ศพ - ตอนที่ 431 ผลข้างเคียง
ตอนที่ 431 ผลข้างเคียง
ในเขาเขี้ยวหมาป่า ยังคงมีการต่อสู้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่พวกเรามองไม่เห็นแล้ว
ส่วนพวกเรา ยิ่งออกห่างจากเขาเขี้ยวหมาป่าได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น
ไม่พูดไม่ได้ ทักษะการขับรถของลุงลั่วคนนี้ ใช้ได้เลยทีเดียว
ลุงลัวพาพวกเราออกจากตําบลเล็กๆแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว
ขณะอยู่บนรถ ลุงลัวเริ่มเอ่ยปากถามพวกเรา
ถามว่าทําไมพวกเราถึงได้เจ็บหนักขนาดนี้ เป็นเพราะเจ้าเดรัจฉานที่อยู่ในนั้นเป็นคนทําหรือเปล่า
พอได้ยินลุงลั่วพูด ผมก็พยักหน้าให้เบาๆ “ใช่ ตอนพวกเราเข้าไปโดนจับได้ ก็เลยต้องหนีเอาชีวิตรอดออกมา”
“งั้น งั้นต่อไปจะทํายังไง ?” ลุงลั่วพูดต่อ น้ําเสียงปนด้วยความสงสัย
“วางใจได้ อีกไม่นานของในรังนั่น ก็จะถูกกวาดล้าง !” ผมพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชาเล็กน้อย
หลังฟังจบ ลุงลั่วก็อดถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้
สําหรับคนเก็บสมุนไพรอย่างพวกเขา ภูเขาแถวนี้เป็นแหล่งทํามาหากินของพวกเขา
ตั้งแต่ที่ราบใจกลางหุบเขาเขี้ยวหมาป่า กลายเป็นสาขาย่อยขององค์กรตาผี
เริ่มเลี้ยงผีสร้างศพ จํานวนการเก็บสมุนไพรของลุงลั่วก็ลดลงมาเรื่อยๆ ของที่เก็บได้เทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้เลยสักนิด
และทุกครั้งที่ขึ้นเขา ก็ต้องคอยหวาดระแวงตลอดเวลา กลัวตัวเองจะตายอยู่ในภูเขาออกมาไม่ได้อีกตลอดกาล
พอได้ยินค่าพูดของผม ลุงลัวก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
แต่เสียงของผมเพิ่งเงียบลง เหล่าเพิ่งกลับเอามือกดหน้าอกไว้ แล้วถามขึ้นมาด้วยเสียงอ่อนแรง
“ลุงลั่ว ดึก ดึกขนาดนั้นแล้ว ทําไมลงยังอยู่ที่ถนนสายนั้นอีกละ ?”
ลุงลัวขับไปตอบไป “อ่อ ! หลังจากที่พวกคุณขึ้นเขาไปแล้ว ผมก็รู้สึกเป็นห่วงมาก ก็เลยรออยู่ข้างนอกทั้งวัน หวังว่าพวกคุณจะออกมาได้เร็วๆ สุดท้ายคืนนี้ก็ออกมารอพวกคุณอีก”
พอได้ยินลุงลั่วพูดถึงขนาดนั้น ผมก็รู้สึกแปลกใจมาก
คิดไม่ถึงว่าคนเก็บสมุนไพรที่เจอกันแค่ชั่วข้ามคืน จะเป็นห่วงความเป็นตายของพวกเราขนาด
แต่ลุงลั่วคนนี้ก็ใช้ได้จริงๆ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะชายคนนี้ พวกเราก็คงไม่รู้จะเข้าในเมืองมาได้ยังไง
ต่อจากนั้น พวกเราก็คุยต่ออีกพักหนึ่ง แต่เพราะผลข้างเคียงค่อนข้างรุนแรง คําพูดเลยเริ่มลดลงเรื่อยๆ
เรื่องในเขาเขี้ยวหมาป่าพวกเราไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงบอกว่าในนั้นยังอันตรายอยู่ ให้ลุงลั่วยังไม่ต้องเข้าไปในเขาตอนนี้
ลุงลั่วเองก็เป็นคนตรง ไม่ได้คิดอะไรอีก บอกพวกเราออกมาได้ สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
ลุงลั่วเห็นพวกเราไม่อยากพูดเท่าไหร่ และแต่ละคนยังทําท่าทางทรมานออกมา เลยเริ่มเล่าถึงเรื่องในอดีตของเขา ให้พวกเราไม่ต้องไปโฟกัสเรื่องพวกนั้น เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวด
เพราะผลข้างเคียงออกฤทธิ์แล้ว เลยทําให้ผมรู้สึกทรมานจนเกินจะรับไหว
ส่วนใหญ่จะจําอะไรไม่ได้ จําได้เพียงนุ่ยเฉิงจึงถามลุงลั่วว่า “ลุงลั่ว ลุง ลุงขับรถเก่งขนาดนี้ แต่ทํา ทําไมถึงไม่มีใบขับขี่ละ ?”
ผลลัพธ์ลุงลั่วกลับตอบกลับมาว่า “พอดื่มเหล้าขาวเข้าไป ก็ไม่ต่างอะไรกับคนขับรถแข่งแล้ว”
พอได้ยินคําพูดนี้ พวกเราก็อดทําหน้าอึดอัดใจไม่ได้
ที่แท้ตาลุงคนนี้ก็เมาแล้วขับรถแข่ง ถึงว่าทําไมเขาถึงไม่มีใบขับขี่
เรื่องก็เป็นแบบนี้ ลุงลั่วคุยกับพวกเรา และขับรถไปโรงพยาบาลในเมืองพร้อมๆกัน
แต่หลังขับไปได้ครึ่งชั่วโมง ยาในร่างกายของทุกคนก็หมดฤทธิ์อย่างสมบูรณ์
ผลข้างเคียงออกฤทธิ์เต็มที่ สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือความเจ็บปวด หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว และยังมีอาการใจสั่น
àยเฉิงจึงทนไม่ไหวคนแรก ตอนนี้เธอพูดกับผมว่า “ติง ติงฝาน ฉันทนไม่ไหวแล้ว มันทร ทรมานมากเลย !”
หลังจากพูดจบ “อัก” ฉุ่ยเฉิงจังก็กระอักเลือดออกมา
เหล่าเฟิงหายใจหอบเหนื่อย “อย่าตื่นตูม หายใจ หายใจช้าๆเข้าไว้
หลังจากกระอักเลือดออกมา จุ่ยเฉิงจิงก็หน้าซีดมาก แล้วสุดท้ายก็เอนตัวพิงเบาะ แล้วสลบไปในทันที
ต่อจากนั้น จิ้งจอกน้อยเสี่ยวเหมย ผมและเหล่าเพิ่ง
ก็ทําท่าทางทรมานมากออกมา รู้สึกเจ็บไปทุกอณรูขุมขน เหมือนกับตัวจะฉีกเป็นเสี่ยงๆ
เหงื่อไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ตัวถูกเหงื่อย้อมจนเปียกชุ่ม ทนไม่ไหวจนต้องตัวสัน
โดยเฉพาะผม ก่อนหน้านี้ผมให้นางพญาสถิตร่าง
นางพญาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังถึงขนาดนั้น ใช้ร่างของผมรองรับพลังปีศาจถึงขนาดนั้น
ผลข้างเคียงยาในตอนนี้ ผมทนไม่ไหวเลยแม้แต่น้อย
พอยาหมดฤทธิ์ ก็เหมือนกับยาชาหายไป ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างจนผมพูดอะไรไม่ออก
ช่วงเวลาต่อจากนั้น ผมมีสติอยู่แบบเลือนลางเท่านั้น
ลุงลั่วเห็นพวกเราแต่ละคนมีสภาพเป็นแบบนั้น ตอนนี้ทําหน้าทรมานมากออกมา แถมยังร้องโอดครวญออกมาอย่างต่อเนื่อง หน้าซีดขาว เลยทําให้เขาต้องเร่งความเร็วยิ่งกว่าเดิม
ในเวลาเดียวกันก็พูดไม่หยุด บอกให้พวกเรามีสติไว้ อย่าเพิ่งหลับ เขาจะพาพวกเราไปให้ถึง โรงพยาบาลเร็วที่สุด
พลังกายของพวกเราหมดไปนานแล้ว แล้วตอนนี้พวกเราจะเอาอะไรมารักษาสติไว้
ผลลัพธ์ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พวกเราแต่ละคนก็เริ่มนอนสลบคารถ
ลุงลั่วเห็นพวกเราสลบไป เลยร้อนใจหนักกว่าเดิม หัวเต็มไปด้วยเหงื่อ
โชคดีที่ลุงลั่วเป็นคนดี ไม่ได้ทอดทิ้งพวกเรา
ต่อมาผมมีสติแบบลางเลือน แต่ก็ยังจําได้ว่า ลุงลั่วพาพวกเรามาส่งที่โรงพยาบาล แล้วยังถามหาโทรศัพท์จากผม
เดิมที่ผมคิดจะบอกเบอร์อาจารย์กับเขา ผลลัพธ์เพิ่งอ้าปาก ผมก็นอนสลบไม่ได้สติแล้ว
เรื่องต่อจากนั้น พวกเราแทบไม่รู้เรื่องเลย
ผมจําได้แค่ว่า ตอนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มันก็เป็นตอนกลางวันแล้ว
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา รู้สึกได้ว่ามีแสงอาทิตย์อุ่นๆอยู่ตรงหน้า
ผมสบัดหัวพักหนึ่ง ในขณะที่กําลังจะลุกขึ้น
ผมกลับพบว่าร่างกายของตัวเองยังเจ็บมากอยู่ โดยเฉพาะตรงจุดตันเถียนในร่างกาย มันเจ็บเหมือนจะฉีกออกมาแบบนั้น
ไม่เพียงเท่านั้น ผมยังพบว่ามือของตัวเองโดนเจาะสายน้ําเกลือเข้าไป
สถานที่ที่ผมอยู่ น่าจะเป็นห้องพักในโรงพยาบาล
ผมหายใจสองสามครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นมา
ผมเพิ่งลุกขึ้นมา ก็พบว่าข้างเตียงของตัวเอง มีผู้หญิงคนนึงนอนฟุบอยู่
ผมลอนสีแดง ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
พอผมขยับ ผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามอง
ทําหน้าง่วงเหงาหาวนอนใส่ผม หรือแม้แต่ยังมีขอบตาดําคล้ําปรากฏให้เห็น จนคนที่เห็นอดตกใจขึ้นมาไม่ได้
นี่มัน เสี่ยวม่าน
“เสี่ยวม่าน….” ผมพูดเสียงแหบ ค่อนข้างตกใจพอสมควร
เสี่ยวม่านเห็นผมลุกขึ้นมานั่ง จากหน้าง่วงเมื่อกี้ ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที “ติงฝาน ในที่สุดนายก็ตื่นขึ้นมา !”
“เสี่ยวม่าน ทํา ทําไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้ละ ?” ผมพูดด้วยน้ําเสียงสงสัย
เสี่ยวม่านกลับยิ้มอย่างดีใจ “เป็นเพราะคุณปู่ที่ชื่อลั่วยคนหนึ่งโทรหาฉัน บอกว่านายบาดเจ็บ ถามฉันว่ารู้จักนายไหม หลังจากนั้นฉันก็มาหานายแล้ว”
พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็อดทําหน้าอึดอัดใจไม่ได้
ลุงนั่นคงไม่ได้เข้าไปดูรายชื่อในโทรศัพท์ฉันใช่ไหมเนี่ย
หรือเขาจะโทรแบบมั่วๆ โทรไปหาเสี่ยวม่าน
ผมสงสัยในใจ ขณะเดียวกันก็ถามต่อทันที “แล้วลุงลัวละ ?”
“พอฉันมาถึง ปลั่วยี่ก็ออกไปในวันถัดมา หลังจากนั้นฉันก็เป็นคนดูแลพวกนาย” เสียวม่านพูดตามความจริง
พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็อดสูดหายใจเข้าลึกๆไม่ได้ “งั้นพวกอาจารย์ของฉัน ยังไม่รู้เหรอว่า พวกฉันเข้าโรงพยาบาลแล้ว”
“รู้แล้ว ตอนนี้ออกไปกันแล้ว เสี่ยวม่านพูดต่อ
ส่วนผม ถามถึงเรื่องหลังจากผมเข้าโรงพยาบาล จนถึงตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
เสี่ยวม่านเองก็เล่าเรื่องที่เธอรู้ให้ผมฟังทั้งหมด เธอบอกว่าผมนอนอยู่ที่โรงพยาบาลสามวันติดแล้ว
ตอนนั้นเป็นเวลาหกโมงเช้า พอเธอรับโทรศัพท์จากลุงลั่วแล้ว ก็รีบมาที่นี่ทันที
ส่วนลุงลั่ว หลังจากกดโทรหาจ้าวเสี่ยวม่านแบบมั่วๆแล้ว โทรศัพท์ของผมก็แบตหมด
สุดท้ายพอจ้าวเสี่ยวม่านมาถึง เธอก็โทรไปบอกพวกอาจารย์ผม หรือแม้แต่ยังจ่ายค่ารักษาให้พวกเราล่วงหน้าอีกด้วย
ในสามวันนี้ พวกเราทุกคนต่างอยู่ในอาการโคม่ามาโดยตลอด
จ้าวเสี่ยวม่านเป็นห่วงผมมาก ช่วงหลายวันนี้ เธอแทบอยู่เฝ้าผมกับพวกอาจารย์ที่โรง พยาบาลตลอด
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว พวกอาจารย์เลยออกไปกินข้าว ส่วนจ้าวเสียวม่านอยู่เฝ้าผมที่นี่
เพราะช่วงสองสามวันนี้จ้าวเสี่ยวม่านไม่ได้เอาแต่ทํางานที่บริษัท แต่ยังคอยมาเฝ้าผมด้วย เธอเลยไม่ได้พักผ่อนดีๆ
ดังนั้นเธอเองก็ง่วงมาก ผลลัพธ์เพิ่งผ่านไปไม่นาน เธอก็นอนฟุบข้างเตียงผมแล้ว
พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก
เพื่อนทําถึงขนาดนี้ เป็นอะไรที่มีความหมายมาก
ดังนั้นผมเลยพูด “ขอบใจ” กับเธอ ผลลัพธ์เสี่ยวม่านกลับกลอกตาใส่ผม “ปัญญาอ่อน จะมาพูดขอบจงขอบใจอะไรกับฉัน……”