ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 147.1 ข้ามีนัดกับเทพแห่งโชค (1)
ในแวบแรกนั้น สตรีที่กำลังยืนอยู่นอกวิหารดูเหมือนมนุษย์
นางสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนที่ทำด้วยผ้าหยาบ และรูปร่างของนางก็ค่อนข้างธรรมดา ไม่เหมือนกับผู้บำเพ็ญสตรีที่สง่างาม และปราศจากไขมันส่วนใหญ่
แต่ไม่ว่านางจะปิดบังอย่างไร…อักขระเต๋าลึกลับและคลุมเครือรอบกายนางก็ยังคงเปิดเผยตัวตนในฐานะปรมาจารย์ของนาง
นั่นเป็นตัวอย่างทั่วไปของการปลอมตัวตื้นๆ หรือบางทีก็อาจเป็นการปลอมตัวที่ฉลาดยิ่งกว่าที่หลอกให้ใครๆ คิดว่าพวกเขามองทะลุการปลอมตัวนั้น…
ก่อนหน้านี้ หลังจากที่หลี่ฉางโซ่วส่งท่านปรมาจารย์น้อยของเขาจากไป เขาบอกศิษย์น้องหญิงและอาจารย์ของเขาให้กลับไปที่ห้องลับใต้ดินและทำการปรับแต่งรากฐานค่ายกลต่อไป เขายังศึกษาวิธีการปรับปรุงพลังและทักษะเวทของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์
หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในวิหารเทพทะเล เขาจึงเพ่งจิตไปที่วิหารเล็กๆแห่งนี้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำนักเทพทะเลกำลังประสบปัญหาต่างๆ เนื่องจากหลี่ฉางโซ่วริเริ่มเข้าไปพัวพันกับกรรม ซึ่งเขาจะไม่บ่นเรื่องนี้…
เพราะมีคนคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังเขาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกไป
แต่สิ่งที่ทำให้หลี่ฉางโซ่วแปลกใจคือ พลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาไม่อาจทำให้รู้สึกได้ว่าเรื่องในครั้งนี้จะดีหรือไม่ เพราะไม่มีลางสังหรณ์หรือสัญญาณมงคลใดๆ
ดูเหมือนว่าจะมีทั้งเรื่องดีและไม่ดีเกิดขึ้นพร้อมกัน…เจตจำนงวิญญาณของหลี่ฉางโซ่วพุ่งไปที่วิหารเล็กๆ แห่งนี้ และพบ ‘สตรี’ ที่เดินไปมาอย่างไม่หยุดหย่อนนอกพระวิหารทันที และเมื่อสัมผัสอักขระเต๋าบนร่างของนาง เขาก็สรุปได้ว่านางไม่ใช่เซียนจินธรรมดาอย่างแน่นอน
สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือ สำนักบำเพ็ญประจิม ยิ่งไปกว่านั้น หากอีกฝ่ายกล้าที่จะปรากฏตัวออกมาตรงๆ ก็ไม่น่าจะเป็นอาวุธเฉียบคมที่สำนักบำเพ็ญประจิมจะเก็บเป็นความลับเอาไว้ เขาคิดว่านางน่าจะเป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงในสำนักบำเพ็ญประจิม
ยิ่งกว่านั้น ตามการคาดการณ์ของหลี่ฉางโซ่ว ในเวลานี้น่าจะมีปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญประจิมกำลังมองหาเขาและบอกเขาเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์มังกร…
หากนางเป็นศิษย์ของจอมปราชญ์สำนักบำเพ็ญประจิม แล้วจะเป็นใคร
เพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วจึงเรียกจิตใจของอ๋าวอี่
เพื่อป้องกันไม่ให้เผ่ามังกรสงสัยอะไรบางอย่าง หลี่ฉางโซ่วจะพาอ๋าวอี่ไปกับเขาทุกครั้งที่เขาพบใครก็ตามจากสำนักบำเพ็ญประจิม
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก คนผู้นี้เป็นใครหรือขอรับ”
อ๋าวอี่ถามโดยใช้เจตจำนงวิญญาณของเขา
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “แต่เป็นไปได้กว่าแปดในสิบส่วนว่าจะไม่ใช่คนจากดินแดนเทวะบูรพา ก่อนหน้านี้ มีปรมาจารย์คนหนึ่งที่สอนพลังและทักษะเวทให้ข้า ทำให้ข้าสร้างร่างจำแลงที่เรียบง่ายได้ วันนี้ ข้าจะใช้ร่างจำแลงของข้าพบนางเพื่อดูว่านางมีความสามารถเพียงใด พี่อี่ หากการจำแลงกายของข้าประสบเหตุร้าย เจ้าสามารถแจ้งปรมาจารย์ของเผ่ามังกรให้มาจัดการกับมันได้”
อ๋าวอี่ตกลงทันที “ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ระวังตัวด้วยขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วไม่ตอบ เขาค่อยๆ ถอนเจตจำนงวิญญาณครึ่งหนึ่งออกช้าๆ ราวกับสัมผัสได้ว่าเจตจำนงเทวะบนรูปปั้นเทพเจ้าหลักกำลังแผ่ออกไป ทันใดนั้น สตรีที่อยู่ด้านนอกก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและบุกเข้าไปในวิหารเทพทะเลทันที
นางเข้ามาอย่างรวดเร็วและดูกังวลเล็กน้อยขณะร้องตะโกนใส่รูปปั้นเทพด้วย ‘เสียงสตรีแหบห้าว’ “เทพแห่งท้องทะเล โปรดรอด้วย! ข้า…ข้ามีเรื่องจะถามท่าน!”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน
เซียนชั้นสูงผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ทำได้อย่างไร นางสามารถเปิดเผยข้อมูลมากมายได้ด้วยประโยคเดียว! นั่นไม่ถูกต้อง นี่ควรเป็น ‘กลวิธีย้อนกลับ’ นางจงใจสร้างช่องโหว่เพื่อทำให้ข้าระวังตัวน้อยลง…
ต้องบอกว่าสหายเต๋าผู้นี้หมิ่นข้าเกินไป
สตรีผู้นี้ไม่มีที่มาแต่มีอักขระเต๋าที่น่าสะพรึงกลัวนั้น เป็นเพียงคนที่ปลอมตัวได้แย่ หรือไม่ก็เป็นคนวางแผนร้ายลึกล้ำ! ตามหลักการของหลี่ฉางโซ่วแล้ว เขาจะให้ความสำคัญกับกรณีที่เลวร้ายมากที่สุดก่อนเสมอ
นางน่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ยากจะโค่นลงได้ หลี่ฉางโซ่วตัดสินใจ เขาเก็บเจตจำนงวิญญาณของเขาเอาไว้ในรูปปั้น จากนั้นเขาก็ให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ซึ่งเขายืนยันแล้วว่าจะให้เป็นเทพแห่งท้องทะเลในอนาคต รีบพุ่งไปบนก้อนเมฆใกล้เมืองอันสุ่ย
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เป็นชายชราร่างผอมบางและดูใจดีมีเมตตาซึ่งมักพบกับท่านแม่ทัพตงมู่ ในขณะนั้น สตรีน้อยก็รีบเดินไปที่รูปปั้นเทพเจ้าหลัก แล้วคนที่รับผิดชอบในการจุดธูปในวิหารและผู้แสวงบุญที่มาเยี่ยมเยียนหลายคนในวิหารต่างก็มองนางด้วยความสงสัย…
สายตาจับจ้องของมนุษย์ที่อยู่รอบตัวนางทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ
ช่างลำบากจริงๆ เมื่อจะวอนขอใครสักคน!
นางถอนหายใจในใจพลางขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปที่รูปปั้นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลในขณะที่นางจับมือวางท่าทีเหมาะสมและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
รูปปั้นหยกที่อยู่ข้างๆ นางดูคุ้นเคย แต่ก่อนที่นางจะมาถึงที่นี่ นางได้ถามคนรอบๆ และรู้ว่านี่เป็นแค่ผู้พิทักษ์ แต่นางจะต้องตามหาเจ้าของที่แท้จริงของรูปปั้นเทพเจ้าหลักให้ได้!
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดนางก็เปิดปากและถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจว่า “เอาละ เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ช่วยเผยตัวหน่อยได้หรือไม่” ทันใดนั้น เหล่าสานุศิษย์ที่อยู่ข้างๆ นางก็หัวเราะออกมา
ในขณะนั้นอ๋าวอี่ซึ่งแอบดูอยู่ก็รู้สึกเอนเอียงว่า สตรีสาวผู้นี้น่าจะมาจากสำนักบำเพ็ญประจิม
หากเป็นอ๋าวอี่คนเดิมที่เพิ่งไปฝึกฝนที่เกาะเต่าทอง ในเวลานี้ เขาก็คงจะส่งเสียงดัง จนก่อความโกลาหลขึ้นแล้ว เขาย่อมจะไม่กลัวสิ่งใดๆ เลย
แต่บัดนี้ อ๋าวอี่ไม่ใช่คนใจร้อนระห่ำอีกต่อไปแล้ว
เขาได้เรียนรู้ที่จะวิเคราะห์เหตุและผล เรียนรู้การวิเคราะห์สถานการณ์ เรียนรู้ที่จะแอบซ่อนและคอยสังเกตอย่างลับๆ…
ในขณะนั้น คนชราที่ดูแลการจุดธูปในวิหารสวมชุดยาวสีน้ำเงิน เขาเดินไปข้างหน้าและประสานมือคารวะให้สตรีผู้นั้น ก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า “แม่นาง โปรดสุภาพเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านเทพแห่งท้องทะเลด้วยเถิด หากท่านอยากเชิญท่านเทพแห่งท้องทะเลมาปรากฏตัว อย่างน้อยก็ต้องถวายเครื่องสักการะและคุกเข่าต่อหน้าท่านเทพแห่งท้องทะเล ซึ่งท่านอาจไปปรากฏในความฝันของท่านจริงๆ”
สตรีผู้นั้นพลันขมวดคิ้วและถามว่า “ข้าจะทำเช่นนั้นได้หรืออย่างไร”
ชายชราที่ดูแลการจุดธูปในวิหารขมวดคิ้วและถามกลับว่า “เหตุใดจะไม่ได้เล่า”
“ช่างเถิด ช่างเถิด ข้าจะไม่ถามอีกต่อไป เหตุใดข้าต้องลดตัวลงมาถึงระดับเดียวกับเจ้าที่เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาด้วย” หญิงสาวโบกมือขณะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นจึงหันกลับแล้วเดินไปที่ประตูวิหารด้วยฝีเท้าเบาราวกับมังกรจริงๆ! อ๋าวอี่แอบเลิกคิ้วอย่างลับๆ แล้วทันใดนั้นเขาก็ได้ตระหนักถึงร่องรอยของอักขระเต๋าที่ผู้หญิงคนนั้นลืมปิดบังร่องรอยเอาไว้…
พวกเขาค่อนข้างคุ้นเคย
ในขณะนั้นเอง ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ซึ่งบินไปที่นั่นแล้ว ได้มองดูสตรีที่อยู่ด้านล่างและส่งเสียงกล่าวออกมาว่า
“สหายเต๋า เจ้ากำลังมองหาข้าอยู่หรือ” เมื่อหลี่ฉางโซ่วเห็นว่านางกำลังจะจากไป ปฏิกิริยาแรกของเขาคือปล่อยนางไปซึ่งจะหลีกเลี่ยงปัญหาได้ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ในเมื่ออีกฝ่ายปรากฏตัวแล้ว นางต้องมีแรงจูงใจ หากปล่อยนางไป เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน…
ดังนั้นเขาจึงขอให้นางอยู่ทันที
สตรีผู้ที่อยู่เบื้องล่างเงยหน้าขึ้นมอง และคิดว่าชายชราที่อยู่เหนือศีรษะนางแค่กำลังเดินผ่านก้อนเมฆ แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้น นางก็จับจ้องมองเขา
จำแลงกายหรือ
นางมองซ้ายขวาและขณะที่กำลังจะเอ่ยออกมา ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ด้านบนก็ร่อนร่างลงมาอยู่บนพื้นแล้ว
ผู้แสวงบุญสองสามคนมองไปข้างหน้าด้วยความประหลาดใจ และเมื่อเห็นเทพเจ้าที่แท้จริง พวกเขาก็ล้วนตะลึงงัน
หลี่ฉางโซ่วหยิบแผ่นไม้จากแขนเสื้อออกมาและเผยให้คนชราที่รับผิดชอบในการจุดธูปในวิหารในวิหารได้เห็นจนคนชราตื่นตกใจ
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์และกล่าวว่า “ออกไปรอข้างนอกวิหารก่อนเถิดและปิดประตูวิหารด้วย”
“ผู้น้อยรับบัญชาขอรับ!”
คนชราที่ดูแลการการจุดธูปในวิหารก้มศีรษะลงและทำตามที่เขาพูด พร้อมกับเชิญผู้แสวงบุญให้ออกไปด้วย จากนั้นเขาก็ปิดประตูไม้ ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็โบกมือเพื่อสร้างม่านพลังสกัดกั้นก่อนจะหันกลับมาและโค้งคำนับให้ ‘ผู้หญิง’ แปลกประหลาดผู้นี้
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ทำให้สหายเต๋าต้องขบขันแล้ว ไปคุยกันที่ห้องโถงเถิด”
ผู้หญิงคนนั้นไพล่มือไว้ข้างหลังแล้วเชิดหน้าขึ้นทันทีก่อนจะเอ่ยด้วย ‘สำเนียง’ ตามนิสัยของนาง
แต่แล้ว ‘นาง’ ก็ตระหนักว่าสถานะยามนี้ของนางไม่เหมาะสม และจู่ๆ นางก็ไม่รู้ว่าจะวางมือของนางไว้อย่างไรดี ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ไม่กล้าชะล่าใจ เขาตื่นตัวขึ้นอย่างลับๆ และเข้าไปในห้องโถงกับสตรีผู้นั้น และจงใจพูดคุยกับนางต่อหน้าอ๋าวอี่ ใต้รูปปั้นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล