ศพ - ตอนที่ 355 ปล่อยมันฆ่า
ตอนที่ 355 ปล่อยมันฆ่า
ผมคาดไม่ถึงจริงๆว่า สุดท้ายแล้วพิธีที่ผมแอบทําลับๆจะโดนจับได้
น่าเสียดายมาก แต่ผมก็ทําอะไรไม่ได้
ตอนนี้เมื่อได้ยินปุยซานหยวนพูดแบบนั้น ผมก็ทําหน้าเย็นชาทันที
ผมทนความรู้สึกเจ็บที่แขนและท้องเอาไว้ จากนั้นก็พูดออกมาอย่างดุดัน “ถ้า ถ้าคืนนี้ฉันไม่ตาย วัน วันหน้าจะต้องเป็นวันตายของแก!”
“ฮ่าๆๆ ! คนอย่างแกยังคิดจะฆ่าฉันอีกงั้นเหรอ อยู่ต่อหน้าฉันแกก็เป็นแค่มดปลวกเท่านั้นแหละ
พอพูดถึงประโยคสุดท้าย น้ําเสียงของปุยซานหยวนก็เย็นชา แล้วยื่นมือมาทางผม
ทันใดนั้น หมอกสีดําก็ไหลเข้ามา
เส้นลมปราณโดนผนึกเอาไว้ ร่างกายโดนกดเอาไว้ ผมไม่อาจหลบหรือซ่อนได้เลย
ผมได้แต่มองหมอกสีดําที่กําลังพุ่งเข้ามา ตอนหมอกดําพวกนั้นเข้ามาสัมผัสตัวผม ผมก็รู้สึกเหมือนร่างกายโดนดาบนับไม่ถ้วนแทงเข้าไปเล่มแล้วเล่มเล่า มันเจ็บปวดมาก
“อ้า……”
ผมทนไม่ไหวจริงๆ วินาทีนั้นผมแหกปากดังลั่น และเป็นเสียงร้องที่ยาวนาน ตัวผมกลิ้งไปกับพื้นตามสัญชาตญาณ
ผมไม่รู้ว่า พลังของปุยซานหยวนไปถึงขั้นไหนแล้ว แต่ฝีมือของเขาเป็นของจริง
พอนุ่ยเฉิงจิงที่ยืนอยู่อีกทางด้านหนึ่งเห็นผมทรมานถึงขนาดนั้น เธอก็เผยสีหน้าตกใจออกมาทันที
“ติงฝาน !”
หลังจากพูดจบ เธอก็วิ่งมาหาผม ด้วยสีหน้ากังวลสุดๆ
ผลลัพธ์เพิ่งวิ่งออกไปไม่กี่ก้าวปุยซานหยวนก็หมุนตัว คว้าข้อมือของจี่ยเฉิงจึงเอาไว้ “น้องสาว อย่าเพิ่งรีบร้อน เจ้าเด็กนี่ยังไม่ตายหรอกน่า !”
“ปล่อยฉันนะ !” หลังจากพูดจบ เธอก็ยกมือที่มียันต์อีกข้างหนึ่ง ไปทางชุ่ยซานหยวน
แต่พลังของจี๋ยเฉิงจิงไม่ต่างอะไรจากผมมาก แล้วเธอจะทําร้ายก่ยซานหยวนได้ยังไง
ผลลัพธ์เธอเพิ่งยกมือขึ้นก็โดนมืออีกข้างหนึ่ง ของนักพรตปุยจับเอาไว้ ยันต์แผ่นนั้นล่วงลงสู่พื้นทันที
ไม่ว่าจุ่ยเฉิงจึงจะพยายามดิ้นรนขนาดไหน เธอก็ไม่อาจหนีจากเขาได้
นักพรตปุยคลี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์กวาดสายตา มองยันต์แผ่นนั้นแวบหนึ่ง “โห ! ยันต์ซานชิง สํานักเหมาชาน ฮ่าๆๆ ! แต่มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”
หลังจากพูดจบ นักพรตคู่ยก็ออกแรงผลักตัวจู่ยเฉิงจึงล้มลงกับพื้นข้างๆผม
นุ่ยเฉิงจิงกลัวมาก แต่พอเห็นผมทรมานกลิ้งอยู่กับพื้น เธอก็ยังเหลือสติเรียกผม “ติฝาน ติงฝาน……”
ขณะพูด จุ่ยเฉิงจิงก็สกัดจุดให้ผมหลายที่ ทําให้ความเจ็บปวดบนตัวผมลดลงไม่น้อยและรวดเร็วมาก
กุยซานหยวนกลับไม่สนใจเรื่องนี้ เขาค่อยๆเดินมาทางพวกเรา
พอนุ่ยเฉิงจึงเห็นแบบนั้น เธอก็ดูกลัวกุ่ยซานหยวนมาก แต่ในเวลานี้ก็ยังหยิบยันต์ออกมาขวางหน้าผมเอาไว้ทําท่าพยายามปกป้องผมด้วยชีวิต
“อย่า อย่าเข้ามานะ !”
ผมเห็นเต็มสองตา จึงรู้สึกซาบซึ้งใจมาก
ผมอยากจะลุกขึ้น แต่วิชามารของเจ้านักพรตก่ยนั้นก็ร้ายกาจอยู่ดี นอกจากผมจะไม่มีแรงแล้ว ตอนนี้ผมแทบจะขยับส่วนต่างๆของร่างกายไม่ได้แล้ว
กุยซานหยวนไม่สนใจเลยสักนิด เขาพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “พอได้แล้ว เวลาของข้าเหลือไม่มากแล้ว ตอนนี้ข้าจะเก็บเจ้าเด็กนี่ ทําให้มันเป็นทาสผี ส่วนเจ้า ! อีกเดี๋ยวข้าจะควบคุมวิญญาณของเจ้า พาเจ้ามาอยู่ข้างกายข้า”
ขณะพูด ปุยซานหยวนก็ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง แล้วประสานมือเป็นรูปดาบ
ดวงตาเบิกกว้างระเบิดหมอกดําออกมา และตะโกนว่า “เพี้ยง !”
เสียงเพิ่งออกมา หมอกพวกนั้นก็พุ่งเข้ามาทัน
ผมและนุ่ยเฉิงจิงตัวแข็งที่อ วินาทีนั้นพวกเราถูกตรึงเอาไว้กับที่
ไม่เพียงไม่สามารถขยับได้ แม้แต่ปากก็ยังอ้าไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
วินาทีนี้ หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ ผมกังวลมาก
คิดไม่ถึงว่าการจัดการตุ๊กตาผีสามตัว จะทําให้ผมต้องมาเจอกับหมอผีชั่วตัวเบ้งอย่างชุ่ยซานหยวน
ตอนนี้มันชัดเจนจนไม่ต้องพูดอะไร เจ้าหมอนต้องเป็นคนเลี้ยง เจ้าตุ๊กตาผีสามตัวนี้อย่าง แน่นอน
ตอนนี้ผมโดนผนึกพลังเอาไว้ร่างกายโดนตรง เชิญเซียนและเรียกวิญญาณสองวิธีนี้ไม่มีอย่างไหนที่ผมทําได้เลย
ผมคิดว่า ตัวเองเกือบมาถึงทางตันแล้ว
เหงื่อเย็นๆผุดออกมาจากหน้าผากไม่หยุด
การสัมผัสกับความตาย ไม่ใช่เรื่องที่น่ารื่นรมจริงๆ
ผมหันกลับไปมองปุยซานหยวน เขามาอยู่ตรงหน้าพวกเราแล้ว
แต่เขาข้ามจุ่ยเฉิงจึงมาตรงๆ ค่อยๆคุกเข่าลงตรงหน้าผม
ค่อยๆยกมือข้างหนึ่งขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าชายชราที่เหี่ยวย่น เขาพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“เจ้าเด็กน้อย มาเป็นทาสผีของข้าเถอะ !”
หลังจากพูดจบ เขาก็คิดจะเอามือมาจับกลางกระหม่อมผม
พระเจ้าถ้าโดนฝ่ามือนี้เข้าไป ผมต้องตายแน่ๆ
ระหว่างนั้น ตัวผมเย็นเฉียบ……
แต่ ผมก็ดวงแข็ง
ในขณะที่กุยซานหยวนยกมือขึ้น “ตูม” ประตูวิหารที่เคยปิดสนิท ก็ถูกถีบเข้ามาจากด้านนอก
เงาของคนสามคนพุ่งเข้ามาจากด้านนอก ในเวลาเดียวกัน เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น “เดรัจฉาน หยุดเดี๋ยวนี้!”
ตอนได้ยินเสียงนี้ ผมใจสั่น ไฟแห่งความหวังลุกโชนขึ้นมาในดวงตาทันที
เสียงนี้ คําพูดที่ใช้ด่าคนแบบนี้ เป็นของอาจารย์ อาจารย์มาแล้ว
ผมพยายามหมุนลูกตา ทันใดนั้นผมก็พบว่าที่หน้าประตู มีคนยืนอยู่สามคน
สามคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากอาจารย์แล้ว ยังมีท่านนักพรตตู้และเหล่าเฟิงด้วย
ทั้งสองคนทําหน้าตึงเครียดปนความโมโห
ตุ๊กตาผีทั้งสามตัวก็ตอบสนองตั้งแต่วินาทีแรก พวกมันเข้ามาขวางทั้งสามคน มือเท้าติดดิน เงยหัวกรีดร้องออกมา
อาจารย์และคนอื่นไม่ลังเลเลยสักนิด ดึงหน้าลง แล้วเข้าไปฆ่าทันที
ตุ๊กตาผีทั้งสามตัวก็พุ่งเข้าไปปะทะอย่างรวดเร็ว พวกมันบล็อกการโจมตีของทั้งสามคนเอาไว้
แม้ตุ๊กตาผีสามตัวนั้นจะร้ายกาจ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์และท่านนักพรตตู้ พวกมันก็ไม่มีพิษสงแต่อย่างใด
เพิ่งปะทะกัน พวกมันก็โดนอาจารย์และท่านนักพรตตู้อัดจนร้อง “อ้าๆ” ออกมา และกลิ้งไปกับพื้นทันที
แม้แต่เหล่าเฟิง ที่ยังไม่หายเป็นปกติ ตอนนี้ก็ปราบตุ๊กตาผีตัวนึงได้แล้ว
นักพรตปุยต้องการปลิดชีวิตผม แต่ไม่ได้ฆ่าผมตายในฝ่ามือเดียว
ตอนนี้เขากําลังค่อยๆลุกขึ้น จ้องอาจารย์และท่านนักพรตตู้ “เป็นพวกแกอีกแล้ว”
“ไอ้หมอผีชั่ว !” ท่านนักพรตตู้พูดอย่างเย็นชา ไม่คิดจะพูดมาก เขายกดาบพุ่งเข้ามาทางนี้ทันที
คนที่ตามมาติดๆคืออาจารย์ เมื่อตาแก่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน กุยซานหยวนเองก็ต้องให้ความสนใจเช่นกัน
เมื่อก่อนปุยซานหยวนใช้ร่างศพ ปุยซานหยวนถึงได้สู้กับพวกอาจารย์ได้ และได้ชัยชนะกลับไป
แต่ภายใต้ร่างวิญญาณนี้ พลังของเขาย่อมต้องลดลงอย่างแน่นอน
ในเวลานี้เมื่อปะทะกัน ปุยซานหยวนก็โดนบีบให้ถอยหลังไปแล้ว
แต่ปุยซานหยวนเป็นเป็นหมอผีชั่วมานาน เขาย่อมมีลูกเล่นเยอะ ในเวลานี้เขาสู้กับอาจารย์และท่านนักพรตตู้ไป แล้วก็ทําท่าประสานมือท่าแล้วท่าเล่า
ลมกระโชกแรง หมอกดําแพร่สะพัด
หากประมาทเพียงเล็กน้อย โดนฝ่ามือนักพรตปุยเข้าไปสักครั้ง ผลลัพธ์จะต้องร้ายแรงมากแน่ๆ
อีกทางด้านหนึ่ง ตุ๊กตาผีสองตัวที่ถูกซัดออกไป ตอนนี้กําลังไปหาเหล่าเฟิงแล้ว
ต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งเหล่าเฟิงยังพอรับมือได้ แต่ตอนนี้สามต่อหนึ่ง เขาจึงค่อนข้างล่าบากเลยทีเดียว
บวกกับอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดี ทําให้ตอนนี้เขาค่อนข้างลําบาก
ผมและนุ่ยเฉิงจึงถูกตรึงเอาไว้ ได้แต่มองการต่อสู้ ในเวลาเดียวกันก็หวังว่าเหล่าเฟิงจะรับมือไหว
แต่ตอนที่แรงกดดันของเหล่าเฟิงเพิ่มเป็นสองเท่า และเริ่มรับมือไม่ไหว จู่ๆเสียงใครบางคนก็ดังขึ้นจากตัวเหล่าเฟิง “เจ้าขยะ สู้กับผีกระจอกขนาดนี้ยังไม่ไหว !”
เสียงนี้เพิ่งเงียบลง ตัวเหล่าเฟิงก็สัน และมีพลังหยินที่แข็งแกร่งไหลออกมาทันที
ต่อจากนั้น ร่างของใครบางคนก็พุ่งออกมาจากตัวเหล่าเฟิง
เขาไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือวิญญาณดวงที่สองในร่างเหล่าเฟิง หานเฉ่วเฟิง หรือพี่เฟิง…..