ศพ - ตอนที่ 386 ร่วมมือปราบศัตรู
ตอนที่ 386 ร่วมมือปราบศัตรู
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทําให้ผมและเหล่าเฟิงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้พุ่งเข้าไปปะทะตรงๆ
ผมสองคนอยู่ในขั้นเต้าฉือขั้นสุด ในเวลาเมื่อต้องปะทะกับผีชุดเหลือง
หากพูดถึงเรื่องพลังเพียงอย่างเดียว แม้จะเป็นผีร้ายที่เพิ่งเลื่อนระดับเป็นชุดเหลือง พลังก็อยู่ในขั้นเต้าชื่อขั้นแรก
ดังนั้นถึงผมกับเหล่าเพิ่งจะรวมพลังกัน เข้าปะทะกับผีชุดเหลืองที่อ่อนที่สุด แต่ก็มีช่องว่างขนาดใหญ่
ต้องมีการสู้ที่ขมขึ้นรออยู่อย่างแน่นอน
ตอนนี้พวกเราไม่ได้พกดาบไม้มาด้วย พลังรบเลยอ่อนลงไปอีกขั้น
แต่ถึงตอนนี้จะไม่มีของพวกนี้ ผมก็มั่นใจเต็มร้อย และในมือของตัวเองก็มีไพ่ที่จะสามารถเอาชนะผีชุดเหลืองได้อย่าง 100%
เพราะผมมีกระดิ่งทองแดงอยู่ หากผมหยิบอาวุธชิ้นนี้ออกมา ผีชุดเหลืองก็เหลือแค่ไม่กี่นาที เท่านั้น
นอกจากเธอจะเป็นเหมือนผีชุดเหลืองในไซต์งานก่อสร้าง ที่สามารถเลื่อนระดับเป็นผีชุดแดงได้
แต่จากความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายในตอนนี้ อีกฝ่ายไม่น่าจะเหมือนผีชุดเหลืองที่ไซต์งาน แต่เป็นผีขั้นเต้าชื่อที่เพิ่งเลื่อนระดับเป็นชุดเหลืองเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ผมเลยไม่ได้เอากระดิ่งออกมาใช้ตั้งแต่วินาทีแรก เพราะผีชุดเหลืองในระดับนี้ แค่ผมและเหล่าเฟิงร่วมมือกัน เราก็ยังมีโอกาสชนะอยู่
เพราะ ผมอยากลองใช้พละกําลังและพลังในตอนนี้ด้วย อยากให้ตัวเองเลื่อนไปถึงขั้นเต้าชื่อได้เร็วๆ
พอรู้ว่าจะต้องร่วมต่อสู้กับสาขาย่อยองค์กรตาผี ผมก็อยากให้ตัวเองเลื่อนขั้นได้เร็วๆ และมีพลังเพิ่มมากกว่าเดิม ดังนั้นมีเพียงการสู้เท่านั้น
มีเพียงการสู้ไปเรื่อยๆ ถึงจะกระตุ้นศักยภาพของตนเอง
มีเพียงอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ถึงจะพัฒนาไปได้เร็วที่สุด
ตัวผีผู้หญิงก็ต่างชั้นกับผมและเหล่าเฟิงเพียงแค่ขั้นเดียว หากสู้กันตัวต่อตัวผมอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้
แต่สองรุมหนึ่ง ผมสองคนต้องมีโอกาสอย่างแน่นอน
ถึงแม้จะสู้ไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยเอากระดิ่งออกมาก็ยังไม่สาย……
ตอนนี้ ผมและเหล่าเฟิงหยิบยันต์ขึ้นมา และเข้าไปปะทะกับผีผู้หญิงแล้ว
ผีผู้หญิงดุร้าย เคลื่อนไหวเร็วกว่าพวกเรา
เมื่อเข้าปะทะ กรงเล็บพวกนั้นก็เฉียดคอพวกเราสองคนไป
กรงเล็บพวกนั้นเหมือนมีดคมๆ หากโดนข่วนที่คอ จะต้องเป็นแผลเหวอะ และตายคาที่แน่ๆ
ผมและเหล่าเฟิงไม่กล้าประมาท รีบหลบ ในเวลาเดียวกันก็ร่ายคาถาใส่มือแล้วต่อยออกไป
ผีผู้หญิงเคลื่อนไหวเร็วสุดๆ เพียงชั่วพริบตาเดียว เธอก็หลบการโจมตีของผมสองคนได้
แล้ว
เรื่องก็เป็นแบบนี้ ผมและเหล่าเฟิงถือยันต์เอาไว้ข้างหนึ่ง เราต่อยออกไปหรือไม่ก็โจมตีด้วยยันต์ ต่อสู้กับผีผู้หญิงอย่างต่อเนื่อง
ส่วนพี่หลีที่เปลี่ยนเป็นผีชุดเหลืองก็ดุร้ายมาก เข้ามาโจมตีอย่างต่อเนื่อง
ตอนแรก ผมและเหล่าเพิ่งรีบรับมือ เลยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ผมและเหล่าเฟิงก็ยังต้านเอาไว้ได้
ผ่านมาสักพัก ผมสองคนไม่เพียงรับมือไหว แต่ยังใช้การร่วมมือของผมสองคน ค่อยๆแก้การโจมตีของผีผู้หญิงมองวิธีโจมตีของเธอออก และยังเป็นฝ่ายกดดันเธอแทน
หรือจะพูดว่า ผมสองคนร่วมมือกัน เพิ่มความแข็งแกร่งให้เราทั้งคู่ไปถึงขั้นสุด
ถ้าผมสองคนมีดาบไม้ ผมกล้ารับรองเลยว่า
ผีชุดเหลืองตรงหน้า ต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม และเหล่าเฟิงอย่างแน่นอน
แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นเพราะผีผู้หญิงอ่อน แต่เป็นเพราะเราพบว่า การกลายสภาพเป็นผีชุดเหล องของพี่หลี่ แม้จะโจมตีอย่างดุเดือด แต่วิธีการโจมตีกลับอยู่ในขั้นธรรมดา ไม่เหมือนกับพวกผีร้ายที่พวกเราเจอเมื่อก่อนหน้านี้ มีเล่ห์เหลี่ยมทุกรูปแบบ ป้องกันไม่ได้ง่ายๆ
หลังจากต่อสู้กันมาสักพัก ผมและเหล่าเฟิงก็มองการเคลื่อนไหวของผีผู้หญิงออก หรือแม้แต่วิธีการโจมตี
ในสายตาของผม เรื่องนี้น่าจะเป็นเพราะพี่หลี่เพิ่งกลายเป็นผีร้าย ยังไม่เคยไปสู้กับคนอื่น ยังไม่เข้าใจวิธีการโจมตีรูปแบบต่างๆ
ภายใต้สถานการณ์นี้ เป็นธรรมดาที่ผมและเหล่าเฟิงจะไม่เกรงใจ เราเข้าไปบดขยี้ผีผู้หญิงอย่างต่อเนื่อง
เห็นได้ชัดว่าผีผู้หญิงโมโหผิดปกติ และดูอารมณ์เสียเล็กน้อย เห็นอยู่ชัดๆว่าแกร่งกว่าพวกเรา แต่กลับตกเป็นฝ่ายโดนต้อน
เธอตะโกน “โฮกๆๆๆ” ออกมาไม่หยุด และตวัดกรงเล็บโจมตีพวกเราอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผมและเหล่าเฟิงหลังจากมองการโจมตีของผีผู้หญิงออกแล้ว ก็ไม่ได้ร้อนรน
ขอแค่ใจเราสงบ ก็ไม่ต้องกลัวว่าเธอจะไม่เปิดช่องโหว่ ถึงเวลานั้นเราก็จะใช้ยันต์ทําลายพลังชั่วของเธอ
ขอแค่ทําให้พลังชั่วร้ายหายไปจากตัวผีผู้หญิง ทําให้เธอกลับมามีสติอีกครั้ง พวกเราก็จะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ทําไมก่อนหน้านี้พี่หลี่ที่ยังดีๆอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นผีร้ายชุดเหลือง
ทําไมถึงตามพวกเรา ทําไมหลังจากเป็นผีร้ายแล้วไม่ไปแก้แค้นฆ่าคนที่ฆ่าเธอ แต่กลับมาฆ่าพวกเราแทน……
พวกเรากําลังสู้อย่างดุเดือด แต่เถ้าแก่ร้านปิ้งย่างกลับเหมือนกําลังดูละคร
เพราะเขามองไม่เห็นผีผู้หญิง จึงเห็นแค่ผมกับเหล่าเฟิง “กลิ้งไปกลิ้งมา” เดี๋ยวก็กระโดดเดี่ยวก็
เขาเองก็ไม่มีของให้ขายเลยเห็นพวกเรา เป็นคนขี้เม้ามองอย่างมีความสุข
บางครั้งก็ยังตะโกนออกมา “ดี มวยดี !”
“ไม่เลว ขาทรงพลังดี…..”
ผมและเหล่าเพิ่งทําหน้าหมดคําพูด แต่ตอนนี้เราเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพียงแค่สู้กับผีผู้หญิงต่อเท่านั้น
จากนั้นเราก็สู้กันอีกสิบกระบวนท่าได้ ในที่สุดผีผู้หญิงก็เปิดช่องโหว่ ที่ข้างหลังของเธอ
พอเห็นแบบนั้น ผมก็ไม่ลังเล เอื้อมมือเข้าไปแปะยันต์ทําลายทันที
ผมลงมือเร็วสุดๆ ไม่รอให้ผีผู้หญิงรู้ตัว มือผมก็ปะทับลงที่หลังอีกฝ่ายแล้ว
ในเสี้ยววินาทีเดียวกัน ผมก็ประสานมือทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้มือของผมเปลี่ยนเป็นรูปดาบ และตะโกนออกมาว่า “ขอเชิญเทพลุ่ยลิง ทําลาย !”
เสียงเพิ่งดังขึ้น แสงสีขาวก็สว่างขึ้นพร้อมกัน นั้นยันต์ทําลายกระเบิดในทันที
เราได้ยินเพียงเสียงดัง “ตูม” พี่หลีที่กลายเป็นผีชุดเหลือง ล้มกลิ้งลงไปกับพื้นทันที
เพราะพี่หลี่เพิ่งกลายเป็นผีชุดเหลือง พลังต่างจากเราไม่มาก
บวกกับตอนที่ยันต์ของผมทํางาน ผมสามารถควบคุมได้อย่างเชี่ยวชาญ ไม่ได้ให้มันปล่อยพลังออกมาเต็มลิมิต
ดังนั้นการโจมตีของผมครั้งนี้ สามารถทําลายพลังชั่วร้ายของเธอได้พอดี และไม่ได้ทําอันตรายถึงชีวิตเธอ
พี่หลิ่นอนอยู่บนพื้น ก่อนอื่นเลยเธอกรีดร้องออกมาสองสามครั้ง จากนั้นตัวกระตุกไม่กี่ครั้ง และสุดท้ายก็อ้าปาก พ่นพลังชั่วที่อยู่ในรูปควันสี เหลืองออกมา
พอเราเห็นควันสีเหลืองออกมา พี่หลี่ก็เริ่มได้สติกลับมา
เสื้อผ้าชุดเหลือง ก็ค่อยๆจืดจาง กลายเป็นสีขาวอีกครั้ง
ดวงตาปลาตายของพี่หลี่ ก็ค่อยๆมีม่านตา เธอกําลังกลับมาเป็นเหมือนเดิม
พอเห็นถึงตรงนี้ ผมและเหล่าเฟิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ผมและเหล่าเฟิงยืนอยู่ตรงหน้าพี่หลี่ รอให้เธอกลับมามีสติเหมือนเดิม
หลังจากนั้นประมาณสองนาที พี่หลี่ก็ส่ายหัวไปมา และค่อยๆลุกขึ้นนั่งกับพื้น
ตอนเห็นผมกับเหล่าเฟิง เธอก็ทําหน้าสงสัยเล็กน้อย “ท่านนักพรตทั้งสองงั้นเหรอ ? ฉัน ฉันเป็นอะไรไป ? ทํา ทําไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ?”
ผีผู้หญิงทําหน้าสงสัย หรือแม้แต่เอ่ยปากถาม ผมและเหล่าเฟิง
ผมและเหล่าเฟิงขมวดคิ้ว เราอดไม่ได้ที่จะหันมามองหน้ากัน ในเวลาเดียวกันก็ได้ยินผมพูดว่า
“พี่หลี่ พี่จําไม่ได้จริงๆเหรอว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น
พี่หลี่ทําหน้าครุ่นคิด “ฉัน ฉันปวดหัวจัง ฉันจํา จําอะไรไม่ได้เลย….”
ขณะพูด พี่หลี่ยังตบหัวตัวเองสองสามครั้ง
ผมและเหล่าเฟิงก็สงสัย คิดว่าหลังจากพี่หลี่ออกมาแล้ว ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวเธอแน่ๆ หรือจะบอกว่าเธอโดนวิชามารบางอย่างเข้าไป
ไม่อย่างงั้นผมก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าวิญญาณดีๆตนหนึ่ง จู่ๆก็จะกลายเป็นผีร้ายชุดเหลืองขึ้นมาได้ยังไงในเวลาสั้นๆเช่นนี้
พอคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นก็มีเสียงทุ่มต่ําของชายแก่คนหนึ่ง ดังมาจากทางด้านหลังของพวกเรา
“อยากรู้คําตอบไหม มาถามข้าดีกว่า….”
เสียงนี้เพิ่งดังขึ้น ยังไม่รอให้ผมสองคนเห็นว่าเป็นใคร “ตูม” ในหัวของผมกับเหล่าเฟิงก็มีเสียงนี้ดังขึ้น
มีคลื่นลูกใหญ่ซัดเข้ามาทันที
เสียง เสียงแบบนี้ สําเนียงแบบนี้ มันเป็นของชุ่ยซานหยวน
ผมหันไปมองข้างหลังอย่างรวดเร็ว
ผลลัพธ์พอหันไปมองเท่านั้นแหละ ผมก็ช็อกเสียวหัวทันที
ความอยู่สึกหนาวกวาดไปทั้งตัวผมในชั่วพริบตาเดียว
เพราะวินาทีที่หันไป ผมก็เห็นเข้ากับผีร้ายจํานวนนับสิบ พวกมันมาอยู่หลังเราตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้…..