ศพ - ตอนที่ 29 การจ้องมองคานอันชั่วร้าย
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ผมก็นิ่งอึ้งไปในทันที
จากนั้นก็พูดกับเฟิงเฉ่วหานว่า “รีบดูข้างบน!”
เมื่อเฟิงเฉ่วหานได้ยินผมพูด เขาก็รีบมองขึ้นไปทันที
เมื่อได้เห็น เขาก็สั่นไปทั้งตัว “คาน คานชั่วร้าย คิดไม่ถึงว่าพลังชั่วร้ายจะรวมตัวกลายเป็นน้ำแข็ง!”
เฟิงเฉ่วหานเองก็รู้สึกว่านี้มันเป็นเรื่องที่รับมือยาก เมื่อพลังชั่วร้ายกลายเป็นน้ำแข็ง เขาก็สามารถจินตนาการได้เลยว่าวิญญาณร้ายตัวนี้จะแข็งแกร่งแค่ไหน
แม้ว่าก่อนหน้านี้ ผมจะไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
แต่ผมก็รู้ดี ว่าการที่ศพมองคานบ้านนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม
คุณหนูเหวินตายโหง พลังชั่วร้ายในร่างกายจึงมีมาก
บวกกับก่อนหน้านี้เธอยังได้นอนในโลงที่ทำจากไม้ฮวงตาน จึงทำให้พลังชั่วร้ายของคุณหนูเหวินมีมากกว่าเดิม
ตอนนี้เลยมีฉากดีๆเกิดขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างของคุณหนูเหวิน กำลังจ้องไปที่คานอย่างไม่วางตา จนก่อตัวเป็นฮวงจุ้ยต้องห้าม
หรือพูดสั้นๆว่า ภายใต้ฮวงจุ้ยต้องห้ามนี้ ทำให้ศพของคุณหนูเหวินมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อก่อนในชนบท เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์แบบนี้
เขาจึงนำศพเข้าไปนอนในห้อง โดยมีหมอนวางรองหัวหนึ่งใบ
เพื่อไม่ให้ศพมองไปที่เพดาน ก่อนที่พวกเราจะเคลื่อนย้ายศพของคุณหนูเหวิน นักพรตตู๋ก็ให้ภรรยาของคุณเหวินทำหมอนมาวางไว้ด้านล่างแล้ว
ตอนนั้นผมเองก็เห็นกับตา แต่คุณหนูเหวินมองขึ้นไปบนคานห้องได้ยังไงนะ
ผมรู้สึกสงสัยนิดหน่อย เมื่อก้มหน้าลง ก็พบว่าหมอนที่คุณหนูเหวินกำลังนอนอยู่นั้น ได้ยุบตัวลงไป
จึงทำให้หัวของเธอขยับขึ้นไปด้านบน เปลี่ยนหัวให้เป็นแนวตั้ง ดวงตาจ้องไปที่คานห้อง ซึ่งตรงกับข้อห้ามพอดี
เมื่อผมลองให้มือลูบดู อีกนิดเดี๋ยวผมก็เกือบด่าแม่…ซะแล้ว
เพราะผมพบว่าหมอนที่คุณหนูเหวินใช้ เป็นหมอนยางพารา
แม่งเอ้ย คนเป็นนอนหลับได้อย่างสบายก็จริง แต่เจ้านี้จะเอามาให้คนตายนอนได้ยังไง
ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมหัวของคุณหนูเหวินถึงได้มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดก็เป็นเพราะเจ้าหมอนใบนี้นี่เอง
อย่ามองว่าหมอนใบนี้มีราคาแพง แค่ธรรมดาๆก็ราคาหลักพัน
แต่การนำหมอนชนิดนี้มาให้คนตายนอน มันเท่ากับการทำร้ายกันชัดๆ
ผมขมวดคิ้ว จากนั้นก็พูดกับเฟิงเฉ่วหานอีกครั้ง “บ้าเอ้ย ที่หัวของศพเป็นหมอนยางพารา”
“อะไรนะ หมอนยางพารา ถึงว่าหัวถึงได้หันขึ้นข้างบน! ติงฝาน นายรีบปิดตาของศพเร็ว ฉันจะรีบไปหาของอย่างอื่นมาเปลี่ยน!”
เมื่อพูดจบ เฟิงเฉ่วหานก็หมุนตัวเพื่อไปหาของมาเปลี่ยนทันที
หลังจากนั้นผมก็เริ่มใช้มือปิดตาศพ อยากให้ดวงตาของคุณหนูเหวินปิดสนิท
แต่ผมกลับพบว่าเปลือกตาของเธอนั้นแข็งทื่อ ไม่สามารถขยับได้เลยสักนิด ไม่ต้องพูดถึงว่าจะทำให้ดวงตาของเธอมันปิดสนิทได้เลย
“เฟิงเฉ่วหาน ฉันปิดตาศพไม่ได้!” ขณะที่พูด ผมก็ลองทำต่อไปเรื่อยๆ
แต่สุดท้ายก็ยังล้มเหลว แต่จู่ๆ ก็มีน้ำหยดหนึ่งตกลงมาที่แขนของผม มันเย็นจนถึงกระดูก
แม้จะเป็นแค่น้ำหยดเดียว แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกหนาวมาก
ผมจึงมองขึ้นไปตามสัญชาตญาณ พบว่าผลึกน้ำแข็งที่อยู่บนคาน กำลังมีหยดน้ำไหลออกมา
หยดน้ำเมื่อกี้ ก็หยดลงมาจากผลึกน้ำแข็งนั่นเอง
วินาทีนั้นสีหน้าของผมก็เปลี่ยนไปทันที ผมแอบพูดในใจว่าแย่แล้ว
ถึงว่าทำไมมันถึงได้เย็นขนาดนั้น เพราะนั่นเป็นหยดน้ำที่กลั่นตัวออกมาจากพลังที่ชั่วร้าย เมื่อผมปล่อยให้น้ำหยดลงบนตัวศพ มันก็เหมือนมีเปลวไฟอยู่ในตัว ที่สามารถกระตุ้นพลังชั่วร้ายที่อยู่ในศพได้ ดังนั้นสภาพศพจึงมีการเปลี่ยนแปลงทันที มันกลายเป็นผีดิบ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของผมก็ซีดลงในทันที
ผมรีบตะโกนเรียกเฟิงเฉ่วหานที่กำลังหาของมาแทนทันที “เฟิงเฉ่วหาน เร็วๆ พลังชั่วร้ายจากน้ำแข็งเริ่มหยดลงมาบนหัวศพแล้ว!”
แม้ว่าปกติเฟิงเฉ่วหานจะเป็นคนเยือกเย็น แต่ในวินาทีนั้นเขาก็แสดงท่าทางที่ร้อนรนออกมา
นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าศพเปลี่ยนไป จนกลายเป็นผีดิบ นั้นก็จะเกิดเรื่องยุ่งยากตามมา
ถ้าศพเปลี่ยนเป็นผีดิบมันจะมีผิวหนังดั่งทองแดงและกระดูกแข็งดั่งเหล็ก พละกำลังมหาศาล และศพยังมีพิษด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆการต่อสู้กับมันจะเป็นสิ่งที่ลำบากมาก
แต่ภายในห้องโถง จะมีหมอนได้ยังไง
เฟิงเฉ่วหานหาหมอนผ้าฝ้ายไม่ได้สักที สุดท้ายเขาก็เจอกระดาษแข็งกองหนึ่ง หลังจากพับมันสองสามครั้ง เขาก็รีบวิ่งมาทันที
“เร็ว รีบเอาไปวางให้เธอ!” ขณะที่พูด เฟิงเฉ่วหานก็ส่งกระดาษแข็งมาให้ผม
ตอนนี้ผมไม่สนใจอย่างอื่นอีกต่อไป รีบรับมา จากนั้นก็นำหมอนยางพาราออก และใส่กระดาษแข็งเข้าไปทันที
แต่หยดน้ำที่ชั่วร้าย หยดลงมาถึงสามหยดแล้ว
แต่ทุกๆครั้งมันหยดโดนตัวของผม ดังนั้นจึงไม่ทำให้ศพมีการเปลี่ยนแปลง
หลังจากเปลี่ยนเสร็จ ลักษณะการนอนของศพก็เปลี่ยนไป
ส่วนของดวงตามองเห็นคานบางส่วนเท่านั้น เมื่อเป็นแบบนี้ มันจึงไม่ตรงกับฮวงจุ้ยที่ชั่วร้ายอีก
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าผมจะใช้แรงเยอะแค่ไหน ก็ไม่สามารถปิดตาของศพได้ แต่ตอนนี้กลับสามารถปิดมันได้อย่างสบายๆ
เมื่อเฟิงเฉ่วหานเห็นผมสามารถปิดตาศพได้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
จากนั้นก็ได้ยินเฟิงเฉ่วหานพูดว่า “ในที่สุดก็ปิดได้ซะที ตอนนี้พวกเรารีบปิดฝาโลงกันเถอะ แล้วก็จุดธูปชุดใหม่!”
ผมพยักหน้า และถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ขอแค่สามารถปิดตาศพได้ นั้นก็ถือว่าสามารถทำลายการจ้องคานที่ชั่วร้ายได้แล้ว เรื่องนี้จึงจบลงทั้งแบบนี้
จากนั้น ผมและเฟิงเฉ่วหานช่วยกันออกแรง ผลักฝาโลงให้ปิดอีกครั้ง
แต่ทันใดนั้นสิ่งที่พวกเราไม่คิดคือ ในวินาทีนั้น ในห้องโถงกลับมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น
ทันใดนั้น ก็มีเสียงแมวดังขึ้น
“เมี๊ยว!”
เสียงไม่ดังมาก แต่ภายในค่ำคืนที่เงียบสงัด มันจึงทำให้พวกเราได้ยินอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินเสียงนี้ สีหน้าของผมและเฟิงเฉ่วหานก็เปลี่ยนไปทันที หันไปมองตามสัญชาตญาณ
กลับพบว่า ไม่รู้ว่าต้องแต่เมื่อไหร่ ที่แมวดำอวบอ้วนตัวหนึ่งได้เดินเข้ามาอยู่ในห้องโถงแห่งนี้แล้ว
ดวงตาของแมวดำกำลังเปล่งประกาย มันจ้องมองพวกเราที่กำลังจับฝาโลงอยู่
ในงานศพการปรากฎตัวของเจ้านี้ ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีแต่อย่างใด
เฟิงเฉ่วหานด่าออกไปตรงๆ “แมวจากที่ไหนวะ ไสหัวออกไป!”
เดิมทีคิดว่าการด่าเพียงแค่นี้ จะสามารถทำให้แมวเดินออกไปได้
แต่นั้นมันเป็นแค่ความฝัน เพราะแมวดำตัวนี้ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเลยสักนิด
กลับกันมันยังพุ่งเข้ามา จากนั้นก็กระโดดมาที่ ด้านบนโลงศพของคุณหนูเหวิน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมและเฟิงเฉ่วหานที่พึ่งได้หายใจหายคอ ก็กลับมาคอแข็งทื่อ ใบหน้าย้อมไปด้วยความหวาดกลัว
ไอ้บ้าเอ้ย! แบบนี้ต้องแย่แน่ๆ
บนโลงของคนตาย จะมาทำเป็นยืนเล่นๆได้ยังไง
และอีกอย่างในห้องโถงที่จัดงานศพและบริเวณรอบๆโลงศพ ยังเป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิตสองชนิด
นั้นก็คือหมาและแมว ในชนบท ถ้าบ้านใครมีคนตาย สัตว์สองชนิดนี้จะต้องถูกเอาออกไปให้ห่างจากสถานที่จัดงานศพ
เพราะสัตว์สองชนิดนี้สำหรับคนตายมันคือ “ของต้องห้าม” เพราะตำนานเล่าว่ามันจะทำให้คนตายไม่ได้เป็นสุข ไม่สามารถจากไปได้อย่างสงบ
สุนัขมักเห่าหอนเมื่อเห็นผี ส่วนแมวมักร้องเรียกเพื่อพูดคุยกับศพ นี่จึงเป็นที่มาของเรื่องนี้
ตอนนี้เมื่อเห็นแมวดำตัวใหญ่กำลังยืนจ้องพวกเราจากบนโลงศพ ผมก็แทบอยากจะร้องไห้ออกมา
คุณหนูเหวินเสียชีวิตแบบกระทันหันนะ และศพก็เคยเกิดเรื่องบางอย่างถึงสองสามครั้ง ดังนั้นพลังชั่วร้ายที่มีก็เยอะพออยู่แล้ว
เมื่อกี้ยังปรากฎฮวงจุ้ยที่ชั่วร้ายคือศพจ้องคานอีก แต่ในที่สุดพวกเราก็สามารถแก้ได้
ถ้าตอนนี้แมวป่าตัวนี้ยังมาสร้างความลำบากให้อีก ผมคงรับประกันไม่ได้จริงๆ ว่าต่อไปศพของเธอจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีกไหม
ตอนนี้หน้าของผมบูดเบี้ยวมาก รีบตะโกนใส่แมวป่าทันที “ออกไป!”
ขณะที่พูด ผมและเฟิงเฉ่วหานยังใช้มือตีแมวด้วย เพราะอยากไล่มันไปเร็วๆ
แต่พวกผมไม่รู้ว่าทำไม เจ้าแมวป่าตัวนี้นั้นไม่กลัวคนเลยสักนิด
ตอนที่ผมตีมัน มันไม่เพียงไม่หลบ แต่ยังข่วนผมกลับ
หลังมือของผม มีคราบเลือดที่เกิดจากแมวข่วนสองถึงสามแผล
ผมรู้สึกโกรธมาก มองไปที่แมวตัวนั้นและตีลงไปอีกครั้ง
แต่ตอนนี้ผมกลับพบว่า แมวป่าตัวนั้นกำลังเผยท่าทางทีที่แปลกประหลาดออกมา
ปากของมันสั่นระริก ก้มหัวลง และร้อง “เมี๊ยว” ……