ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 116.2 เอาคืนด้วยวิธีเดียวกันเป็นสองเท่า (2)
แต่ก่อนที่เขาจะหันหลังหนีกลับไปได้มากกว่าสิบจั้ง สายตาของเขาก็มืดลงอย่างกะทันหัน แล้วล้มลงไปกับพื้น…
บัดนี้ ปราณวิญญาณของเขาสับสนและจิตใจของเขาก็ฟุ้งซ่านในทันใด
อย่างไรก็ตาม ไขว่ซือตัวปลอมก็บินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วขณะที่ถือกระสวยบินด้วยมือข้างหนึ่งและอีกมือหนึ่งก็คว้านักพรตเต๋าไขว่ซือ แล้วชั่วพริบตานั้น ก็ผนึกขอบเขตพลังของไขว่ซือทันที
จากนั้นไขว่ซือตัวปลอมก็รีบเข้าไปในป่าเบื้องล่างและใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่อหายตัวไปอย่างฉับพลัน
และขั้นตอนแรก…ก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
แม้จะเป็นเพียงการวางแผนทำร้ายเซียนเสิ่นเท่านั้น แต่เขาก็ยังให้ความสนใจกับทักษะการแสดงและบทของเขา เขาคาดการณ์ปฏิกิริยาของอีกฝ่าย หลังจากนั้นก็ใช้ทักษะการวางยาพิษที่สมบูรณ์แบบ…
ครู่ต่อมา…
ในส่วนที่ลึกที่สุดของหุบเขาที่แห้งแล้งซึ่งปกคลุมไปด้วยค่ายกล ห่างจากเมืองฟางไปสองพันห้าร้อยลี้
บัดนั้น ปราณวิญญาณของไขว่ซือได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส…
เมื่อนักพรตเต๋าไขว่ซือตื่นขึ้นจากการหลับใหล เขาก็รู้สึกเหมือนเขาประสบกับฝันร้ายที่น่าสะพรึงกลัว
ในความฝันนั้น เหตุการณ์ต่างๆ พลันปรากฏขึ้นทีละภาพ ราวกับว่ามีคนกำลังค้นหาความทรงจำของเขา
แต่ในความเป็นจริง มันเพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยามนับตั้งแต่ตอนที่เขาเป็นลมหมดสติไปจนถึงขณะนี้ มีคนกระทำการค้นหาวิญญาณกับเขาจริงๆ
เพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วต้องยืนยันให้แน่ใจก่อนว่า ไขว่ซือผู้นี้ได้ทำร้ายท่านอาจารย์ของเขาจริงๆ หรือไม่
แม้การค้นหาวิญญาณจะท้าทายสวรรค์ หลี่ฉางโซ่วก็ไม่สนและเคยเห็นมันในม้วนตำราโบราณ
การค้นหาวิญญาณของไขว่ซือยังดีกว่าฆ่าเขาตายโดยไม่ตั้งใจ
ทว่าสิ่งต่างๆ ผิดไปหลังจากที่เขาเริ่มค้นหา…
หลี่ฉางโซ่วเป็นบุรุษหนุ่มซึ่งได้รับการขัดเกลา อ่อนโยน ประณีต สง่างาม และมีมารยาทของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน แต่เขาเกือบสังหารไขว่ซือผู้นี้ให้กลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว!
แม้ว่าสำนักตู้เซียนจะเป็นเพียงสำนักเซียนระดับกลาง แต่ก็มีศิษย์ค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันได้ว่า ย่อมต้องมีขยะปะปนอยู่บ้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…
หลี่ฉางโซ่วปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวดของเขามาโดยตลอดในการเริ่มต้นและสิ้นสุดการต่อสู้อย่างรวดเร็วและหลบหนีทันทีที่เขาโจมตี
แต่คราวนี้ เนื่องจากเขาตั้งค่ายกลแยกตัวเอาไว้ล่วงหน้าในขณะที่ต้องทิ้ง ‘หลักฐาน’ บางอย่างเอาไว้เบื้องหลังและมอบประสบการณ์เลวร้ายแก่ศัตรู จึงต้องใช้เวลานานขึ้น
ในขณะนั้น นักพรตเต๋าไขว่ซือก็ตื่นขึ้นและตรวจสอบภายในตัวเองเสร็จสิ้นแล้ว…
“ไม่…ปราณวิญญาณของข้า…” นักพรตเต๋าไขว่ซือตะโกนอย่างอ่อนแรง
นักพรตเต๋าไขว่ซือร้องตะโกนเบาๆ ใบหน้าของวัยกลางคนที่ยังคงเค้าโครงคมชัดดูซีดเซียว ในตอนแรกดวงตาของเขายังคงมึนงง แต่หลังจากนั้นก็ตื่นตระหนกฉับพลัน
ปราณวิญญาณของเขาเสื่อมถอยลงไปแล้ว!
เขาไม่รู้ว่ากำลังเกิดอันใดขึ้น แต่ปราณวิญญาณของเขาตกลงสู่ยังขอบเขตพลังก่อนหน้า ในเวลานี้ เขาตัวขดงอ อ่อนกำลังและมีพลังเซียนเหลืออยู่ในร่างของเขาไม่มากนัก
ตะปูยาวเก้าตัวบนร่างของตัวถูกตอกเข้าไปในร่างเต๋าของเขา ปิดผนึกเก้าทวารซึ่งเป็นจุดสำคัญเก้าจุดของเขา เช่น ปิดผนึกจุดสือฝู่ กะบังลม จุดเสวียนเฉียว ช่องท้องส่วนล่าง และจุดเทียนหลิง กะโหลกศีรษะ และส่วนสำคัญอื่นๆ ของร่างกายของเขา ซึ่งนั่นเป็นที่มาของความเจ็บปวดอย่างรุนแรงของเขาเช่นกัน …
ไม่เพียงเท่านั้น แต่การกระจุกของเส้นชีพจรปฐพีได้บุกรุกร่างเซียนของเขาและทำให้แสงเซียนของเขาเสียหายไป และดอกเต๋าสามดอกที่ยังไม่เบ่งบานในอนาคตก็เหี่ยวเฉาไปเสียแล้ว…
ในขณะนั้น นักพรตเต๋าไขว่ซือรู้ชัดเจนว่าเขาถูกผู้อื่น ทำลายฐานพลังของเขา
รากฐานเต๋าของเขาถูกทำลายลงจนหมดสิ้น!
ดวงตาของนักพรตเต๋าไขว่ซือเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในขณะที่เขาสบถก่นด่าดังลั่น “ผู้ใดกัน!! เป็นผู้ใดกัน!! เหตุใดจึงชั่วร้ายได้ถึงเพียงนี้!!”
จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินตรงหน้าเขา คนผู้นี้แต่งกายด้วยชุดดำและมีใบหน้ายาว แผ่พลังชั่วร้ายออกมาพร้อมกับยิ้มเย็นชาให้กับนักพรตเต๋าไขว่ซือ
ทันใดนั้น นักพรตเต๋าไขว่ซือพลันตะลึงงันอย่างเห็นได้ชัด เขาจำร่างนั้นได้และสบถออกมาในทันที “เป็นเจ้าจริงๆ! ในเมื่อเจ้าได้ศิลาวิญญาณและวัตถุอันล้ำค่าของข้าไปแล้ว เหตุใดเจ้าถึงกลับคำและทำร้ายข้าเช่นนี้!!”
คนผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากปีศาจตะขาบที่หลี่ฉางโซ่วและจิ่วอูทำลายล้างในสำนักโคมเขียวในวันนั้น
ในขณะนั้น แน่นอนว่า นั่นคือตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่หลี่ฉางโซ่วปลอมตัวให้เป็นปีศาจตะขาบ
เพราะเขาไม่เคยได้ยินปีศาจตะขาบพูดมาก่อน ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วจึงทำได้เพียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “อีกฝ่ายให้อะไรข้ามากกว่านี้อีกมาก”
“ข้าไม่ควรเชื่อเจ้า! เขาเป็นเพียงเซียนจั๋ว แล้วเขาให้สิ่งใดกับเจ้าได้!”
ทันใดนั้น นักพรตเต๋าไขว่ซือก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขาไม่เคยเปิดเผยใบหน้าให้ปีศาจตะขาบเห็นมาก่อน…
ตูม! ตูม!
มีเสียงฟ้าร้องเบาๆ ดังขึ้นเหนือศีรษะของเขา และชั่วขณะนั้น นักพรตเต๋าไขว่ซือเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำอย่างหนาแน่นจนมืดมิดไปแล้ว
ในขณะนั้น ใบหน้าของนักพรตเต๋าพลันซีดเซียวยิ่งขึ้น …
เมฆดำถูกกดลงลอยต่ำและมีจุดกำเนิดสายฟ้าเปล่งแสงอยู่เหนือมัน และบนนั้น มีพลังวิญญาณรวมบรรจบกันอยู่รอบๆ พวกมันตลอดเวลา เฉกเช่นเดียวกันกับที่จุดกำเนิดสายฟ้าเหล่านั้น
บัดนี้ บนพื้นหญ้าที่อยู่ไม่ไกล มีมือใหญ่ยื่นออกไปเก็บผลึกบันทึกเหตุการณ์ซึ่งเคยวางไว้ที่นั่นเมื่อก่อนหน้านี้
ผลึกบันทึกเหตุการณ์มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องเอะอะใหญ่โตขึ้น เขาไม่ต้องการกระตุ้นเหล่าปรมาจารย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และทำให้พวกเขาคาดเดาและสรุปเรื่องนี้
แม้โอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นต่ำมาก แต่เขาก็ยังต้องพิจารณาอย่างรอบคอบด้วย
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ปลอมตัวเป็นปีศาจตะขาบเยาะเย้ยขณะค่อยๆ ถอยหลังไปสองก้าว และสีหน้าของมันก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป มันยกมือขึ้นและบีบใบหน้าครู่หนึ่ง แล้วกลายเป็นร่างจำแลงของนักพรตเต๋าไขว่ซือต่อหน้านักพรตเต๋าไขว่ซือตัวจริงอย่างกะทันหัน
ทันใดนั้น นักพรตเต๋าไขว่ซือก็คำรามลั่นเกรี้ยวกราดออกมาทันที “เจ้า!”
“มองดูข้างบนสิ” ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า
ภายในค่ายกล นักพรตเต๋าไขว่ซือเงยหน้าขึ้นมองในขณะที่เมฆดำบนท้องฟ้าพลันเปล่งแสง และสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนก็ก็ปะทุขึ้นมาในทันใด แล้วก่อตัวเป็นเสาสายฟ้าบนท้องฟ้า!
มันดูราวกับว่าประตูแม่น้ำสวรรค์ถูกเปิดออกและมีทะเลสายฟ้าพลุ่งพล่านไปทั่ว
ในขณะนั้น สายฟ้าแลบแปลบปลาบและเข้าปกคลุมร่างของนักพรตเต๋าไขว่ซือที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น…ค่ายกลสามสายฟ้าพิฆาตสวรรค์!
นี่คือ หนึ่งในค่ายกลที่ทรงพลังแข็งแกร่งที่สุดซึ่งหลี่ฉางโซ่วจัดวางเอาไว้ นอกจากนี้มันยังใกล้เคียงกับทัณฑ์สวรรค์บรรลุเซียน
เขาได้ปรับแต่งฐานค่ายกลและจานเวทค่ายกลแล้ว ก่อนจะจัดวางพวกมันเอาไว้ที่นี่อย่างรวดเร็วและใช้ค่ายกลรวมวิญญาณขนาดเล็กสองสามค่ายกลเพื่อรวบรวมพลังวิญญาณได้อย่างรวดเร็ว
ในค่ายกลนี้มีคลื่นพลังสายฟ้าสามสาย
เมื่อลำแสงแห่งสายฟ้าสายแรกฟาดลงมา นักพรตเต๋าไขว่ซือก็ไม่มีพลังเซียนใดๆ ที่จะต้านทานมันได้ และฉับพลันนั้น ร่างเซียนของเขาพลันถูกผ่าระเบิดออก และปราณวิญญาณของเขาก็ถูกฉีกแยกออกจากกันเป็นชิ้นๆ และเกิดหลุมขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ในพื้นดิน
ในขณะที่เขายังคงหายใจอยู่ หลี่ฉางโซ่วก็กระตุ้นคลื่นพลังสายฟ้าสายที่สองและปล่อยมันออกมา และทันใดนั้น ลำแสงสายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้งแล้ว…
ขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วรู้สึกว่า ช่างน่าเสียดายที่มันไม่ใช่ทัณฑ์สวรรค์บรรลุเซียนที่แท้จริง จึงไม่มีทัณฑ์สวรรค์ที่สามารถเปลี่ยนผู้บำเพ็ญให้กลายเป็นเถ้าธุลีได้ในได้ทันที
และหลังจากคลื่นพลังสายฟ้าสายที่สามฟาดลงไป ร่างของนักพรตเต๋าไขว่ซือก็เหลือเพียงครึ่งหนึ่งของร่างกายที่ไหม้เกรียมซึ่งถูกตัดขาดไปแล้ว
หลี่ฉางโซ่วให้ความสนใจกับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ในขณะนั้นเขาอยู่ข้างหน้าศพของนักพรตเต๋าไขว่ซือแล้ว และคิดในใจว่ารากฐานเต๋าถูกทำลายเพื่อต้านทานสายฟ้าฟาด
“เจ้าควรจะได้สัมผัสและเข้าใจความรู้สึกเช่นนั้นใช่หรือไม่”
หลังจากนั้น ตุ๊กตากระดาษก็หันศีรษะและกระโดดออกมาพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อ ก่อนจะทำความสะอาดส่วนที่เหลือของค่ายกลอย่างรวดเร็ว
แล้วไข่มุกสะกดวิญญาณอีกสามเม็ดก็ถูกโยนออกไปและดูดซับวิญญาณที่เหลืออยู่อย่างบ้าคลั่ง
ทว่าคราวนี้ไม่มีขั้นตอนของการท่องพระสูตรเพื่อการชำระล้างบาป
หลี่ฉางโซ่วจะไม่ปล่อยโอกาสให้คนผู้นี้กลับชาติมาเกิด
และเพื่อเป็นการเอาคืน หลี่ฉางโซ่วจึงใช้เพลิงสมาธิแท้เผาผลาญเขาหนึ่งครั้งก่อนแล้วจึงตามด้วยเพลิงภูตวิญญาณเย็น
แต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็นกังวล จึงปล่อยหนอนพิษกลืนวิญญาณสองตัวให้อยู่ใกล้กองขี้เถ้าบนพื้นชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากนั้นเขาก็ใช้เพลิงสมาธิแท้เพื่อจุดไฟหนอนมีพิษ…แล้วหลี่ฉางโซ่วก็ปล่อยขี้เถ้าให้ปลิวลงไปบนพื้นในขณะที่ดวงตาของเขาเผยแววโล่งใจ บัดนี้ เขารู้สึกโล่งใจผ่อนคลายมากขึ้น และดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา
แต่คราวนี้เขาทำได้เพียงไม่รับจิตอริยะ เพราะเขายังมีอีกหลายเรื่องต้องจัดการ…
มันง่ายที่จะกำจัดศัตรู แต่เขาก็ยังต้องเตรียมการอย่างระมัดระวังรอบคอบหลังจากสังหารศัตรู