ศพ - ตอนที่ 117 ตัวประกัน
ตอนที่ 117 ตัวประกัน
ขณะที่ผมมองอู่ฮุ่ยฮุ่ย ในใจก็รู้สึกแปลกใจและสับสน
แม้จะไม่รู้ว่าเธอมาที่นี่ได้ยังไง แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นตัวประกันไปแล้ว
ผมไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของเธอ ดังนั้นผมจึงปล่อยมือที่ประสานอยู่
เมื่อจางจึเทาเห็นผมปล่อยมือ ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะ “ ฮ่าฮ่าฮ่า ” ออกมาอย่างน่าขนลุก “ ติงฝาน ต่อไปก็รบกวนนายดึงยันต์ออกให้ฉันหน่อยนะ ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมกลับขมวดคิ้ว “ ไม่ได้ ! แกต้องปล่อยเธอก่อน ! ”
“ ปล่อยเธอ ทางที่ดีแกทำตามที่ฉันบอกจะดีกว่า ! ” เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย จางจึเทาก็พูดเน้นเสียง และออกแรงที่มืออีกนิดหน่อย
เขาบีบแรงเยอะเกินไป จนทำให้อู่ฮุ่ยฮุ่ยหายใจติดขัด และไอแห้งๆออกมาสองสามครั้ง
ผลลัพธ์การไอนี้ ทำให้ร่างที่สลบของเธอ ได้สติขึ้นมาอย่างกระทันหัน
เมื่อเธอฟื้น ก็ได้เห็นสัตว์ประหลาดจางจึเทาที่ลำตัวมีขนสีดำ และเผยให้เห็นคมเขี้ยวพอดี
“ พรึบ ” สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที ร้อง “ อร๊าย ” ออกมาทันที
จางจึเทาเห็นอีกฝ่ายกรีดร้อง จึงออกแรงที่มืออีกครั้ง
อู่ฮุ่ยฮุ่ยหายใจลำบากกว่าเดิม จนทำให้เธอแทบส่งเสียงออกมาไม่ได้ และหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
ยังดิ้นรนไม่หยุด ใช้มือทั้งสองข้างจับมือจางจึเทาเอาไว้แน่น ได้ยินเพียงเสียง “ ฮือฮือ ” ออกมาเบาๆ
“ ยัยชั่ว ถ้ายังแหกปากอีกฉันจะกินแกซะ ! ” จางจึเทาขู่
อู่ฮุ่ยฮุ่ยกลับตกใจจนเหมือนจะขาดใจตาย แววตาของเธอแข็งทื่อ ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เธอยังอยากมีชีวิตรอด จึงพยักหน้าให้เขารัวๆ เธอกลัวจนถึงขีดสุด
จากนั้น จางจึเทาก็หันมาพูดกับผมอีกครั้ง “ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแกจะมีพลังขนาดนี้ บีบให้ฉันจนมุมได้ถึงขั้นนี้ แค่เอายันต์แผ่นนี้ออก ฉันก็จะปล่อยผู้หญิงคนนี้ ! และครั้งนี้ที่ฉันเรียกทุกคนมารวมตัวกัน ก็เพราะอยากเห็นหน้าทุกคนอีกสักครั้งเท่านั้น คิดถึงเรื่องราวเก่าๆ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะออกไปจากที่นี่ทันที และในอนาคตพวกเราจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก ”
ถึงปากจางจึเทาจะพูดแบบนี้ แต่สวรรค์รับรู้ว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้ผม มีทางเลือกอื่นด้วยเหรอ
ถ้าไม่อยากให้อู่ฮุ่ยฮุ่ยถูกเจ้าบ้านี้ฆ่าตาย ก็ทำได้แค่ทำตามที่มันบอก
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พูดว่า “ ได้ ! นายอย่าพึ่งทำอะไรละ ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็เดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ขณะที่ผมเข้ามาใกล้จางจึเทาและอู่ฮุ่ยฮุ่ย
อู่ฮุ่ยฮุ่ยก็ใช้แสงจันทร์จางๆ มองเห็นรูปร่างของผม
หลังจากที่เธอเห็นรูปร่างหน้าตาของผมชัดเจน ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตกตะลึง
มันชัดเจนมากว่า เธอยังจำผมได้
แต่ผมไม่ได้พูดกับเธอ กลับยืนอยู่ที่หน้าจางจึเทา และพูดกับเขาว่า “ จางจึเทา พูดแล้วก็ทำด้วยละ ! ”
จางจึเทาแยกเขี้ยว “ แน่นอน ! ”
เพื่อต้องช่วยชีวิตอู่ฮุ่ยฮุ่ย ผมไม่มีทางเลือก จำต้องเอื้อมมือออกไปดึงยันต์ที่หน้าอกของเขาออก
จากนั้นเสียง “ แควก ” ก็ดังขึ้น ยันต์ที่ติดอยู่กับหน้าอกของจางจึเทาแผ่นนั้น ถูกผมดึงออกแล้ว
แต่ตอนที่ยันต์แผ่นนั้นถูกดึงออก ม่านตาของจางจึเทากลับหดเล็กลง เปลี่ยนมือมาจับคอผมแทน
แต่ผมไม่ได้โง่ แน่นอนว่าต้องมีแผนรับมืออยู่แล้ว
ผมหลบอย่างรวดเร็ว และยังใช้มืออีกข้างจับตัวอู่ฮุ่ยฮุ่ยเอาไว้ จากนั้นก็ดึงมาทางผมอย่างรวดเร็ว
จางจึเทาไม่ได้สนใจอู่ฮุ่ยฮุ่ยอยู่แล้ว มืออีกข้างของเขายังว่าง จึงใช้มันเข้ามาจับผมอีกครั้ง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เดิมทีผมสามารถหลบมันได้อย่างสบายๆ
แต่เพราะตอนนี้ผมกำลังดึงตัวอู่ฮุ่ยฮุ่ยอยู่ ดังนั้นความเร็วในการหลบจึงไม่เพียงพอ
ผลลัพธ์กรงเล็บของจางจึเทา ได้ข่วนแขนผมจนเป็นแผลสองแผล
ผมอดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ ดึงตัวอู่ฮุ่ยฮุ่ยไปไว้ข้างหลังผม เพราะกลัวว่าเธอจะต้องบาดเจ็บไปด้วย
ในเวลาเดียวกันก็พูดว่า “ รีบออกไปจากที่นี่ซะ ! ”
ขณะที่พูด ผมก็เข้าไปต่อสู้กับจางจึเทาอีกครั้ง
ตอนนี้จางจึเทาดุร้ายยิ่งกว่าเดิม พลังหยินบนตัวก็เข้มข้นขึ้น
เขาพุ่งเข้ามาชนผมอย่างแรง ในเวลาเดียวกันก็พูดตะคอก “ นี่เป็นสิ่งที่แกบังคับฉันเอง ! ”
เสียงพึ่งตกลง จู่ๆพลังออร่าที่เคยเป็นสีเหลืองอ่อน ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างผิดแปลก
ภายใต้ดวงตาสวรรค์ ที่ผิวของจางจึเทา กำลังมีไอดำล้นทะลักออกมาจำนวนมาก
ไม่ใช่เพียงเท่านี้ เพียงแค่ชั่วพริบตา จู่ๆหน้าผากของจางจึเทา ก็แยกออก
ดูเหมือนจะมีลูกตากลมๆสีขาวโพน ปรากฎออกมา
เมื่อเห็นภาพนี้ ในสมองของผมก็มีเสียงดัง “ ปัง ”
ราวกับฟ้าผ่าในตอนกลางวัน นี่คือ ตาดวงที่สาม
ที่มันไม่ใช่สัญลักษณ์ในองค์กรลับนั้นเหรอ คิดไม่ถึงว่าจางจึเทาเพื่อนสมัยประถมของผม ก็จะเป็นสมาชิกในองค์กรนั้น
ผมทำหน้าตกใจ อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ ตาผี ตาผีขององค์กร ! ”
เมื่อจางจึเทาได้ยินผมพูดออกมาอย่างกระทันหัน ก็เผยรอยยิ้มที่น่าสยดสยองออกมาทันที “ คิดไม่ถึงว่าแกก็เคยได้ยินเรื่ององค์กรของพวกเรา แต่ก็นะ คนนอกที่รู้เรื่ององค์กรของพวกเรา ล้วนต้องตาย ! ”
ขณะที่พูด จางจึเทาก็ตัวสั่น ระเบิดพลังหยินออกมาทันที
ไอพลังหยินนี้แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งกว่าพลังก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่เท่าตัว
และยังทำให้เกิดลมกระโชกแรง พัดเข้ามาที่ตัวของผมทันที
ช่วงเวลานั้น ผมรู้สึกหนาวเย็นจนถึงกระดูก และยังรู้สึกว่าใจของผมกำลังสั่น
ในช่วงเวลานี้ ผมรู้ดี เมื่อตาผีนั้นปรากฎ พลังของจางจึเทาจะเพิ่มสูงอย่างมหาศาล
เมื่อกี้พวกเรายังเทียบกันไม่ติด แต่หลังจากที่ตาผีปรากฎขึ้น เพียงแค่พลังหยินนั้นอย่างเดียว ก็ทำให้ผมรู้สึกกดดันแล้ว
ผมรู้ว่า ถ้ายังสู้ต่อไป ผมจะต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจางจึเทาแน่
สีหน้าของผมเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดมาก แต่เมื่อเห็นอู่ฮุ่ยฮุ่ยที่ยังมึนอยู่ข้างหลังของผม ผมก็เริ่มกระวนกระวายทันที “ เธอทำอะไร ไม่อยากตายก็รีบหนีไปซะ ! ”
แม้ว่าอู่ฮุ่ยฮุ่ยจะตื่นตระหนกเล็กน้อย และไม่แน่ใจว่าจางจึเทาเป็นคนหรือผี หรือตัวอะไรกันแน่
แต่พอเห็นว่าผมอยู่ตัวคนเดียว และยังช่วยเธอไว้เมื่อกี้ เธอจึงตัดสินใจไม่หนีไป กลับกันยังพูดกับผมว่า “ ถ้า ถ้าฉันไปแล้ว งั้นนาย นายจะทำยังไง ”
ผมทำท่าเหมือนพูดอะไรไม่ออก หรือว่าเธออยู่ที่นี่ต่อเพื่อจะช่วยผมงั้นเหรอ
แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีอารมณ์คุย จึงพูดตรงๆ “ ฉันมีวิธีอยู่แล้วละ เธอรีบหนีไปเถอะ ! ”
ขณะที่พูด ผมก็ยกมือซ้ายขึ้นมาแล้ว และกระตุ้นพลังที่อยู่ในตัวทันที
นอกจากความสามารถเล็กน้อยของตัวเองแล้ว แน่นอนว่าไพ่ไม้ตายที่ร้ายกาจที่สุดของผม ก็คือภรรยาสุดสวยมู่หลงเหยียนนั่นเอง
ครั้งก่อนยัยโมโหร้ายนั้นพูดแล้ว ถ้าเจออันตราย ให้เรียกชื่อเธอที่ไฝดำบนข้อมือซ้ายแล้วเธอก็จะรีบมาช่วยทันที
ถึงผมจะไม่รู้ว่ามู่หลงเหยียนจะออกมาจากไฝดำนี้ได้ยังไง แต่เธอพูดแบบนั้นแล้ว ยังไงเธอก็จะต้องมาอย่างแน่นอน
ผมไม่เชื่อว่า เจ้าจางจึเทานี่จะเป็นคู่ต่อสู้กับมู่หลงเหยียนได้
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ผมก็คิดจะเรียกชื่อมู่หลงเหยียน
แต่ตอนนั้นเอง เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
ผืนป่าที่ห่างออกไปไม่ไกล จู่ๆก็มีแสงไฟสว่างขึ้น
ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีเสียงของผู้ชายตะโกนออกมา “ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ห้ามขยับทั้งนั้น นี่ตำรวจ…… ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกเราก็อึ้งไปทันที
นี่มันยังไงกัน ทำไมจู่ๆตำรวจก็มาอยู่ที่นี่ละ
และดูจากท่าทางแล้ว คนที่มาไม่ใช่แค่คนสองคน แต่เป็นแปดถึงเก้าคน
เมื่อคนที่กำลังจะเข้ามาโจมตีใส่ผมอย่างจางจึเทาเห็นสิ่งนี้ ก็ตื่นตกใจทันที
ทันใดนั้นเขาก็ขจัดพลังชั่วร้าย และตาที่สามบนหน้าผากออก และตอนนี้พวกมันก็หายไปอย่างน่าประหลาด
ไม่เพียงเท่านี้ จางจึเทายังยิ้มเย็นชาให้ผมและพูดว่า “ ติงฝาน เราต้องเจอกันอีกแน่ ! ”
หลังจากพูดจบ จางจึเทาก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์ ใช้เท้าสี่ข้าง หมุนตัวและวิ่งหายเข้าไปในป่าลึกทันที
เขาเร็วมาก เพียงแค่ชั่วพริบตาก็ไม่เห็นเงาของเขาแล้ว
แต่อู่ฮุ่ยฮุ่ยที่อยู่ข้างหลังผมกลับตะโกนบอกตำรวจว่า “คุณตำรวจ พวกเรา พวกเราอยู่ที่นี่ คนเลว คนเลวหนีไปแล้ว……”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของผมก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
รีบพูดกับอู่ฮุ่ยฮุ่ยว่า “ เธอพูดบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าโรงพยาบาลบ้า ก็อย่าพูดอะไรออกมา…… ”