ศพ - ตอนที่ 350 เฝ้าต้นไม้รอกระต่าย
ตอนที่ 350 เฝ้าต้นไม้รอกระต่าย
ในขณะที่คุยกัน ผมก็ได้รู้อะไรเกี่ยวกับจุ่ยเฉิงจิงคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ในเวลาเดียวกันผมก็ได้รู้เบื้องหลังหยางเจ่ว จากปากฉียเฉิงจึงไม่น้อย
เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงทั้งนั้น มันผิดคาดสุดๆ
แต่พอมองดูเวลา ผมก็พบว่าตอนนี้เป็นช่วงหัวค่ําแล้ว ฟ้ามืดแล้ว พวกเราไม่กล้าพูดอยู่ที่นี่ต่อ ต่างคนต่างเริ่มเตรียมตัวทํางาน
ดังนั้นผมเลยเดินไปปิดประตูวิหาร หลังจากนั้นก็เดินขึ้นไปข้างบน จนสุดท้ายพวกเราก็ใช้ผ้าขี้ริ้วทําเป็นเชือกแล้วไต่ขึ้นไปข้างบนคาน
ด้านบนนี้สกปรกพอสมควร แต่พวกเราสองคนก็ไม่ได้ใส่ใจ หลังจากทรงตัวได้แล้ว นุ่ยเฉิงจิงก็หยิบดาบเหรียญออกมาจากกระเป๋า หลังจากนั้นก็ยื่นให้ผม “นายถือเอาไว้ อีกเดี๋ยวต้องได้ใช้มันแน่ๆ !”
ผมเองก็ไม่เกรงใจ รับไว้ทันที
ต่อจากนั้น นุ่ยเฉิงจึงยังหยิบยันต์ออกมาให้อีกหนึ่งแผ่น บอกผมว่าอีกเดี๋ยวค่อยใช้
พอผมเห็นยันต์แผ่นนั้นก็ตะลึงในทันที
ผมเคยเห็นยันต์แผ่นนี้มาก่อน ตรงหน้ามีอักษร คําว่า “ปิด” เมื่อก่อนหยางเจ๋วเคยใช้ ตอนนั้น เธอใช้ยันต์แผ่นนี้ซ่อนตัวจากกองทัพผี
หยางเฉวก็เคยพูดว่า ยันแผ่นนี้ร้ายกาจมาก
ในสภาพแวดล้อมพิเศษ เราสามารถใช้มันปิดกั้นลมหายใจได้ในเวลาสั้นๆ
ใช้หลบสายตาพวกธาตุหยิน ใช้ซ่อนตัวได้ดีสุดๆไปเลยละ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร
ตอนนี้เมื่อเห็นฉ่ยเฉิงจึงหยิบออกมา ผมก็อดถามเธอไม่ได้ “นุ่ยเฉิงจิง ยันต์แผ่นนี้เรียกว่าอะไรเหรอ ?”
นุ่ยเฉิงจิงเงียบไปครู่หนึ่ง “ยันต์ปิดลมหายใจ สามารถใช้ปกปิดลมหายใจของเราได้ แต่มันอยู่ได้ไม่นาน ตอนนี้ฉันมีอยู่แค่สองใบ อีกเดี๋ยวพอถึงเวลาเหมาะแล้วค่อยใช้นะ !”
พอได้ยินแบบนี้ ผมก็ตอบรับ “อ๋อ” จากนั้นก็ถือยันต์เอาไว้ เตรียมตัวพร้อมใช้มันตลอดเวลา
เพราะในเวลานี้ฟ้ามืดแล้ว พวกเราเองก็ไม่รู้ว่าตุ๊กตาผีพวกนั้นจะมาตอนไหน
เลยกลัวว่าเสียงพูดจะทําให้พวกมันตกใจ ดังนั้นเราเลยซ่อนอยู่บนคานและไม่ขยับหรือส่งเสียงใดๆ เพียงรออีกฝ่ายออกมาปรากฏตัวอย่างเงียบๆ
แต่อากาศหนาวมาก รอไปแป็บๆเวลาก็ผ่านไปสามชั่วโมงแล้ว
เมื่อลองมองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
ในสถานที่รกร้างเช่นนี้ สี่ทุ่มถือว่าดึกมากแล้ว ด้านนอกไม่มีเสียงอะไรเลยสักนิด
และพลังหยินในวัดร้างแห่งนี้ก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ และหนาวขึ้นเรื่อยๆ
ผมและนุ่ยเฉิงจิงต่างหนาวจนหน้าซีด ตัวสันไม่หยุด
แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย แต่พวกเราก็ยังคงนอนรออย่างเงียบๆ
ผ่านไปอีกประมาณ 10 นาที จู่ๆด้านนอกก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้น
พอได้ยินเสียงนี้ ผมและนุ่ยเฉิงจิงก็ทําท่าเคร่งขรึม ระแวดระวังขึ้นมาทันที
ผมไม่ลังเลแต่อย่างใด เอายันต์ในมือแปะที่หน้าอกทันที และรีบเปิดตาอย่างรวดเร็ว
ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของผม ก็กําดาบเหรียญแน่น กลั้นลมหายใจ เตรียมลงมือ
ทางด้านจี่ยเฉิงจิง ก็เป็นเหมือนผม เธอเองก็เริ่มระแวงขึ้นมาเหมือนกัน
สักพัก เสียงด้านนอกก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกันยังมีเสียงฝีเท้าด้วย
ตอนได้ยินเสียงฝีเท้า ผมเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ตุ๊กตาผีเป็นวิญญาณร้าย จะมีเสียงฝีเท้าได้ยังไง
ผมหันไปมองตาจุ่ยเฉิงจิง พวกเราขมวดคิ้วทั้งคู่ แต่ก็เราก็ไม่ได้ขยับไปไหน
ผ่านไปไม่นาน เสียง “แอด” ก็ดังขึ้น ประตูวิหารถูกเปิดออก
ต่อจากนั้น เราก็เห็นร่างคนไม่กี่คนเดินเข้ามาทั้งหมดห้าคน
มีคนเดินนําคนหนึ่ง คนข้างหลังอีกสี่คนกําลังถือกระเป๋าดําเอาไว้สองใบ ไม่รู้ว่าใส่อะไรเอาไว้
ผมสงสัยในใจ แต่ตอนเห็นหน้าตาของคนพวกนั้นอย่างชัดเจน
ผมก็ใจสั่นเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะทําหน้าตกใจ
เพราะผมพบว่าคนที่เข้ามาไม่กี่คนนั้น มีสามคนที่ผมรู้จัก
พวกเขาก็คือคนทวงหนี้หน้าเลือด ที่จู่ๆก็เข้ามาทวงเงินจูจู ที่ร้านชาบูเมื่อตอนกลางวัน
ผมขมวดคิ้ว ทําหน้าสงสัย
รอมาตั้งนาน ตุ๊กตาผีไม่มา แต่เจ้าพวกหน้าเลือดนี่กลับมาแทน
แล้วก็ เจ้ากระเป๋าที่พวกมันกําลังถืออยู่ใส่อะไรเอาไว้
ในเวลาเดียวกัน จู่ๆพี่หูที่เป็นผู้นํา ก็พูดกับสี่คนข้างหลังว่า “สหายทําได้ไม่เลว เวลากําลังพอดี
รอให้แลกเปลี่ยนเจ้าละอ่อนสองคนนี้เสร็จแล้ว พวกเราก็จะได้รับเงินก้อนโตจริงๆแล้ว !”
แลกเปลี่ยนละอ่อน สองคนงั้นเหรอ
ผมคิดว่ามันผิดปกติแล้ว จึงกวาดตามองกระเป๋าสองใบนั้น ด้วยความสงสัย
ละอ่อนคืออะไร มันก็คือเด็กนิ
หรือว่าที่อยู่ในนั้น คือเด็กงั้นเหรอ
ช่วงหลายวันมานี้ในเมืองมีเด็กหายตัวไป หรือว่ามันเกี่ยวข้องกับเจ้าพวกนี้งั้นเหรอ
จู่ๆในใจของผมก็คิดถึงเรื่องพวกนี้ คิดว่ามันอาจเป็นไปได้สุดๆ
แต่ผมยังนิ่งเหมือนเดิม ในเวลาเดียวกันก็ส่งสัญญาณให้นุ่ยเฉิงจิงว่าอย่าเพิ่งขยับ
ผมอยากรอดูต่อ ว่าเจ้าพวกนี้จะทําอะไรอีก
ถึงวันนี้ตุ๊กตาผีพวกนั้นจะไม่มา แต่ได้จัดการได้ พวกค้ามนุษย์ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
แต่เพิ่งคิดถึงตรงนี้ จู่ๆก็มีสายลมอันเยือกเย็นพัดเข้ามา
มันเป่าฝุ่นและเศษใบไม้ลอยคลั่ง ภายใต้สายลมพวกนั้น ผมและนุ่ยเฉิงจึงสัมผัสได้ถึงพลังชั่วร้ายลางๆ
ผมตัวเกร็ง แอบพูดว่าไม่ดีแล้ว มีสิ่งชั่วร้ายกําลังเข้ามาใกล้ อาจเป็นเจ้าตุ๊กตาผีพวกนั้น
ไม่รอให้พวกเราได้ทําอะไร จู่ๆพี่หูที่อยู่ข้างล่างก็พูดว่า “คนรับของมาแล้ว สหาย พวกเรากลับ
พอพูดจบ พี่หูก็โบกมือ พาอันธพาลไม่กี่คนนั้นออกไปจากวิหารทันที
ไม่รอให้พวกเราได้สติกลับคืนมา เสียงหัวเราะ “คิคิคิ” ก็ดังขึ้นจากข้างนอก
ในสถานที่รกร้างแบบนี้ จะมีเสียงหัวเราะของเด็กได้ยังไง หรือว่าจะเป็นตุ๊กตาผี
พี่หูโดนยันต์ของผมเข้าไป ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวเขาก็ต้องมาหาผม
แต่ตอนนี้ต้องจัดการเจ้าตุ๊กตาผีพวกนี้ก่อน
ดังนั้นผมเลยไม่สนใจพี่หูที่หนีไป เพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่ประตูทันที
ช่วงเวลานี้ ผมสัมผัสได้ถึงพลังหยินที่กําลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านไปไม่นาน ผมก็เห็นหัวคนหัวหนึ่ง โผล่ออกมาที่หน้าประตู
ทุกอย่างนี้อยู่ในสายตาของผมและนุ่ยเฉิงจึงทั้งหมด ตอนพวกเราเห็นหัวหัวนั้น ใจก็สั่นทันที
หัวหัวนั้นเป็นหัวเด็ก มีผมบางๆ ดวงตาเหมือนตาปลาตาย จ้องกระเป๋าดําตาไม่กระพริบ ริมฝีปากออกสีเขียว
ผิวขาวซีดจนน่าตกใจ เหมือนกับสีกระดาษไม่มีผิด
พวกเรากําลังนอนหมอบอยู่บนคาน เมื่อเห็นฉากนี้ ใจก็เต้นแรงขึ้นมาทันที
เย็นวาบที่หลัง ไม่กล้าขยับตัวเลยสักพัก และไม่ได้ส่งเสียงใดๆออกมา
มาแล้ว ในที่สุดตุ๊กตาที่รอมาตั้งนานก็มาถึงแล้ว
เพิ่งคิดได้แบบนี้ อีกฝั่งของประตูวิหาร ก็มีหัวเด็กอีกสองหัวโผล่ออกมา
เจ้าตุ๊กตาผีสามตัวนี้กําลังมองเข้ามาในวิหาร จากนั้นก็หันหลังไปมองตากันอีกครั้ง แล้วก็ส่งเสียงหัวเราะ “คิคิคิ” ออกมา ทันใดนั้นร่างของเจ้าเด็กสามตนนี้ก็พุ่งเข้ามาในวิหาร
ตอนเจ้าตุ๊กตาสามตนนี้เข้ามาในวิหาร ข้ามผ่านพวกเราไป พวกเราก็เห็นรูปร่างของพวกมันอย่างชัดเจน
พวกมันไม่ใส่เสื้อผ้า ใส่เพียงแค่ผ้าเอี้ยมเด็กสีแดง
และพวกมันก็ไม่ได้กําลังเดิน แต่เป็นแขนขาติดพื้น กําลังคลานเข้ามาในวิหาร
จากข้อมูลของนุ่ยเฉิงจิง ตุ๊กตาผีสามตัว ได้มาครบแล้ว
พวกมันเพิ่งคลานเข้ามาในวิหาร ก็เข้าไปล้มกระเป๋าดําสองใบนั้นไว้ทันที ต่อจากนั้นก็ใช้มือลูบเบาๆ
แต่มือน้อยๆของพวกมันกลับเปลี่ยนเป็นเล็บที่แหลมคม เหมือนกับกรงเล็บของสัตว์ร้าย
ไม่เพียงแค่นั้น ตอนนี้พวกมันยังกวัดแกว่งมือเหมือนกําลังดีใจมาก และหัวเราะ “คิคิคิ” ออกมาไม่หยุด
พวกมันยังอ้าปากออกมาเป็นครั้งคราว ยื่นลิ้นออกมาเลียกระเป๋าสองใบนั้น
ราวกับได้เจอกับอาหารอันโอชะ และดูเหมือนกับได้เจอพวกเดียวกัน ไม่ว่ายังไงพวกมันก็ดูดีใจ มาก
แต่พวกมันกลับไม่ได้สังเกตเห็นพวกเราที่อยู่ บนคาน ยังคงหัวเราะ “คิคิคิ” อยู่ตรงนั้นไม่หยุด
นุ่ยเฉิงจิงเคยสู้กับพวกมันมาก่อนแล้ว ตอนนี้ พอเห็นเจ้าตุ๊กตาผีสามตัวมาครบแล้ว เธอก็ส่งสัญญาณมือให้ผม ความหมายคือพอเห็นนับถึงสามแล้วให้ผมทําตามแผน