ศพ - ตอนที่ 328 มาตามคําสั่ง -
ตอนที่ 328 มาตามคําสั่ง
ขณะมองแสงไฟดวงเล็กๆดวงนั้น ในใจของพวกเราไม่ได้รู้สึกดีแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแต่ความรู้สึกสับสนที่ไม่อาจพูดออกมาได้
สับสนว่าผีผู้หญิงถูกหรือผิด ดีหรือชั่ว
ถึงผมจะไม่ได้เจอเรื่องประเภทนี้ครั้งแรก และเข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ดี
ผู้หญิงแสนดีคนหนึ่ง ตอนนี้กลับกลายเป็นผีร้ายในสายตาคนอื่น
พวกเราในฐานะคนปราบสิ่งชั่วร้าย การฆ่าเธอก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุ
สมผล
แต่ ในใจของผม กลับคิดถึงคนที่ทําร้ายเจียหย่าจือ บัณฑิตซิ่วในชั่วที่ยัง เธอเอาไว้ในโลงเหล็ก ต้นเหตุที่ทําให้เธอกลายเป็นแบบนี้
เพียงแต่เวลาผ่านมาร้อยกว่าปีแล้ว เจ้าบัณฑิตซิ่วไฉคนนั้นก็คงตายไปนานแล้ว และเหลือแต่เศษธุลีเท่านั้น
คนร้ายไม่อยู่แล้ว บทสรุปย่อมไม่อาจรู้ได้
เพราะเจ้าชั่วนั่นผีผู้หญิงถึงต้องตาย ตอนนี้ผมคิดแค่เพียง อยากให้เจ้าชั่วนั่นได้รับบทลงโทษที่สาสม
แต่ก็สงสารเจียหย่าจือผีผู้หญิงชุดแดงตนนั้น เพราะเจ้าชั่วนั่นเธอถึงต้อง ตาย ต้องทําชั่ว แล้วสุดท้ายยังต้องมาวิญญาณแตกสลายอีก
พอคิดมาถึงตรงนี้ ผีผู้หญิงก็หายไปจากสายตาผมแล้วไซต์งานที่ว่างเปล่าเหลือเพียงพวกเราไม่กี่คนเท่านั้น
ตอนนี้มีร้ายโดนกําจัดแล้ว ภารกิจของพวกเราก็ถือว่าเสร็จสิ้นแล้วถึงจะ คิดมากไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา
นอกจากจะพูดขอบคุณกับพี่เพิ่งและพี่หวางแล้ว ผมยังมีเรื่องบางอย่าง อยากคุยกับทั้งสองตน
เพราะเหล่าเฟิงและหยางเนิ่วอยู่ด้วย ผมเลยไม่กล้าพูดเท่าไหร่
ด้วยเหตุนี้ ผมเลยหันไปพูดกับเหล่าเฟิงและหยางเฉีวว่า “ เหล่าเฟิงหยางเฉ่ว งานเสร็จแล้ว พวกนายกลับไปบอกเสี่ยวม่านก่อนนะฉันมีบางอย่าง อยากจะคุยกับพี่ชายทั้งสองตามลําพัง ! ดังนั้นพวกนายกลับไปก่อนนะเออใช่ในกระเป๋าไปเปาของพวกนายมีข้าวหยินไหมถ้ามีเอามาให้ฉันหน่อย
พอเหล่าเฟิงและหยางเนิ่วได้ยินผมพูดแบบนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก 2004 เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าเพิ่งหนิวและหวางเป้าเฉิงมาเพื่อผมโดยเฉพาะ
แบบนี้ดูเหมือน พวกเขาทั้งสองจะกลายเป็นคนนอกไปโดยปริยายสําหรับพวกเขาเรื่องบางอย่าง ก็ไม่อาจพูดออกมาได้ตรงๆและผีทั้งสองตนนี้ก็ยัง เป็นระดับผู้นํา ย่อมมีความลับของตัวเองอยู่แล้ว
ส่วนข้าวหยิน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร มันต้องถูกเอามาใช้เป็นของขวัญตอบแทนผีทั้งสองอยู่แล้ว
ผ่านไปไม่นาน เหล่าเฟิงก็เอาข้าวหยินถุงน้อยๆออกมาจากกระเป๋าไปเปาของพวกเขา แล้วส่งมาให้ผม
ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็โบกมือให้เทิงหนิวและหวางเป้าเฉิงหลังจาก นั้นก็ได้ยินทั้งสองพูดว่า
“ พี่เทิง พี่หวาง คืนนี้ขอบคุณพวกท่านมากนะคะ/ครับพวกเราขอตัวก่อนนะคะ/ครับ ! ”
เพิ่งหนิวและหวางเป้าเฉิงคลี่ยิ้ม และโบกมือกลับ “เกรงใจแล้วเกรงใจ แล้ว !”
จากนั้น เหล่าเฟิงและหยางเฉ้วก็ไม่ได้อยู่ต่อหลังจากพยักหน้าให้ผมแล้ว พวกเขาก็ออกไปทันที
เหล่าเฟิงและหยางเฉ่วเพิ่งเดินออกไปผมก็เอาข้าวหยินในมือให้ทั้งสอ งตน “ พี่ชายทั้งสองพวกเราไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรเอาไว้นี่เป็นข้าวหยิ นสามถุง หวังว่าพวกท่านจะรับไว้ ! ”
เพิ่งหนิวและหวางเป้าเฉิงเห็นผมยื่นข้าวหยินให้ก็เผยสีหน้าดีใจออกมา เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เว่อร์อะไรเบอร์นั้นพวกเขายังพอเก็บท่าทีอยู่บ้าง
แต่จากท่าทีที่ละเอียดอ่อนของพวกเขาก็ทําให้ผมดูออกมาว่าทั้งสองตน ดีใจมาก
“ ฮ่าฮ่าฮ่า น้องติงฝานเกรงใจไปแล้ว ! ในเมื่อเป็นแบบนี้งั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้วนะ ” เทิงหนิวหัวเราะ แล้วหันไปสบตากับหวางเป้าเฉิงจากนั้นก็เอื้อมมือออกมารับข้าวหยิน
“ พี่ชายทั้งสอง ถ้าไม่ได้พวกท่านช่วยเอาไว้ พวกเราคงตายไปแล้ววัน หน้าน้องคนนี้จะเอาของขวัญไปเซ่นไหว้ให้พวกท่านอย่างแน่นอน ! ” ผมพูด
ผมเพิ่งเงียบลง หวางเป้าเฉิงก็พูดกับเทิงหนิว “สหาย เป็นไงละฉันบอก แล้วว่าน้องติงฝานเป็นคนมีคุณธรรมมาก !”
“ คือจริง จริง ” เทิงหนิวพยักหน้า มือข้างหนึ่งจับถุงข้าวหยินไม่ยอมปล่อย
ดูจากท่าทางของเขา คงไม่มีใครเอาของไปไหว้เขาหลายร้อยปีแล้ว
พอพูดถึงตรงนี้ ผมก็ไม่พูดอ้อมค้อม รีบพูดต่อทันที “ พี่ชายทั้งสองไม่ท ราบว่าทําไมจู่ๆพวกท่านก็มาที่นี่ละ ?”
ทั้งสองคนฉีกยิ้มให้กัน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหวางเปาเฉิงพูดว่า “น้องติงฝานอาจจะไม่รู้ ก่อนหน้านี้จู่ๆแม่นางมู่หลงก็ส่งข้อความมาหาบอกว่าเจ้าอาจตกอยู่ในอันตรายให้พวกเรารีบมาช่วยเจ้าที่นี่ทันที ”
“ พอข้าได้ยินว่าน้องติงตกอยู่ในอันตราย ก็รีบเดินทางมาที่นี่ทันทีโชคดีที่สุสานจินชานอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลก็เลยมาทันพอดี… ”
เพิ่งหนิวพูดต่อทันที “ ใช่แล้ว ! ข้าก็ได้รับข้อความจากแม่นางมู่หลงเหมีอนกัน และรู้ว่าแม่นางมู่หลงกําลังเก็บตัว ไม่สามารถออกมาได้และเรียกให้ คนอื่นมาช่วยไม่ทันแล้ว ข้าก็รีบมาช่วยทันทีระหว่างทางบังเอิญเจอกับน้อ งหวางพอดีเพราะฐานะของแม่นางมู่หลง เมื่อกี้ยังมีคนอื่นอยู่ด้วยเราสอง คนก็เลยไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ! ”
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็อดรู้สึกอบอุ่นหัวใจไม่ได้
ถึงตอนที่ทั้งสองตนปรากฏตัว ผมจะเดาว่าเป็นแบบนี้อยู่แล้วแต่คําพูดจากปาก ก็ทําให้ผมดีใจยิ่งกว่าเดิมอยู่ดี
ถึงว่าหลังจากผมกระตุ้นตราประทับสีดําเสร็จ และเรียกมู่หลงเหยียนสามครั้งแล้วเธอก็ไม่ออกมา ที่แท้ก็กําลังเก็บตัวออกมาไม่ได้นี่เอง
แต่ผมก็คิดไม่ถึงว่า แม้มู่หลงเหยียนจะมาไม่ได้แต่เธอก็คิดวิธีขอความ ช่วยเหลือจากผู้นําสุสานจินชานและผู้เฒ่าเขาผีสองตนนี้ให้มาช่วยพวกเรา
แทน
น้ําใจแบบนี้ ทําให้ผมรู้สึกซึ้งใจไม่น้อย
พอกลับไปแล้ว ต้องหาเวลาไปเยี่ยมมู่หลงเหยียนสักหน่อยพูดขอบคุณ กับเธอดีๆสักครั้ง อย่างมากสุดผมก็อาจโดนเธอ “อัด” คืนเดียว
หลังจากรู้ความจริงแล้ว ผมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ส่วนหวางเป้าเฉิงกลับหัวเราะฮ่าๆใส่ผม “ น้องติงฝานโชคดีจริงๆเลยนะที่ได้แต่งกับแม่นางมู่หลงน่ะ ”
จู่ๆก็ได้ยินคําพูดแบบนี้ ผมก็ทั้งดีใจ และอึดอัดใจในเวลาเดียวกัน
ที่ผมดีใจเป็นเพราะ ผมพบว่าเหมือนตัวเองจะเริ่มชอบยัยเจ้าอารมณ์นั่นขึ้นมาหน่อยแล้ว
แต่ที่อึดอัดใจคือ ก็เพราะต่อหน้าและลับหลังของยัยเจ้าอารมณ์นี่เป็นอ ย่างกับคนละคนนะซิ
โดยเฉพาะกับผม เธอทั้งดุร้ายและขี้โมโห แต่ผมก็ยิ้มตอบเขาจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
เทิงหนิวเห็นว่าตอนนี้ก็ดึกมากแล้วเรื่องราวของที่นี่ก็จบลงอย่างน่าพอใจ แล้วจึงเอ่ยปากบอกลาผม
สิ่งที่ควรถามผมก็ถามไปหมดแล้ว ได้รู้สาเหตุที่แท้จริงแล้วผมจึงไม่รั้งพวกเขาเอาไว้อีก เพียงบอกให้พวกเขาเดินทางอย่างปลอกภัยวันหน้าผมจะไปเยี่ยม
นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com
ต่อจากนั้น เทิงหนิวและหวางเป่าเฉิงก็โบกมือให้ผมแล้วหมุนตัวเดินเข้า ไปในความมืด
พวกเขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ร่างก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
แม้ผมจะเดาไม่ออกว่าทั้งสองคนมีพลังและความแข็งแกร่งถึงขนาดไหน แต่จากการต่อสู้กับผีชุดแดง
อย่างต่ําพลังของพวกเขาต้องมีมากกว่าผีชุดแดงหนึ่งเท่าอย่างแน่นอน
หรือจะพูดอีกอย่างว่า พลังของทั้งสองตน ก็น่าจะอยู่ในขั้นเต้าหวางที่อยู่ เหนือกว่าขั้นเต้าจจิ้น
นี่สามารถได้พูดว่าเป็นพลังที่น่ากลัวเลยทีเดียว เพราะอาจารย์ท่านนัก พรตตู้และคนอื่นๆ ก็ยังอยู่แค่ใน
ขั้นสุดท้ายของขั้นเต้าชื่อเท่านั้น
และเมื่อก่อนผมเคยได้ยินท่านนักพรตคู่ที่เคยออกไปท่องเที่ยวไปทั่วพูด ว่า แม้แต่พวกสํานักใหญ่ๆ หรือพวกที่ได้รับการสืบทอดจากตระกูลคนที่ ถึงขั้นเต้าหวางก็อยู่ในช่วงอายุที่เป็นผู้อาวุโสไปแล้วในสายงานของพวกเรา คนเหล่านั้นล้วนมีชื่อเสียงทั้งนั้น
แต่หวางเป้าเฉิงและเทิ้งหนิว กลับมีพลังแบบนี้ช่างน่าหวั่นเกรงจริงๆ
แต่ถ้าคิดอีกมุมหนึ่ง ในฐานะผู้นําผี มีพลังแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไป
เพียงแค่เมื่อย้อนกลับมามองตัวเอง กลับยังอ่อนถึงขนาดนี้อยู่แค่ขั้นเต้า ถือเท่านั้น หากเอาไปเทียบกับพวกเขาผมมันก็แค่มือใหม่สมัครเล่นเท่านั้น
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ตัดสินใจแล้วว่าหลังจากกลับไปผมจะฝึกให้หนักก ว่าเดิมทําให้พลังของตัวเองพัฒนาขึ้น
ผมไม่ได้อยู่ต่อ หลังจากเผชิญหน้ากับลมหนาวแล้ว ผมก็หมุนตัวเดินกลับไปที่อาคารหลังเล็กๆในไซต์งานทันที