ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 119.1 การแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่เริ่มขึ้น สองเจ้าสำนักสนับสนุน (1)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 119.1 การแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่เริ่มขึ้น สองเจ้าสำนักสนับสนุน (1)
ขณะที่เขาใกล้จะเข้าต่อสู้กับศิษย์คนอื่นๆ ในการแข่งขันภายในสำนักที่กำลังมาถึงแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็สัมผัสได้ชัดเจนว่ามีความลำเอียงที่แฝงเร้นอยู่ในสำนัก
“ผู้อาวุโสเก่อ ท่านมีโอสถปรารถนาเพิ่มเติมหรือไม่”
“เฮ้อ เสี่ยวอู ให้โอสถแก่ข้ามาสามเม็ดเท่านั้น ใช้แล้วรู้สึกว่าดีจริงๆ ราวกับว่าข้าได้พบความรู้สึกหัวใจสั่นสะท้านเต้นรัวแรงนับตั้งแต่ตอนนั้น…” “มันดีจริงๆ เราเคยลองใช้โอสถวิญญาณและโอสถทิพย์มาก่อนแล้ว แต่มีเพียงโอสถปรารถนาอย่างเดียวเท่านั้นที่ทำให้หัวใจเต๋าของเราเต้นแรงขึ้นมาได้อีกครั้ง” “ใช่ ใช่ มันมีสมุนไพรที่หายากมากอยู่ในนั้น ข้าคิดเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจมันเลย”
“ต้องบอกว่าศิษย์หนุ่มน้อยที่หลอมโอสถเม็ดนี้ขึ้นมาได้เป็นอัจฉริยะจริงๆ…”
“เราต้องให้ศิษย์อย่างเขาอยู่ในสำนักและตั้งใจมุ่งมั่นดูแลเขาให้ดี…”
นั่นคือการสนทนาระหว่างผู้อาวุโสเซียนเทียนสองคนบนเมฆ ซึ่งหลี่ฉางโซ่วจับมันได้โดยบังเอิญด้วยเวทวายุวัจน์
สมุนไพรที่พวกเขาคิดไม่ออกนั้น น่าจะเป็นหินแห่งความรักที่ ‘แปลกประหลาด’ มากกว่า…
เดิมที หลี่ฉางโซ่วต้องการเพียงแค่ปล่อยสูตรยา แล้วเรื่องนี้ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับเขามากนัก
อย่างไรก็ตาม โอสถปรารถนานี้ไม่เพียงแต่จะใช้เพื่อปลุกกำหนัดของผู้บำเพ็ญให้ลุกโชนขึ้นเท่านั้น หากมีผู้ใดใช้มันทำชั่ว เขาก็ต้องแบกรับกรรมชั่วนั้นด้วยเช่นกัน
โอสถนี้แตกต่างจากสุรามังกรพิษ
สุรามังกรพิษจะเติมเต็มพลังต้นกำเนิดบรรพกาลและพลังหยางของร่างเต๋า มันจะใช้ปฏิกิริยาของร่างเต๋า เพื่อส่งผลต่อการกระทำของคน
แต่โอสถปรารถนาจะส่งผลโดยตรงต่อสภาวะจิตใจ
ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำคือควบคุมการใช้เม็ดโอสถเหล่านั้นผ่านอาจารย์ลุงจิ่วอู
วิธีการหลอมโอสถปรารถนานั้นไม่ซับซ้อน ข้อกำหนดในการหลอมไม่สูงเกินไป ส่วนที่ยากนั้นอยู่ที่การได้ ‘หินแห่งความรัก’
และด้วยวิธีเช่นนี้ จึงไม่ทำให้รู้สึกสงสัยในขอบเขตพลังของหลี่ฉางโซ่ว
อย่างมากที่สุด คนอื่นๆ ก็จะเพียงแค่ประหลาดใจกับความฉลาดของเขาและคิดว่าเขาเก่งกาจในการสร้างค่ายกลและการหลอมโอสถเท่านั้น
เดิมที ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนก่อนที่จะมีการแข่งขันของสำนัก ซึ่งหลี่ฉางโซ่วควรเตรียมพร้อมต่อสู้กับเหล่าสหายศิษย์ร่วมสำนักของเขาในฐานะศิษย์รุ่นเยาว์เช่นกัน
แม้จะไร้ประโยชน์ แต่ก็สมเหตุผล
ทว่าบัดนี้…
“แข่งขันหรือ เพื่ออันใดกันเล่า เจ้าจะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการแข่งขันหรือจากการหลอมโอสถปรารถนาหรือไม่ ฉางโซ่ว เจ้าไม่ได้ขายโอสถ เจ้ากำลังมีช่วยเสริมสร้างความปรองดองและความมั่นคงให้กับสำนักอย่างโดดเด่นยิ่ง! เจ้าต้องการหนอนกู่พิษรักอีกหรือไม่ ข้าจะได้ไปหาให้เจ้าอีกสักหนึ่งร้อยแปดสิบคู่ เจ้ารอได้เลย!”
กล่าวจบ อาจารย์ลุงจิ่วอูก็รีบออกจากสำนักตู้เซียน แล้วพุ่งปรี่ไปที่เมืองฟางเพื่อค้นหาหนอนกู่พิษรักทันที
หลี่ฉางโซ่วยังเตือนเขาว่า โอสถปรารถนาเป็นความลับของยอดเขาหยกน้อยและห้ามแพร่งพรายเรื่องของหนอนกู่พิษรักและหินแห่งความรักด้วย ซึ่งจิ่วอูย่อมรับปากอย่างแน่นอน
และด้วยกฎห้ามต่างๆ ของคำปฏิญญาต้าเต๋า จิ่วอูย่อมจะไม่เสี่ยงเล่นบ้าๆ และวางชีวิตที่เหลืออยู่ไปตามครรลองตลอดชีวิต
หลังจากที่จิ่วอูออกไปได้หกวัน เขาก็ได้หนอนกู่พิษรักมาสามคู่และแอบมอบให้หลี่ฉางโซ่วอย่างลับๆ
หลี่ฉางโซ่วก็รับมาอย่างเปิดเผยทันทีเช่นกัน
ต่อหน้าจิ่วอู หลี่ฉางโซ่วได้ป้อนหนอนกู่พิษรักด้วยสมุนไพรพิษกู่หลิงที่ทำให้วิญญาณแข็งตัวและเปลี่ยนเป็นหินแห่งความรัก จากนั้นเขาก็ผลิตน้ำยาลับที่จำเป็นสำหรับการหลอมโอสถปรารถนาและปิดผนึกมันเอาไว้ในหอโอสถ…
แต่จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยเจ็ดสิบเก้าวันก่อนจะสามารถหลอมโอสถปรารถนาชุดต่อไปขึ้นมาได้
เนื่องจากตอนนี้เขามีหินแห่งความรักก้อนใหม่แล้ว หลี่ฉางโซ่วจึงเอาหินสองในสาม…ของที่คงเหลืออยู่ในคลังของเขาออกมา
เขาต้องเก็บเอาไว้ใช้เองเผื่อต้องการยามฉุกเฉิน “ท่านลุง ข้ามีความคิดหนึ่งขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ กล่าวช้าๆ ว่า “จากนี้ไป ข้าอยากขอให้ท่านลุงโปรดดูแลโอสถปรารถนาเหล่านี้ให้มากขึ้นขอรับ ท่านต้องบันทึกว่าโอสถทุกเม็ดส่งออกไปให้ที่ใด แม้เหล่าผู้อาวุโสจะนำพวกมันไปใช้ในบริเวณรอบๆ หรือมอบมันเป็นของขวัญ ท่านต้องถามว่าจะนำโอสถไปที่ใด โอสถนี้สามารถใช้กระตุ้นหัวใจเต๋าได้และยังสามารถนำไปใช้ในทางที่ชั่วร้ายได้อีกด้วย ดังนั้นจึงควรระมัดระวัง แต่ข้าจะให้ท่านลุงทำงานโดยไม่ได้อะไรเลยก็ย่อมไม่เหมาะเช่นกัน เช่นนั้น เรามาแบ่งผลประโยชน์จากเหล่าผู้อาวุโสอย่างเท่าเทียมกัน ห้าสิบ ห้าสิบ ท่านลุงคิดเห็นเช่นไรขอรับ”
จิ่วอูยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าระมัดระวังยิ่ง ไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าถึงต้องกลัวเช่นนี้! แต่อย่าแบ่งครึ่งเช่นนี้เลย จะไม่ยุติธรรมกับเจ้า”
ทว่าหลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ศิษย์ต้องเตรียมโอสถปรารถนาขณะที่ท่านลุงก็รับหน้าที่แจกจ่ายให้กับเหล่าผู้อาวุโส ท่านอาจารย์ลุง ทั้งสองส่วนนี้ล้วนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน และราคาของโอสถเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับหนอนกู่พิษรักด้วย ท่านลุงยังได้จัดหาวัสดุล้ำค่าสำหรับการหลอมโอสถนี้มาให้อีกด้วยนะขอรับ”
“อย่างที่ท่านกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ท่านอาจารย์ลุง เราไม่ได้ขายโอสถ แต่เรากำลังทำประโยชน์ให้ผู้อื่น ดังนั้นจึงมีเหตุผลที่จะแบ่งรางวัลจากเหล่าผู้อาวุโสอย่างเท่าเทียมกันในระหว่างเรา ท่านอาจารย์ลุง โปรดอย่าได้เกรงใจกับข้าเลยขอรับ”
นี่… จิ่วอูคิดในใจ ทว่าเมื่อเห็นสายตาจริงใจของหลี่ฉางโซ่ว เขาจึงพยักหน้าตกลงตามนั้น
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็เตือนจิ่วอูว่าไม่ต้องเอ่ยอะไรถึงเขาและยัง ‘เสนอ’ ให้สำเนาสูตรโอสถกับจิ่วอูอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม จิ่วอูก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อได้รับการปฏิบัติดูแลเป็นอย่างดีจากศิษย์หลาน
ทว่า…เขา ‘ผู้จัดจำหน่ายหลักของโอสถปรารถนา’ แห่งสำนักตู้เซียน ก็รู้สึกประทับใจอย่างยิ่งเช่นกัน
และดังนั้น จิ่วอูจึง ‘จำหน่าย’ โอสถอีกชุดและกระจายออกไปอยู่ในมือของเหล่าผู้อาวุโสที่มีคู่บำเพ็ญเต๋า
จนก่อให้เกิดปรากฏการณ์ผิดปกติไปเล็กน้อย
และสองสามวันหลังจากนั้น การแข่งขันภายในสำนักก็เริ่มต้นขึ้น เหล่าผู้อาวุโสเซียนเทียนและผู้อาวุโสเซียนเสิ่นส่วนใหญ่ที่รับผิดชอบกิจการภายนอกต่างไปรวมตัวกันบนเมฆบนท้องฟ้า
น่าจะเป็นเหล่านักพรตเต๋าชราเส้นผมหงอกขาวทว่าใบหน้าอ่อนเยาว์ จำนวนมากกว่าร้อยคนซึ่งแผ่กลิ่นอายเซียนออกไปทั่วบรรยากาศ
ทว่าบรรดาคนที่ปรากฏตัวออกมาล้วนเป็นกลุ่มของเซียนบุรุษวัยกลางคน และเซียนสตรีสาวสวยและอ่อนโยน…
และในขณะที่บรรดาศิษย์เบิกตากว้างขึ้น แม้กระทั่งเจ้าสำนักตู้เซียนที่ปรากฏกายขึ้นในเวลาต่อมาก็ยังเกือบจะคิดว่าเขามาผิดสำนักแล้วด้วยซ้ำ
ครึ่งวันก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
ในที่สุด ฉีหยวนเฒ่าก็เดินออกจากกระท่อมมุงจาก และมองไปที่ศิษย์รักสองคนของเขาซึ่งกำลังจะออกไปเข้าแข่งขัน ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกสะเทือนอารมณ์
เขาเฝ้าดูศิษย์สองคนของเขาเติบโตขึ้นมาอย่างช้าๆ และกำลังจะส่งพวกเขาไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์เพื่อ ‘ทดสอบ’ ทันใดนั้น หัวใจของฉีหยวนก็สั่นไหวเล็กน้อยเช่นกัน ทว่าเมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ ฉีหยวนก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ศิษย์คนโตของเขา หลี่ฉางโซ่วก็ดูเหมือนเดิมตามปกติ เขาสวมชุดคลุมยาวธรรมดาและมีรัศมีไม่ค่อยโดดเด่น ซึ่งทำให้ผู้คนเพิกเฉยต่อเขาในแวบแรกทันที
ทว่าศิษย์น้องหญิงน้อยของเขา หลิงเอ๋อร์ กลับดูแตกต่างไปจากเดิมในวันนั้น
นางสวมชุดสีเหลืองอบอุ่น สวมชุดกระโปรงยาวรูปแบบธรรมดาทว่าดูละเอียดประณีตเหนือสามัญ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น มีแสงเซียนเปล่งประกายบางเบาล้อมรอบอยู่ ดูประหนึ่งสมบัติอมตะ
นอกจากชุดกระโปรงยาวแล้ว ยังมีปิ่นปักผมสีแดงบนศีรษะของหลิงเอ๋อร์ สร้อยข้อมือบนแขนราวหยกของนาง กระบี่สั้นในมือของนาง และต่างหูคู่หนึ่งที่ติ่งหูของนาง พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นสมบัติอมตะที่มีแสงเซียน…เพื่อให้ศิษย์น้องหญิงของเขาได้รับตำแหน่งที่ดี หลี่ฉางโซ่วได้ติดอาวุธให้นางด้วยสมบัติอมตะ ยิ่งไปกว่านี้ สมบัติอมตะเหล่านั้นล้วนเป็นของขวัญจากเหล่าผู้อาวุโสในสำนัก ซึ่งอาจารย์ลุงจิ่วอู เป็นผู้นำมามอบให้พวกเขา
แม้เรื่องนั้นจะไม่ควรได้รับการเผยแพร่ออกไป แต่เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่แปลกใจกับว่าเหตุใดยอดเขาหยกน้อยจึงมีสมบัติล้ำค่ามากมาย
“ฉางโซ่ว” ฉีหยวนมองหลี่ฉางโซ่วและเอ่ยถามเสียงเบาอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้าได้ทำสิ่งใดที่ผิดต่อมโนธรรมของเจ้าหรือไม่”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกขึ้นมาทันทีขณะจะยื่นถุงเก็บสมบัติไปให้ท่านอาจารย์ของเขา
“ท่านอาจารย์ขอรับ โปรดเก็บสมบัติเหล่านี้เอาไว้ป้องกันตัวของท่านอาจารย์เถิดขอรับ ท่านอาจารย์โปรดวางใจ สมบัติเหล่านี้ล้วนได้รับเป็นรางวัลมาจากเหล่าผู้อาวุโสขอรับ”