ศพ - ตอนที่ 392 ความมุ่งมั่นของผม
ตอนที่ 392 ความมุ่งมั่นของผม
ตอนเห็นมู่หลงเหยียนล้มลงข้างๆผมอีกครั้ง ตัวผมก็สั่นแรงยิ่งกว่าเดิม
ไม่ได้เป็นเพราะกลัว แต่เป็นเพราะพยายามดิ้นรนยิ่งกว่าเดิม
ผมต้องยืนขึ้นให้ได้ ผมจะนอนต่อไป แล้วปล่อยให้คนอื่นโดนฆ่าไม่ได้
“น้อง น้อง !” ผมพูดเสียงสั่น
มู่หลงเหยียนมองผม เธอยังเด็ดเดี่ยวไม่เปลี่ยน “ฉัน ฉันจะปกป้องนาย…..”
หลังจากพูดจบ มู่หลงเหยียนก็พยายามออกแรงอีกครั้ง เธออยากจะลุกขึ้น
ผลลัพธ์เธอก็ล้มเหลวอีกครั้ง สุดท้ายก็กลับมานอนกับพื้นอย่างเก่า
“ ฮ่าๆๆ ! นี่คือหุ่นรบรุ่นแรงขององค์กรเราเหรอ โดนหมุดวิญญาณของฉันเข้าไป ก็ยังยืนหยัดอยู่ได้อีก
ช่างน่าทึ่งจริงๆ แต่น่าเสียดายที่กลับทรยศองค์กรของพวกเรา !” กุยซานหยวนพูดอย่าง ได้ใจ
“ฮ! ยัยทรยศนี่เหรอ ? องค์กรชุบเลี้ยงมันอย่างดี ท่านผู้นําให้ความสําคัญกับมันยิ่งกว่าอะไรดี ถึงกับให้เธอมีพลังของดวงตาศักดิ์สิทธิ์ แต่เธอกลับทรยศองค์กร !” ยัยป้าคนสวยพูดด้วยความโมโห
“ท่านป้าคนสวย ท่านผู้อาวุโสกุยยัยผีนี่ร้ายกาจมาก เมื่อกี้ผมเกือบตายแล้ว” จางจีเทาเดินเข้ามา เขาเช็ดเลือดที่ปลายจมูก พร้อมทําหน้าอารมณ์เสียสุดๆ
“ จีเทา แกอย่ามองว่าเธอเป็นแค่ผีผู้หญิงธรรมดาเชียว เธอเคยเป็นถึงหุ่นรบรุ่นแรกขององค์กร
ของเราเลยนะ” ปุยซานหยวนพูดต่อ
“ โห! ที่แท้ก็เป็นผีตัวนี้ แต่น่าเสียดายที่วันนี้ ไม่ได้มาด้วยร่างจริง ไม่อย่างงั้นพอจับเธอได้แล้ว
เราจะทําผลงานชิ้นใหญ่กันได้เลยนะครับ !” จางจีเทาพูดด้วยความตื่นเต้น
“ฮ่าๆๆ วางใจได้ เดี๋ยวมันก็เกิดขึ้น” ก่ยซาน หยวนพูดต่อด้วยรอยยิ้ม
มู่หลงเหยียนยังพยายามต่อไป เธออยากจะลุก ขึ้น แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
ผมเห็นมู่หลงเหยียนพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า และก็ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน ในใจของผมเลยมีความรู้สึกเสียใจที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้
ไม่ ไม่ได้ ฉันจะปล่อยให้เมียปกป้องตัวเองอยู่ได้ยังไง
วินาทีนั้น ผมพยายามแย่งการควบคุมร่างกายกลับมาอย่างสุดชีวิต ทําให้ตัวเองหลุดพ้นจากคาถาของกุยซานหยวน เพื่อที่จะได้ลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง
ในที่สุดภายใต้สถานการณ์ “ระทึกขวัญ” เช่นนี้ ผมก็ได้การควบคุมร่างกายกลับมาทีละน้อย ผมค่อยๆลุกขึ้นมาจากพื้นแล้ว
กุยซานหยวนและคนอื่นๆกําลังคุยกันอย่างสบายใจ ทําท่าทางของผู้ชนะ
แต่วินาทีที่เห็นผมลุกขึ้น ก่ยซานหยวนก็ถึงกับหันมามอง “โห ! แกเองก็ใช้ความพยายามดิ้น จากคาถาฉันได้งั้นเหรอ !”
ผมกดหน้าลง ในมือมียันต์อยู่แล้วหนึ่งใบ “ไอ้พวกหมอผีชั่ว ฉันจะฆ่าพวกแก !”
“ฮ่าๆ แกดูรอบๆหรือยัง ชีวิตของพวกแกอยู่ในกํามือพวกเราแล้ว ยังจะกล้าพูดจาไม่เห็นเงาหัวตัวเองอีกนะ” ยัยป้าคนสวยพูดด้วยเสียงเยาะเย้ย
จางจีเทาทําหน้าไม่พอใจ “ให้ผมฆ่าเจ้าหมอนี่เองเถอะ !”
ขณะพูด จางจีเทาก็เตรียมจะก้าวเข้ามา
แต่ปุยซานหยวนกลับห้ามจางจีเทาเอาไว้ “จี่เทา มันมีความเด็ดเดี่ยวดี เหมาะเอาไปทําหุ่นรบ อย่าทําให้มันตายซะละ !”
พอจางจีเทาได้ยินนักพรตปุยพูดแบบนั้น ก็พยักหน้า “ครับท่านผู้อาวุโสกุย งั้นก็ให้ผมอัดมันสักยกเถอะนะครับ !”
หลังจากพูดจบ จางจีเทาก็พุ่งเข้ามาหาผม
ผมทําหน้าเฉยชา จ้องจางจีเทาที่กําลังพุ่งเข้ามา ผมไม่ขยับตัวไปไหน เพียงแค่จ้องเขาเงียบๆเท่านั้น
พอจางจีเทาเข้ามาใกล้ผมแล้ว เขาก็ง้างหมัดเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ขณะมองหมัดของเขา ผมก็ทําหน้าเฉยชา สวนหมัดเข้าไปปะทะตรงๆ
“ปัก” หมัดของผมสองคนปะทะกัน
“กรอบ” ไม่รู้เหมือนกันว่ากระดูกของใครหัก แต่ภายใต้สถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ ผมไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด
หลังจากต่อยออกไปหนึ่งหมัด จางจีเทาก็รีบดีงมือกลับ ทําท่าทางเหมือนจะเจ็บหน่อยๆ
แต่ในขณะที่เขากําลังกังวลเรื่องความเจ็บ ผมก็ต่อยเข้าไปอีกหมัด
คราวนี้มันเป็นหมัดที่แรงมาก มันพุ่งตรงไปที่หน้าจางจีเทาทันที
“ปัก
ตัวของจางจีเทาถอนร่นไปข้างหลัง ยังไม่รอให้ ขาได้ยืนดีๆ ผมก็ถีบเข้าไปที่ท้องของเขาทันที
เดิมที่ตัวจางจีเทาก็เสียสมดุลอยู่แล้ว เขาเลยล้มลงพื้น และร้องออกมาทันที
แต่ผมไม่คิดจะหยุดแค่นั้น แถมยังคิดจะฆ่าเขาด้วย
หลังจากเล็งที่หลังหัวเขาเสร็จแล้ว ผมก็เตรียมจะใช้ศอกจบชีวิตของเขา
ผลลัพธ์ในวินาทีนั้น ยัยแก่กลับพูดขึ้นมาว่า “พอได้แล้ว !”
เสียงเธอเพิ่งเงียบลง เธอก็ตวัดไม้เท้าดําในมือของเธอ มาที่เอวของผมทันที
มันเป็นแรงที่มหาศาล ตัวผมกระเด็นออกไปนอนกองกับพื้นทันที
ถึงจะอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากลัวแบบนี้ ผมก็ยังรู้สึกเจ็บที่เอว
แต่ผมยังไม่ยอมแพ้ ยังกัดฟัน คิดจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง
ยัยป้าคนสวยเห็นผมคิดจะลุกขึ้นมาอีก เธอเลยพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “เก่งนักใช่ไหมฮะ !”
เสียงเพิ่งเงียบลง ไม้เท้าดําในมือเธอก็มากระทบลงที่บ่าของผม
มันเหมือนกับโดนแรงเท่าภูเขากดเอาไว้ ตัวผมได้แต่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก
แต่ผมยังไม่ยอม “พวกแก พวกแกมันเป็นคนชั่ว…..”
หลังจากพูดจบ ผมก็พยายามลุกขึ้นอีกครั้ง
แต่เพิ่งลุกขึ้นได้ จางจีเทาที่โดนผมถีบล้มเมื่อ ก่อนหน้านี้ ก็ถีบเข้ามาด้วยความโมโหสุดๆ “แม่ง…ซิ !”
การถีบครั้งนี้ทําให้ตัวผมกลิ้งลงไปกับพื้นอีกครั้ง และสุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ข้างๆมู่หลงเหยียน
ทันใดนั้นความร้อนก็พุ่งออกมาจากจมูกและปาก ผมกระอักเลือดออกมาทันที
“เหล่า เหล่าติง….” เหล่าเพิ่งเห็นฉากนี้ แต่เขากลับทําอะไรไม่ได้
พี่เฟิงกัดฟัน แต่เขาก็ไม่อาจกระดุกกระดิกได้เหมือนกัน
“ติง ติงฝาน….” พอมู่หลงเหยียนเห็นภาพนี้เข้า เสียงก็ดูแหบลงเล็กน้อย และเหมือนตาจะแดงแล้ว
เธอเองก็อยากจะลุกขึ้นมาเหมือนกัน แต่ไม่ว่ายังไงตัวเธอก็ไม่มีแรงเหลือแล้ว
แต่ทันใดนั้น ผมกลับฉีกยิ้มออกมา “ฉัน ฉันไม่ เป็นอะไร คิด คิดจะทําร้ายเธอ พวกมันต้อง ต้อง ข้ามศพฉันไปก่อน !”
หลังจากพูดจบ ผมก็กลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ พยายามควบคุมร่างกายที่เหมือนจะฉีกขาดไปแล้ว ให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง
“เหอะ แกไม่จบซินะ งั้นฉันจะทําให้แกพิการเอง หักแขนหักขาของแกซะ !” จางจีเทาโมโหสุดๆ
เพราะเมื่อกี้ตอนต่อยกับผม กระดูกมือของเขา หัก ตอนนี้เลยรู้สึกแค้นใจยิ่งกว่าเดิม
หลังจากพูดจบ จางจีเทาก็ดูดุร้ายสุดๆ เขาพุ่ง เข้ามาหาผมทันที
ในเวลาเดียวกัน ก็เริ่มลงมือกับผมด้วย
ส่วนผม ก็เค้นพลังออกมา ยกมือขึ้นต้านตามสัญชาตญาณ
เพราะร่างกายเป็นเหตุ ท่าทางเลยดูเหมือนเครื่องจักรสุดๆ มันไม่ได้ช่วยต้านการโจมตีให้ผมได้เลย
ผลรับก็น่าจะรู้ จางจีเทาถีบเข้ามา ตัวผมก็ลอยออกไป แล้วกระแทกลงกับโต๊ะร้านปิ้งย่างทันที
“ปัง” โต๊ะเล็กๆนั้นแตกออกเป็นสี่ห้าส่วน
เพราะการโจมตีครั้งนี้ ทําให้ผมบาดเจ็บเลือด ลมถูกปิดกั้น สุดท้ายผมก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
ผมพบว่า ตอนนี้นอกจากความเจ็บปวดแล้ว เหมือนสติผมจะเริ่มลางเลือน แม้แต่สิ่งของที่อยู่ตรงหน้า
ผมยังเริ่มมองไม่เห็น จะเห็นได้ว่าผมอาการหนักขนาดไหน
แต่ผม ยังคิดจะลุกขึ้นมาอีก
แต่ครั้งนี้ ไม่ว่าผมจะออกแรงขนาดไหน จะกัด ฟันเท่าไหร่ ผมก็ทําไม่สําเร็จ
จางจีเทาทําหน้าได้ใจ เขาค่อยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม แล้วจ้องผมอย่างคนจองหอง “ เป็นอะไรไป ?
ลุกไม่ขึ้นแล้วเหรอ ? แม่งเอ้ย กล้าทําร้ายฉัน ฉันจะหักแขนหักขาแกเดี๋ยวนี้แหละ”
ขณะพูด จางจีเทาก็หยิบเก้าอี้มาหนึ่งตัว เขาคิดจะลงมือกับผม
ผมจ้องเขาไม่วางตา เพราะผมไม่สามารถทําทุกอย่างที่คิดได้
ส่วนจางจีเทา ก็ยกเก้าอี้ขึ้นมาแล้ว หลังจากเล็งที่เข่าของผมเสร็จ เขาก็ฟาดลงมาทันที
ช่วงเวลานี้ เหล่าเฟิงกําหมัดแน่น พี่เฟิงกัดฟัน ส่วนมู่หลงเหยียนหลับตาอย่างเศร้าสร้อย
พวกเขาไม่พูดออกมาสักคํา แต่ละคนล้วนแบกความแค้นเอาไว้เต็มอก
ในสถานการณ์แบบนี้ สิ่งที่พวกเขาพอจะทําได้ก็มีเพียงมองทุกอย่างตรงหน้าเท่านั้น
แม้แต่ตัวผมเอง ก็คิดว่าเสี้ยววินาทีต่อไปขา ผมต้องโดนเจ้าจางจีเทาหักแน่ๆ
ต่อไปจะกลายเป็นคนพิการ หรือไม่ก็ตายอยู่ที่นี่ หรืออาจโดนล่ามวิญญาณเอาไว้ คอยเป็นทาสผีให้พวกมันในอนาคต
แต่ดวงผมยังดีอยู่ ในขณะที่จางจีเทาฟาดเก้าตัวนั้นลงมา จู่ๆก็มีขวดเหล้าลอยมาจากข้างหลังผม
ผมได้ยินเพียงเสียง “เพล้ง” ขวดเหล้าฟาดเข้าที่หน้าผากของจางจีเทาเต็มๆ
ขวดแตกเป็นสี่ห้าส่วน จางจีเทาโดนแรงกระแทกถอยไปข้างหลังอย่างต่อเนื่อง และหัวแตกในทันที
จู่ๆก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทําให้ทุกคนตกใจกันทันที
จางจีเทาลูบหัว “โอ๊ย ! ใครวะ ? ใคร !”
เหล่าเฟิง พี่เฟิงและคนอื่นๆ มองไปทางที่ขวดเหล้าลอยออกมา
ทันใดนั้นเองพวกเขาก็เห็นเงาคนสองคนเดินออกมาจากใต้ร่มไม้
ผมเองก็เหลือบมอง แม้จะไม่ค่อยชัดแต่ก็ไม่ ได้อยู่ไกลมากนัก
ตอนผมเห็นหน้าตาของพวกเขาอย่างชัดเจน ผมก็ตัวแข็งที่อ ทําหน้าเหวอทันที
เพราะผู้ชายสองคนนี้ เป็นคนที่ผมคุ้นหน้า
หนึ่งในนั้น มีแววตาลึกลับ หน้าตาหล่อเหลา เขาก็คือลุงที่ผมเจอที่บ้านเสี่ยวม่าน ชายคนนี้คือ คนที่เสี่ยวม่านเรียกว่าลุงฉิน ผู้ที่เดินทางไปทั่วทุกสารทิศมาแล้ว
และก็เป็นเขา ที่เป็นคนมอบแก่นวิญญาณผีให้เป็นเครื่องคุ้มครองตัวเสี่ยวม่าน และเขาก็เป็นคนที่มีดวงตาที่ทําให้ผมรู้สึกหวาดกลัวได้
อีกคนหนึ่ง คือชายรูปร่างกํายําที่เราเจอที่ขนส่งเมื่อเช้านี้
ผู้ชายคนนั้นดูแข็งแรงมาก ในมือถือร่มดํา ทําให้คนรู้สึกถึงความน่าเกรงขามที่มองไม่เห็น
เมื่อเห็นภาพนี้ ผมก็ตะลึงงั้นในทันที คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอพวกเขาอีกครั้งที่นี่
ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง กุยซานหยวนและยัยป้าค นสวยที่ทําท่าทางจองหอง และอยู่เหนือ พอเห็น ผู้ชายสองคนนี้ปรากฏตัว “พรึบ” สีหน้าก็เปลี่ยน ไปทันที เหมือนกับเห็นสัตว์ร้าย และยังดูเหมือน ได้เห็นผีร้ายไม่มีผิด พวกเขาทําหน้าหวาดกลัว ออกมาทันที
ในวินาทีนั้นปุยซานหยวนและยัยป้าคนสวย ตัวสั่นตามสัญชาตญาณ และก็ถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว……
แต่ไม่รอให้พวกเราเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ลุงหน้าหล่อคนนั้นก็ใช้น้ําเสียงที่เต็มไปด้วยพลัง พูดออกมาอย่างเกียจคร้าน “เหล่าฉย เราไปอยู่ในป่านานเกินไปหรือเปล่า ตอนนี้แม้แต่หมอผีก็ยังกล้าออกมาแผลงฤทธิ์แบบนี้แล้ว ?”