ศพ - ตอนที่ 404 ออกเดินทาง
ตอนที่ 404 ออกเดินทาง
ขณะมองจิ้งจอกน้อยกินไก่ ผมก็ไม่กล้าเอ่ยชมจริงๆ กระฉากขนในที่เดียว ปากเต็มไปด้วยเลือ
ดสดๆ
ไก่ตัวผู้ในมือเธอ ดิ้นรนได้เพียงแค่สองครั้ง มันก็หมดลมหายใจในทันที
ดูเหมือนจิ้งจอกน้อยจะไม่พอใจที่ผมจ้องเธอ “นายทําอะไรฮะ ? ยังไม่ไปอีก !”
พอเห็นจิ้งจอกน้อยเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
“โอเค ! งั้นฉันไปก่อนนะ เธอค่อยๆกินละ !” ขณะพูด ผมก็เดินออกมาจากศาลเจ้าหลักเมือง
จิ้งจอกน้อยฉีกไก่ในตัวศาลเจ้าหลักเมืองไม่หยุด ดูท่าทางจะหิวมาก
ผ่านไปไม่นาน ผมก็กลับมาถึงร้าน
อาจารย์เห็นผมออกไปพักหนึ่ง เลยถามผมว่าไปไหนมา ผมบอกว่าไปเดินเล่นแถวนี้มา
ในเวลาเดียวกันก็บอกอาจารย์ว่า วันพรุ่งนี้มีงานเลี้ยงรุ่น ต้องออกไปข้างนอก
พออาจารย์ได้ยินว่าผมจะออกไปข้างนอกอีกแล้ว เขาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “เสี่ยวฝาน หลายวันนี้แกอย่าออกไปไหนเลยดีกว่า ช่วงนี้แกดวงไม่ดี ออกไปทีไรก็ต้องไปเจอเรื่องยุ่งกลับมาทุกที”
ผมกลับฉีกยิ้ม “ไม่เป็นไรอาจารย์ พวกปุยซานหยวนโดนเล่นงานจนบาดเจ็บหนัก ช่วงสองสามวันนี้พวกมันไม่กล้าออกมาหาเรื่องใส่ตัวแน่ๆ”
อาจารย์ได้ยินผมพูดแบบนั้น เลยไม่ชวนคุยต่อ
เพียงบอกผมให้อยู่เฝ้าร้าน ตัวเขาจะไปดื่มชาและเล่นหมากรุกกับเหล่าฉินที่สุสาน
พออาจารย์ไปแล้ว ผมก็เริ่มเตรียมอาวุธ
ดาบไม้ ดาบเหรียญ ยันต์ กระจกแปดทิศ ข้าวเหนียว ด้ายดําและอื่นๆ ผมเอาไปแทบทุกอย่างที่มี พอเตรียมเสร็จผมก็เอาพวกมันไปใส่ไว้บนรถ
หลังจากเตรียมอาวุธเสร็จแล้ว ผมยังเอากระดิ่งกุมวิญญาณออกมาดูเล่น
เจ้าสิ่งนี้เป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของผม เป็นสมบัติที่หาได้ยากชิ้นหนึ่ง
หลังจากผมหยิบขึ้นมาเล่นสักพัก ผมกลับต้องตกใจ เพราะกระดิ่งในมือผมมีรอยร้าวหนึ่งรอย
พอเห็นสิ่งนี้ ผมก็ใจสั่นอย่างแรง
สมบัติแบบนี้จะมีรอยร้าวได้ยังไง ผมคิดว่าตัวเองมองผิด เลยเบิกตากว้างๆ แล้วใช้มือตรวจดูอีกสักพัก
ผลลัพธ์มันกลับเป็นความจริง กระดิ่งมีรอยร้าวจริงๆ
มันเล็กมาก จนแทบมองไม่เห็นได้ง่ายๆ แต่ผมก็มั่นใจว่ามันคือรอยร้าว
ขณะมองรอยร้าว หน้าผมกลับเต็มไปด้วยเส้นด่า
นี่เป็นของล้ําค่าที่มู่หลงเหยียนให้ผมมาเชียวนะ เพิ่งใช้ได้ไม่นาน ผมก็ทํามันแตกแล้วเหรอ ผมไม่เข้าใจ
ขณะเดียวกันก็รู้สึกปวดใจ แต่ถึงจะมีรอยร้าวแต่ผมก็ทําอะไรไม่ได้ ได้แต่เก็บรักษามันให้ดีๆ
เท่านั้น
ช่วงเวลาในวันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันรุ่งขึ้น ผมเตรียมของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ผมก็จุดธูปให้มู่หลงเหยียน
พอเห็นอาจารย์ไม่ได้สนใจ ผมก็พูดกับป้ายวิญญาณมู่หลงเหยียนว่า “น้องศพ น้องศพ ฉันจะไปแล้วนะ น่าจะถึงตอนเย็นๆ”
หลังจากพูดจบ ผมก็ปักธูปลงในกระถาง
เสี้ยววินาทีต่อมา สายลมอันเยือกเย็นก็ไหลออกมาจากป้ายวิญญาณ ทันใดนั้นเสียงของมู่หลงเหยียนก็ดังขึ้น “โอเค นายเองก็พาคนไปด้วย เดี๋ยวขากลับฉันจะไปรับพวกนาย ต้องระวังตัวดีๆด้วยนะ”
“อืม” ผมตอบรับ จากนั้นก็เดินออกมาจากโต๊ะบูชาทันที
ต่อจากนั้นผมก็ทักอาจารย์ จากนั้นก็เดินตรงออกจากร้านทันที
รถตู้ของผม จอดอยู่แถวหน้าร้าน
ผมเพิ่งขึ้นมาบนรถ ก็เห็นจิ้งจอกน้อยมาอยู่บนรถแล้ว ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเข้ามาได้ยังไง ตอนนี้มันกําลังนั่งอยู่บนเบาะ
“เสี่ยวเหมย เธอมาถึงเร็วจัง !” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม
แต่เสียวเหมยกลับแค่ยกเชือกตาขึ้น “พูดมาก”
หลังจากพูดจบ เธอก็หลับตา แล้วเอาหัวพิงเบาะทําท่านอนต่อ
ผมทําหน้าอึดอัดใจ แต่ก็ไม่ทําให้ตัวเองต้องขายหน้าต่อ
ต่อจากนั้น ผมก็ขับรถมาที่ทางแยก
เหล่าเฟิงมารอผมอยู่ที่นี้นานแล้ว ผมโบกมือให้เขา เหล่าเพิ่งเห็นผมมาแล้วดับบุหรี่ แล้วเดินขึ้นรถ
เหล่าเฟิงเหล่ตามองจิ้งจอกน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“นอกจากเราสามคนแล้ว ยังมีจุ่ยเฉิงจึงอีกคน” ผมพูด
“ผู้หญิงที่เป็นศิษย์สํานักเหมาชานนั่นนะเหรอ ?” เหล่าเพิ่งถามต่อ
ผมพยักหน้า “ใช่ เธอนั่นแหละ ! หยางเฉวไม่อยู่ มีแค่เธอที่มียันต์ปิดลมหายใจ และเธอก็อยากไปกับพวกเราด้วย”
เหล่าเฟิงฟังเงียบๆ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ
ต่อจากนั้น พวกเราก็ตรงเข้าไปในเมือง และหยุดจอดที่หน้ามหาลัยชิงฉือ พอเห็นตัวจุ่ยเฉิงจึง
àยเฉิงจิงก็ไม่พูดพร่ําทําเพลง ขนอาวุธขึ้นรถทันที
“อยู่มหาลัยจนเบื่อจะตายแล้ว ไปกับพวกนายสนุกกว่าเยอะ” จี่ยเฉิงจึงพูดด้วยความดีใจ
ผมคลี่ยิ้ม “เอายันต์มาหรือยัง ?”
“เอามาแล้ว พอถึงที่แล้วฉันจะเอาออกมาให้ !”
หลังจากพูดจบ จุ่ยเฉิงจิงก็มองเฟิงเฉิวหานที่นั่งอยู่ข้างๆคนขับ
เธอโบกมือให้เพิ่งเฉวหาน “เฮ้นาย ชื่ออะไรเหรอ ! ฉันชื่อฉัยเฉิงจิง”
นุ่ยเฉิงจึงดูเป็นมิตรสุดๆ เหล่าเฟิงมองฉียเฉิงจึงผ่านกระจกหลัง จากนั้นก็ตอบกลับเบาๆ “เฟิงเฉวหาน”
“หือ ! นายก็คือเพิ่งเฉวหานเหรอ ! ครั้งก่อนติงฝานลากนายเข้ามาด้วย พวกเราเคยเล่นเกมด้วยนะ ชื่อในเกมของฉันคือจิงจิง เคยเป็นผู้ช่วยของนายด้วยแหละ” นุ่ยเฉิงจึงพูดด้วยความตื่นเต้น เธอพยายามให้เหล่าเพิ่งนึกถึงเรื่องนั้น
“ว่าได้ เล่นได้มือใหม่สุดๆ” เหล่าเฟิงตอบกลับสั้นๆ
นุ่ยเฉิงจึงกลับดูดีใจมาก “ฉันเห็นนายเวลสูง ฝีมือก็ดี วันหลังพาฉันไปอัพเวลอีกนะ !”
จุ่ยเฉิงจึงเหมือนกับซาลาเปาพูดได้ เธอพูดได้ไม่รู้จักเหนื่อย
เพิ่งเฉวหานโดนแซวแล้ว มุมปากเลยยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เขาตอบกลับแค่คําเดียว “ได้”
นุ่ยเฉิงจึงกลับหัวเราะ “คิกๆๆ” ในเวลาเดียวกัน เธอก็หันไปเห็นจิ้งจอกน้อยบนเบาะข้างๆเลย เกิดตื่นเต้นขึ้นมาอีกรอบ “ว้าว แมวตัวนี้สวยมาก !”
หลังจากพูดจบ จุ่ยเฉิงจิงก็คิดจะเอื้อมมือไปอุ้ม
ผลลัพธ์เสี่ยวเหมยกลับพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “อย่าขยับ ฉันเป็นจิ้งจอก ไม่ใช่แมว !”
การกระทําที่กระทันหัน ทําให้นุ่ยเฉิงจึงตกใจ
จิ้งจอกน้อยกลับไม่ขยับตัว มันหลับตานอนหลับเหมือนเดิม
แต่ไม่ว่ายังไงจุ้ยเฉิงจิงก็เป็นศิษย์ส่าหนักเหมาชาน เธอได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอพูดด้วยจิตใจที่สงบนิ่ง “ขอโทษที ที่แท้ก็เซียนจิ้งจอก ติงฝาน นายไม่เห็นบอกฉันว่าครั้งนี้มีเซียน จิ้งจอกไปด้วยฮะ !”
ผมค่อนข้างไปไม่เป็น ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่ได้ถามฉันน
ต่อจากนั้น บนรถก็มีเสียงนุ่ยเฉิงจึงพูดอยู่คนเดียวไม่หยุด
แต่พอมีเธออยู่ บรรยากาศในรถก็ไม่เงียบเหงาเหมือนก่อนหน้านี้
เพราะคราวนี้เป็นการเดินทางค่อนข้างไกล จนกระทั่งห้าโมงเย็น พวกเราถึงได้มาถึงตําบลเล็กๆแถวเขา
เขี้ยวหมาป่า
ชื่อตําบลอะไรไม่รู้ แต่พวกเรากลับคิดจะพักกินข้าวกันที่นี่ หลังจากนั้นค่อยเดินเท้าต่อ พยายามไปให้ถึงก่อนเที่ยงคืนเข้าไปใกล้ๆตัวสาขาย่อย หลังจากนั้นค่อยแอบเข้าไปอีกที
ตอนกินข้าวเสี่ยวเหมยแปลงกายเป็นมนุษย์ สาวสวยผู้งดงามคนหนึ่ง
ฉียเฉิงจึงเห็นหูเหมยสวยถึงขนาดนี้ เธอเลยเอ่ยปากชมไม่หยุด
หูเหมยเองก็เป็นผู้หญิง เธอก็ชอบให้คนอื่นชมว่าเธอสวยเช่นกัน
บวกกับจุ่ยเฉิงจังและเสี่ยวเหมย ไม่มีความแค้นใดๆต่อกัน
ต่อจากนั้น หูเหมยและนุ่ยเฉิงจิงก็ค่อยๆสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ
หูเหมยใช้ชีวิตอิสระอยู่ในภูเขา เธอไม่ค่อยเข้าใจสังคมของมนุษย์
นุ่ยเฉิงจึงเลยเล่าเรื่องสิ่งแปลกๆในชีวิตมนุษย์ให้หูเหมยฟังไม่หยุด โดยเฉพาะเวลาพูดถึงของใช้ของผู้หญิง เช่นเครื่องสําอาง เสื้อผ้าสวยๆ ของแบรนด์เนม หรือแม้แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดเถาเป่าให้เธอดู
พวกข้าวของเครื่องใช้ที่หูเหมยสามารถพกติดตัวได้
ผมและเหล่าเพิ่งรู้สึกว่ามันไร้สาระ เราไม่สนใจพวกเสื้อผ้า เครื่องสําอาง หรือของแบรนด์เนมอะไรนั่นเลย ผลลัพธ์เสี่ยวเหมยเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้เห็น กลับดึงดูดเธอสุดๆ
พวกเราที่มองดูอยู่ ถึงกลับช็อกกันเลยทีเดียว
ดูเหมือนเครื่องสําอาง เสื้อผ้าสวยๆ หรือของหรูหราต่างๆ จะมีแรงดึงดูดกับผู้หญิงสุดๆ ไม่เพียงไม่แบ่งช่วงอายุ แต่ยังไม่แบ่งแยกเผ่าพันธ์อีกด้วย……