกรธจัด แต่ไม่กล้าทำผลีผลามลงมืออีก ในขณะที่เขาตะโกนขู่มาจากท้องฟ้าว่า “สำนักตู้เซียน! ดูเหมือนเจ้าอยากสร้างปัญหาใหญ่กระมัง!…ข้าฉื้อหลง คือทูตพิเศษแห่งวังมังกรทะเลบูรพา! และเป็นแม่ทัพทัพหน้าแห่งกองทัพวารีวังมังกร!…
เจ้ากล้าหยาบคายเยี่ยงนี้! ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อราชามังกรอย่างแน่นอน อีกไม่นานพวกเราจะส่งกองทหารวังมังกรมาทำลายสำนักเล็กๆ ของเจ้า!”
นักพรตเต๋าชราที่ยืนอยู่ข้างหลังหว่างฉิงหัวเราะลั่นทันที “ยากยิ่งนักที่จะได้เห็นวังมังกรมีทีท่าห้าวหาญเช่นนี้… แล้วเจ้าไม่ได้มาวางอำนาจของเจ้าในสำนักตู้เซียนของเราหรือ อย่างไรเสียสำนักตู้เซียนก็เป็นสายหนึ่งของสำนักบำเพ็ญมนุษย์ ซึ่งมีเหล่าสำนักบำเพ็ญมนุษย์และโชควาสนาปกป้องพวกเรา
ทว่าวังมังกรทะเลบูรพาไม่ได้คิดจะปกป้องทะเลบูรพา เพื่อคงความสงบสุขและเสริมคุณธรรมเพิ่มโชควาสนาของตัวเอง แต่กลับปล่อยมังกรชั่วร้ายให้ออกมาสร้างปัญหา ยิ่งกว่านั้นเจ้ายังโจมตีกลุ่มค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาของเราอย่างไร้เหตุผลในทันทีอีกด้วย…
เป็นไปได้ไหมว่าแม่ทัพทัพหน้ามีความตั้งใจจะยั่วยุให้เกิดสงครามระหว่างผู้บำเพ็ญมนุษย์กับเผ่าพันธุ์มังกรของเจ้า?”
“เจ้า!”
บุรุษร่างกำยำที่มีเศียรมังกรเบิกตากว้างจ้องมองอยู่ชั่วครู่ เขาไม่กล้าตอบคำถามนั้นอย่างไร้ความระมัดระวัง
สถานการณ์ในยามนี้แตกต่างจากในกาลก่อน ในช่วงสงครามจอมเวท-ปีศาจนั้น เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังคงอ่อนแอ ทว่าบัดนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นผู้นำในพิภพนี้ มีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าเหล่าจอมเวทและปีศาจโบราณมาก
อย่าว่าแต่เผ่าพันธุ์มนุษย์จะไม่จำเป็นต้องให้บรรดาผู้บำเพ็ญมนุษย์โจมตีเผ่าพันธุ์มังกร เพราะเพียงแค่สำนักเซียนในดินแดนเทวะบูรพาก็สามารถทำได้ หากพวกเขาเชิญปรมาจารย์ชั้นสูงเพียงหนึ่งหรือสองคนจากสามสำนักบำเพ็ญมาร่วมด้วย ก็เพียงพอแล้วที่เผ่ามังกรไม่อาจต้านทานการโจมตีเช่นนั้นได้
และในเวลานี้ฉื้อหลงก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ เนื่องจากขี่หลังเสือแล้วลงยาก
สตรีชราจากสำนักตู้เซียนก็ก้าวออกไปข้างหน้าอย่างถูกเวลาพอดี นางพยายามคลี่คลายสถานการณ์ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและวาจาไพเราะเพื่อหาทางลงให้มังกรตัวนี้
ฉื้อหลงจึงรีบฉวยโอกาสที่นางมอบให้ทันที บอกถึงจุดประสงค์ของเขาด้วยใบหน้าท่าทีนิ่งสงบ
“หลายวันก่อนคนของสำนักตู้เซียนมากำจัดปีศาจที่ทะเลบูรพา แต่ศิษย์ของเจ้าบังเอิญทำร้ายทหารที่เผ่าพันธุ์มังกรของเรากำลังฝึกฝนขึ้นมา!…
ทว่าองค์ราชามังกรของเราก็ตัดสินใจปล่อยเรื่องนี้ไป สามปีหลังจากนี้ เราจะจัดงานชุมนุมกวาดล้างปีศาจที่ทะเลบูรพา พวกเราจึงเชิญทุกสำนักเซียนจากดินแดนเทวะบูรพาให้มารวมตัวกันเพื่อนัดหมายในการสังหารปีศาจในภายหน้า
วังมังกรทะเลบูรพาของเราเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่า เราจะให้รางวัลแก่ศิษย์เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่สร้างผลงานได้ดีในงานชุมนุมครั้งนี้
นี่คือเทียบเชิญ เจ้าต้องไม่พลาดงานใหญ่ครั้งนี้!… เหอะ!”
กล่าวจบ บุรุษร่างกำยำที่มีเศียรมังกรก็โยนเทียบเชิญที่เปล่งประกายสีทองไป จากนั้นเขาก็แปลงร่างกลับเป็นมังกรครามแล้วพุ่งทะยานไปในหมู่เมฆจากไปในทันที