ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 23.2 แผนการของศิษย์พี่ (2)
หลี่ฉางโซ่วโบกมืออย่างไม่ใส่ใจแล้วยิ้ม “ผงพิษที่ข้าให้เจ้านั้น ทำขึ้นมาด้วยความใส่ใจอย่างรอบคอบเพื่อให้การผสมผสานของปริมาณและความเป็นพิษของสมุนไพรต่างๆ เข้ากันอย่างดี ทั้งหมดนั้นล้วนไม่มีวิธีการสกัดระดับสูงมาเกี่ยวข้องจึงไม่มีอันใดสำคัญ แม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากสังเกตเห็นก็ตาม…
บรรดาศิษย์ของยอดเขาต่างๆ ก็สามารถรับสูตรนี้ได้จากโถงด้านนอกของหอพระสูตรเต๋า และยังสามารถรับสมุนไพรจากหอไป่ฝานได้ เวลานี้ภายในสำนักหรือแม้แต่ในสำนักบำเพ็ญเซียนอื่นๆ ในห้าดินแดนเทวะ คนส่วนใหญ่ล้วนประเมินพลังของพิษต่ำไป พวกเขาคิดว่านี่เป็นวิชาเวทที่น่าอับอาย ผู้ที่ใช้พิษมักถูกกีดกันและถูกดูหมิ่น…ดังนั้นจึงหาใช่เรื่องใหญ่ไม่ แม้ผู้คนจะพบว่าข้าเชี่ยวชาญในการปรุงโอสถพิษ ก็จะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้ใด พวกเขาจะคิดว่าข้าเป็นศิษย์ธรรมดาที่เดินผิดทางเท่านั้น”
หลี่ฉางโซ่วหยุดกล่าวกลางคันแล้วเผยรอยยิ้มรู้ดีแผ่ออกไปเต็มใบหน้าของเขา
“ยิ่งไปกว่านั้นท่ามกลางผงพิษที่ข้าให้เจ้าก็มีพิษแปลกๆ มากมายที่กล่าวถึงในตำราสูตรพิษเล่มหนึ่งที่คัดลอกมาจากหอพระสูตรเต๋า ส่วนผู้เขียนสูตรพิษนั้นก็คือผู้อาวุโสว่านหลินหยุน ข้าคิดว่าเขาเป็นผู้อาวุโสที่มีความเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับพิษอย่างลึกซึ้งที่สุดในสำนักของเรา หากเจ้าสามารถใช้โอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อาวุโสคนนี้ได้ เจ้าก็อาจจะสามารถขอคำแนะนำจากเขาเพื่อช่วยปรับปรุงพิษได้ในภายหน้า”
“ศิษย์พี่!” หลันหลิงเอ๋อร์ร้องออกมาแล้วพร่ำบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “ท่านใช้ประโยชน์จากข้าในแผนของท่านใช่หรือไม่! หากเป็นเช่นนี้ เหตุใดท่านจึงไม่บอกให้ข้ารู้ตัวล่วงหน้า ท่านใช้ประโยชน์จากศิษย์น้องหญิงที่อ่อนโยนและน่ารักของท่าน ท่านทำ…มากเกินไปแล้วจริงๆ…”
หลี่ฉางโซ่วเหลือบมองนางแล้วกล่าวว่า “อย่าเปลี่ยนเรื่อง พวกเรากำลังพูดถึงเรื่องที่เจ้าเสียโอสถพิษไป ข้าต้องทำให้เจ้าลำบากเพื่อให้เจ้าจดจำบทเรียนครั้งนี้เอาไว้ พรุ่งนี้ข้าจะลงโทษเจ้าโดยให้เจ้าไปตัดต้นไม้และเปิดที่ดินรกร้างในเขตภูเขาด้านหลัง ห้ามไม่ให้เจ้าใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าด้วย”
“แค่ตัดต้นไม้ เรื่องเล็กน้อย สบายมาก” หลันหลิงเอ๋อร์เลิกคิ้วตอบขณะที่นางหลุบตาลง บัดนี้มีคำว่า ‘ยินดีสุดๆ’ เต็มไปทั่วใบหน้าของสาวน้อยทันที
ในที่สุดนางก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้ว่า “แล้วเราจะเปิดที่ดินรกร้างเพื่ออะไรหรือเจ้าคะ”
“สร้างหอโอสถสำหรับการหลอมโอสถและปรุงยาพิษ ครั้งนี้ข้ายืมมือเจ้าจนทำให้ส่วนกลางของสำนักรู้ว่าข้ามีความสามารถดีในการหลอมโอสถ จากนี้ไปข้าย่อมสามารถหลอมโอสถและปรุงยาพิษบนยอดเขาหยกน้อยได้อย่างเป็นระบบ และข้าก็ไม่จำเป็นต้องแอบทำเรื่องทั้งหมดนี้อีกต่อไป”
หลังจากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ลุกขึ้นยืนแล้ววางถุงโอสถทั้งหมดลงบนโต๊ะก่อนจะยืดเส้นสายร่างกายของเขาแล้วกล่าวว่า “เมื่อข้านั่งสมาธิเสร็จเรียบร้อยแล้วในยามเที่ยง ข้าจะไปหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการสร้างหอโอสถ”
“ศิษย์พี่! เห็นได้ชัดว่าท่านกำลังเกียจคร้าน ท่านจะปล่อยให้น้องหญิงน้อยผู้อ่อนแอเช่นนี้ไปตัดต้นไม้คนเดียวได้อย่างไรเจ้าคะ!”
หลันหลิงเอ๋อร์ทำหน้าตาบูดบึ้งอยู่ทางด้านหลังของเขา ร้องร่ำพร่ำบ่นออกมาอย่างฉุนเฉียว
“นี่สำหรับเจ้า ผู้บำเพ็ญน้อยที่อ่อนแอ”
ขณะที่เดินไปถึงประตูแล้ว จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ เขาจึงหยิบกล่องหยกออกมาจากแขนเสื้อแล้วโยนมันลงไปในมือของศิษย์น้องหญิงของเขา
ของขวัญ?
หลันหลิงเอ๋อร์ลืมความขุ่นข้องใจของนางทันทีแล้วกอดกล่องหยกนั้นอย่างตื่นเต้นยินดี
ขณะที่กำลังจะเปิดกล่องหยก นางก็ฉุกคิดถึงบางอย่างขึ้นมาได้ จึงใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของนางถือกล่องหยกเอาไว้แล้วส่งมันให้ลอยห่างออกไปราวสิบฉื่อก่อนจะเปิดมันออกมาในอากาศ
กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยฟุ้งเข้ามาในจมูกของนาง ก่อนที่นางจะเห็นบุปผาหกกลีบสีขาวอยู่ในกล่องหยกนั้น
สมุนไพรนี่นา…ข้าคิดว่าจะเป็นอัญมณีหรือบางสิ่งเยี่ยงนั้นเสียอีก
หลันหลิงเอ๋อร์กำลังจะบ่นศิษย์พี่ของนางต่อไป แต่ทันใดนั้นก็พบว่าหลี่ฉางโซ่วได้ออกจากกระท่อมไปแล้ว เหลือไว้เพียงเสียงแหบแห้งเล็กน้อยของเขาที่กล่าวว่า “ครั้งต่อไปก่อนจะอาบน้ำให้แช่มันเอาไว้ในน้ำอุ่น มันจะช่วยขยายเส้นลมปราณ ล้างพิษและบำรุงผิวพรรณของเจ้า ทำให้ผิวของเจ้าเปล่งประกายงดงามมากขึ้น แล้วพบกันพรุ่งนี้”
“เจ้าค่ะ ขอบคุณศิษย์พี่ พบกันพรุ่งนี้…”
ฟู่–
หลันหลิงเอ๋อร์ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกแล้วทรุดตัวลงบนเก้าอี้ของนางทันทีพลางแย้มยิ้มอย่างมีชัย
ผ่านไปได้อย่างปลอดภัย!
ศิษย์พี่ของนางยังคงตามใจนาง ในคราแรกนั้นหลันหลิงเอ๋อร์ยังคิดว่าจะโดนดุด่าอย่างรุนแรงหลังจากที่นางใช้ผงพิษไปมาก แต่ไม่คิดว่าศิษย์พี่จะแค่บิดใบหูของนางเท่านั้น
แต่ดูเหมือนว่าศิษย์พี่ของนางจะมีทุกอย่างตามที่วางแผนเอาไว้สำหรับงานชุมนุมแม้กระทั่งรายละเอียดเล็กน้อย
หลันหลิงเอ๋อร์ไม่สบายใจในเรื่องนี้เท่าใดนัก นางอดจะรู้สึกไม่ได้ว่าศิษย์พี่ของนางยังไม่ไว้ใจนาง
ช่างมันเถิด ศิษย์พี่ก็เป็นเช่นนี้แหละ
เขามักจะเผาเส้นผมที่ตัดแล้วจนไม่เหลือแม้แต่ฝุ่น และหลอมละลายเศษเล็บที่ตัดออกมาแล้วด้วยพิษจนหมด แม้กระทั่งเมื่อยามที่ศิษย์น้องหญิงของเขาตั้งใจเมา เขาก็จะมัดนางไว้กับเตียงด้วยชุดกักกับดักเซียนแล้วห่มผ้าให้นาง
เอ่อ ดูหมือนข้าจะบังเอิญเปิดเผยบางอย่าง
หลันหลิงเอ๋อร์หน้าแดงฉับพลัน…
แต่ปีที่แล้วข้าไม่ได้ตั้งใจเมานะ!
……
เมื่อกลับมาที่กระท่อมมุงจากของเขาแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็นั่งสมาธิที่ข้างเตียงของเขาและเริ่มวางแผนการสร้างหอโอสถในใจ
สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องหาเตาหลอมโอสถ ก่อนหน้านี้เขาใช้เตาหลอมโอสถเก่าซึ่งเขาพกติดตัวเอาไว้เสมอ ทว่านั่นยังไม่เพียงพอที่จะสนองความต้องการของเขา ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อให้สามารถหลอมโอสถคุณภาพสูง และมีฤทธิ์แรงมากขึ้นเฉกเช่น โอสถสลายเซียน เขาก็จำเป็นต้องมีเตาหลอมโอสถที่มีขนาดใหญ่และคุณภาพดีกว่า
ก่อนอื่นเขาต้องสร้างหอโอสถ แล้วค่อยไปหาบรรดาท่านลุงท่านป้าที่คุ้นเคยเพื่อขอความช่วยเหลือที่หอไป่ฝาน
เขาอยากได้เตาหลอมโอสถที่ดีกว่านี้ แต่ก็ยังไม่อาจคาดหวังได้ ทั้งหมดนี้ล้วนขึ้นอยู่กับโชค
ย่อมเป็นการดีที่สุดหากเขาสามารถหาเตาหลอมโอสถที่เก่าและชำรุดแล้วพยายามกอบกู้มันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ต้องลองดูว่าเขาจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์นี้ขึ้นมาได้หรือไม่ อันที่จริงแล้วหลี่ฉางโซ่วคิดถึงเรื่องหอโอสถนี้มาได้สามสิบถึงสี่สิบปีแล้ว ทว่าก่อนหน้านี้เขาได้แต่ลังเล
เพราะการเป็นคนธรรมดาย่อมเป็นการอำพรางตัวที่ดีที่สุด
ทั้งค่ายกลแยกตัวซึ่งล้อมรอบสถานที่ทั้งหมดที่เขาอาศัยอยู่กับอาจารย์ ไปจนถึงค่ายกลภายนอกกระท่อมของศิษย์น้องหญิงกับกระท่อมของเขา ทั้งภูเขา น้ำ และต้นไม้รอบๆ ยอดเขาหยกน้อยแห่งนี้ ทุกอย่างล้วนดูสามัญยิ่ง ไร้สิ่งพิเศษใดควรให้เอ่ยถึง
ในการสร้างหอโอสถ หลี่ฉางโซ่วต้องเตรียมการต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกหอโอสถเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกค้นพบ ‘เคล็ดลับ’ บางอย่างยามเขากำลังหลอมโอสถและสกัดพิษ
นับแต่เริ่มต้นวิถีการฝึกบำเพ็ญเพียรของเขา หลี่ฉางโซ่วก็เข้าใจว่าการจงใจอำพรางของเขาจะไม่อาจปิดบังความก้าวหน้าที่แท้จริงจากการสังเกตของบรรดาปรมาจารย์เหล่านั้น และอาจดึงดูดความสนใจจากพวกเขาเป็นพิเศษ ซึ่งนั่นอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป
ทว่าในทางกลับกัน การไม่ได้รับความสนใจจากพวกเขาจะช่วยให้หลี่ฉางโซ่วไม่ต้องเผชิญกับสิ่งเลวร้ายอันใดอย่างไม่คาดคิด หรืออย่างน้อยที่สุดโอกาสที่จะเกิดขึ้นก็มีน้อยกว่ามาก
“หอโอสถไม่ควรอยู่ใกล้ที่พักมากเกินไป ไม่เช่นนั้นหากไอพิษรั่วไหล…” หลี่ฉางโซ่วพึมพำเบาๆ กับตัวเอง แล้วหยิบแผ่นหนังแกะหนาๆ ออกมาจากคลังเวทจัดเก็บที่เขาใช้สะสมตำรา
มีค่ายกลมากมาย แผนผังโครงสร้างและการจัดวางสิ่งต่างๆ วาดไว้บนหนังแกะแต่ละแผ่น นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มว่า จะมีการดัดแปลงแก้ไขมากมายหลายอย่างในแต่ละภาพ ดูเหมือนว่าหมึกบนหนังแกะที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาพวกมันเหล่านี้จะจางลงมากแล้ว…
…………………………………………………………………………………………………………………