ศพ - ตอนที่ 179 ระหว่างความเป็นความตาย
ตอนที่ 179 ระหว่างความเป็นความตาย
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพลังของกุ่ยซานหยวนจะสูงถึงขนาดนี้
เมื่อก่อนผมคิดว่า ถ้าพวกเราสามคนร่วมมือกัน ถึงจะไม่ชนะ ก็น่าจะพอสู้สูสีกันได้
เพราะพลังของท่านนักพรตตู๋มาถึงขั้นเต้าจวินแล้ว เขาก็น่าจะสู้ได้บ้าง
จากนั้นก็บวกกับการช่วยเหลือของผมและเฟิงเฉ่วหาน ทำลายศพที่เขาสิงอยู่ได้ เพราะไม่ใช่ร่างจริงของกุ่ยซานหยวน มันก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าหมอนี้จะร้ายกาจถึงขนาดนี้ นี่เพิ่งเริ่มต้น เขาก็ทำให้ท่านนักพรตตู๋บาดเจ็บแล้ว
ผมและเฟิงเฉ่วหานต่างก็ตกที่นั่งลำบาก ในเวลานี้พวกเราไม่สามารถขยับตัวได้เลย
ไม่เพียงถูกควบคุมพลังในร่างกาย พละกำลังที่มียังก็เฮือดหาย ไม่มีทางที่พวกเราจะดึงพลังกลับมาได้เลยสักนิด
ดาบไม้ที่อยู่ในมือ ต่างล่วงหล่นลงพื้น
ผมและเฟิงเฉ่วหานพยายามดิ้นรนสองสามครั้ง แต่มันก็ไม่ได้ผล พวกเราถูกเจ้าหมอนี้บีบคอเอาไว้แน่น ไอเย็นกดพลังเอาไว้ แม้แต่มือก็ยกขึ้นมาไม่ได้ จึงไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเราจะสามารถหลุดพ้นจากเงื้อมมือเขาได้
ท่านนักพรตตู๋เห็นผมและเฟิงเฉ่วหานถูกบีบคอ เขาจึงตกใจมาก
แม้จะกระอักเลือดออกมา แต่ในเวลานี้เขากลับไม่สนอะไรทั้งสิ้น เขาจับดาบไม้ขึ้นมา ไม่สนใจคราบเลือดที่มุมปาก ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนออกมาทันที “ ไอ้ชั่ว ปล่อยพวกเขาเดี๋ยวนี้ ! ”
หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตตู๋ก็เข้ามาโจมตีเขาอีกครั้ง
แต่กุ่ยซานหยวนไม่สนใจ เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองท่านนักพรตตู๋แวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “ รนหาที่ตาย ! ”
หลังจากพูดประโยคนี้จบ กุ่ยซานหยวนก็แกว่งมือทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมและเฟิงเฉ่วหานที่ถูกจับเอาไว้ ลอยกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง
“ ปัก ” ผมรู้สึกว่าร่างกายแตกเป็นเสี่ยงๆ มันเจ็บมาก และยังไม่มีแรงดิ้นรน แม้แต่จะกรีดร้องออกมาก็ยังทำไม่ได้ ผมตกอยู่ในสภาพของคนตายโดยสมบูรณ์
หลังจากนั้น กุ่ยซานหยวนก็หมุนตัว เข้าไปปะทะกับท่านนักพรตตู๋
ในเวลานี้ท่านนักพรตตู๋ตาแดงแล้ว เพื่อช่วยชีวิตผมและเฟิงเฉ่วหาน เขาไม่กลัวเลยสักนิด สภาพของเขาเหมือนคนสู้อย่างไม่คิดชีวิต
“ไปตายซะไอ้ชั่ว ! ” ท่านนักพรตตู๋ตะโกน พร้อมกับแทงดาบเข้าไปอย่างรวดเร็ว
การเคลื่อนไหวของเขาเร็วสุดๆ และดูทรงพลังมาก
แต่กุ่ยซานหยวนร้ายกาจกว่านั้น เขาไม่เห็นท่านนักพรตตู๋อยู่ในสายตา ที่มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
มือซ้ายเสกคาถาตรงหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็พูดออกมาเบาๆ “ เพี๊ยง ! ”
เมื่อพูดคำนั้นหลุดออกมา ระหว่างนั้นร่างกายของกุ่ยซานหยวน ก็กลายสภาพ
ในเวลาเดียวกัน ท่านนักพรตตู๋ก็แทงเข้าไปที่ร่างกายของกุ่ยซานหยวนแล้ว
วินาทีที่ดาบแทงลงไป เขาไม่ได้แทงเข้าไปที่ร่างกายของกุ่ยซานหยวน
เพราะร่างกายนั้นกลายเป็นหมอกสีดำ “ ปัง ” จากนั้นก็หายไปในพริบตา นี่มันแปลกมาก
ถึงแม้ท่านนักพรตตู๋จะเคยไปมาทั่วทุกสารทิศ แต่ในใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว ทันใดนั้นเขาก็ตกตะลึงทันที
“ ไอ้หมอผีชั่ว ออกมาเดี๋ยวนี้ ! ” ท่านนักพรตตู๋พูดต่อ ในเวลาเดียวกันก็คอยปกป้องผมและเฟิงเฉ่วหานอยู่ด้านหน้า
แม้ผมและเฟิงเฉ่วหานจะเวียนหัวตาลาย แต่ก็ยังมีสติ เพียงแค่ไม่มีพลัง ขยับร่างกายไม่ได้ก็เท่านั้น
ขณะที่พวกเรากำลังมองท่านนักพรตตู๋ปกป้องพวกเราอยู่ด้านหน้า พวกเราก็ตัวสั่น อยากจะทำให้ตัวเองลุกขึ้นมาสู้ได้อีกครั้ง
แต่ผมในเวลานี้ ผมกลับคิดถึงข้อมือซ้ายของตัวเองมากกว่า
สถานการณ์ในตอนนี้ มาถึงจุดเสี่ยงแล้ว
ถ้าไม่เรียกมู่หลงเหยียนออกมาช่วยละก็ คืนนี้พวกเราสามคน จะต้องตายกลายเป็นผีอยู่ในป่าแน่
ผมอยากเคลื่อนพลังจากจุดตานเถียน แต่มันกลับไม่ได้ผล เพราะดูเหมือนพลังที่จุดตานเถียนจะถูกไอเย็นผนึกเอาไว้ จนไม่สามารถเปิดออกได้อย่างสมบูรณ์ นี่จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องเคลื่อนพลังเลย
ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง ดูเหมือนเหล่าเฟิงจะพยายามเอื้อมมือไปทางกระเป๋า เห็นได้ชัดว่าเขาคิดจะใช้ยา เรียกพี่เฟิงออกมาช่วย
แต่สภาพของพวกเราสองคนย่ำแย่พอกัน พวกเราต่างขยับตัวไม่ได้ ทำได้เพียงนอนลืมตาอยู่บนพื้น และกระวนกระวายในใจ
ท่านนักพรตตู๋เองก็สำรวจไปรอบๆ ปกป้องพวกเราอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้น เสียงของหมอผีชั่วก็ดังขึ้นจากทุกทิศ ดูเหมือนเสียงก้องที่สะท้อนมาจากรอบๆ “ ข้าสนุกพอแล้ว ตอนนี้ข้าจะฆ่าพวกเจ้า ! ”
เสียงนี้ดังมาจากทุกสารทิศ พวกเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันดังมาจากทางไหนกันแน่
ท่านนักพรตตู๋มองไปรอบๆ แต่เขากลับไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง
ในตอนนั้นเอง หมอกสีดำเส้นหนึ่ง ได้เข้ามาจากทางด้านหลังของท่านนักพรตตู๋ อย่างไม่ให้สุ่มให้เสียง
ดวงตาของผมและเฟิงเฉ่วหานมองเห็นฉากนี้โดยอัตโนมัติ หัวใจของพวกเราเต้นรัว อยากเตือนท่านนักพรตตู๋อย่างสุดใจ
แต่พวกเราไม่สามารถส่งเสียงได้ ทำได้เพียงเบิกตากว้าง และอ้าปากพูด
ท่านนักพรตตู๋ยังไม่รู้ตัว เขายังคงตะโกนต่อไป “ ไอ้ชั่ว ออกมาตายซะดีๆ ไอ้ชั่ว…… ”
หมอกสีดำนั้น ได้รวมตัวกัน จนกลายเป็นรูปร่างของคน
เขาไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือกุ่ยซานหยวนผู้ที่ไม่ใช่ทั้งคนและผี
เขาปรากฎตัวอย่างเงียบๆ ในมือถือท่อนเหล็กเอาไว้ เขาค่อยๆยกมันขึ้น คิดจะแทงข้างหลังของท่านนักพรตตู๋
ท่อนเหล็กนั้นคมผิดปกติ ภายใต้แสงจันทร์มันสะท้อนแสงแวววาว
เมื่อผมและเฟิงเฉ่วหานเห็นฉากนี้ ใจก็ตกไปที่ตาตุ่ม
พวกเราอยากตะโกนบอก อยากจะเข้าไปหยุดเขา แต่ด้วยข้อจำกัด พวกเราไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ดั่งใจ จึงทำได้เพียงมองดูตาปริบๆ
ตอนนี้ ผมได้ยินเพียงเสียงกุ่ยซานหยวนพูดกับท่านนักพรตตู๋ด้วยเสียงที่แหบแห้งว่า “ ตาแก่ แกควรตายได้แล้ว ! ”
เมื่อท่านนักพรตตู๋ได้ยินคำพูดนี้ และมันยังดังมาจากข้างหลัง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขากำลังจะหมุนตัวกลับมา
แต่ไม่รอให้ท่านนักพรตตู๋ได้หันมา ทันใดนั้นท่อนเหล็กในมือของกุ่ยซานหยวนก็แทงเข้าไปดัง “ ฉึก ” วินาทีนั้นมันแทงเข้าไปที่กลางหลังของท่านนักพรตตู๋
ท่านนักพรตตู๋เจ็บมาก “ อ๊าก ” เขากรีดร้อง ร่างกายแข็งทื่อ ไม่สามารถขยับไปไหนได้
เมื่อเห็นท่านนักพรตตู๋ถูกแทง เฟิงเฉ่วหานที่อยู่ข้างๆผมก็แทบบ้าคลั่ง ร่างกายของเขาดิ้นไปมา ขณะเดียวกันเขาก็ร้องไห้ออกมา
ผมและเฟิงเฉ่วหานต่างอ้าปาก กรีดร้องออกมาทันที
แต่กลับเป็นเสียง “ ฮือฮือฮือ ” ที่อ่อนแรง
หมอผีคนนั้นไม่ได้สนใจพวกเรา เขายังพูดกับท่านนักพรตตู๋ว่า “ ตาแก่ เป็นศัตรูกับข้า มีแค่จุดจบเดียวเท่านั้น ! คือตาย ! ”
เมื่อพูดถึงคำว่า “ ตาย ” หมอผีคนนั้นก็ดึงท่อนเหล็กออกอย่างรวดเร็ว
ท่อนเหล็กเพิ่งถูกดึงออก เลือดสีแดงสดก็ย้อมเสื้อของท่านนักพรตตู๋
ท่านนักพรตตู๋เอามือกดไปที่หลังของเขา ร่างกายเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว หลังจากนั้นก็ล้มลงไปกับพื้นทันที
แต่ท่านนักพรตตู๋ยังแสดงท่าทางไม่หวาดกลัว เขาค่อยๆพลิกตัว เงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ ไอ้ชั่ว ! สักวัน สักวันยังไง ยังไงก็ต้องมีคนมาจัดการ จัดการแก ! ”
“ ฮ่าฮ่าฮ่า จัดการข้างั้นเหรอ ถ้ามีละก็ ทำไมตอนนี้ข้ายังมีชีวิตอยู่ละ พวกแกทำลายงานของข้าถึงสองครั้ง ฆ่าลูกศิษย์ของข้าหนึ่งคน ข้าให้พวกแกมีชีวิตอยู่นานขนาดนี้ ก็ถือว่าข้าเมตตาแล้ว ตอนนี้แกก็ควรตายได้แล้ว…… ”
ขณะที่กุ่ยซานหยวนพูด เขาก็ยกท่อนเหล็กขึ้นคิดจะเข้าไปแทงท่านนักพรตตู๋ให้ตายคาที่
ตอนนี้ท่านนักพรตตู๋บาดเจ็บหนัก ไม่มีแรงต่อต้าน แต่เขายังคิดจะยืนขึ้น
ด้วยแก่นแท้จากจิตวิญญาณของคนปราบสิ่งชั่วร้าย แม้แต่ความตายก็ไม่สามารถหยุดเขาได้
กุ่ยซานหยวนกลับไม่สนใจ เขาค่อยๆยกท่อนเหล็กขึ้น อยากแทงอีกฝ่ายให้ตาย
แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆในหุบเขา ก็มีเสียงนกร้อง “ กา…… ” ดังก้องไปทั่ว
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ร่างกายของกุ่ยซานหยวนก็สั่นไหวอย่างช่วยไม่ได้ เขาหยุดการกระทำอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองขึ้นไปบนฟ้า
เมื่อมองขึ้นไป เขาก็เห็นนกสีดำตัวใหญ่ ในเวลานนี้มันกำลังบินโฉบไปรอบๆ เสียงร้องของนกที่ได้ยินก็ดังมาจากนกดำตัวใหญ่นั่นเอง
เมื่อกุ่ยซานหยวนเห็นนกดำตัวใหญ่ เขาก็ตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ทันใดนั้น “ ปึก ” เขาทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้น มองนกดำตัวใหญ่และพูดว่า “ กุ่ยซานหยวนขอคารวะท่านผู้ส่งสาร…… ”