ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 46 : คำแนะนำ
“ไม่โกรธจริง ๆ เหรอ?” เหม่ยเสี่ยวเหวินมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวตรงหน้าเพื่อพยายามค้นหาความจริง
สายตาของกู้เหนียนจื่อยังสว่างสดใส และเธอก็หัวเราะอีกครั้งพร้อมกับลูบผมด้านข้าง “ใช่ ฉันจะไม่โกรธคนที่ไม่เกี่ยวกับฉัน นี่ก็ดึกแล้ว หัวหน้ากลับบ้านเถอะ”
ชายหนุ่มมองดูนาฬิกาของเขา “ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ฉันจะเอาอาหารเช้ามาให้เธอ”
หญิงสาวส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ฉันต้องทำงานวิทยานิพนธ์”
“ตกลง เธอขึ้นไปก่อน ฉันจะกลับหลังจากที่ฉันเห็นเธอเข้าไปในหอพักแล้ว” หัวหน้าหนุ่มจุดบุหรี่อีกอันแล้วยิ้มให้สาวน้อย เธอดูเหมือนเป็นคนสบาย ๆ แต่จริง ๆ แล้วเอาชนะใจได้ยาก
กู้เหนียนจื่อเห็นว่าเธอไม่สามารถโน้มน้าวเขาได้ และไม่รู้จะพูดอะไรอีกจึงหันหลังกลับไปที่หอพัก เธอขึ้นไปชั้นบนแล้วหยิบกาแฟกับมัฟฟินที่รูมเมทของเธอสั่งออกจากกล่องสตาร์บัคส์ขนาดใหญ่แล้ววางบนโต๊ะทำงานของตัวเอง จากนั้นเธอก็เดินไปที่ระเบียงเพื่อมองลงไปชั้นล่าง
เหม่ยเสี่ยวเหวินเงยหน้าขึ้นมองไปที่เธอพลางโบกมือลา ก่อนที่จะกลับขึ้นรถและขับรถออกไป รูมเมทเห็นว่าสาวน้อยของกลุ่มดูผ่อนคลายและร่าเริงเหมือนเดิมแล้ว ดังนั้นพวกเธอทั้งสามจึงรู้ว่าทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันแล้ว พวกเธอไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่จงใจพูดว่า “ช่างเป็นวันที่เหนื่อยจริง ๆ เราควรเข้านอนกันเร็ว ๆ นะ”
กู้เหนียนจื่อออกมาหลังจากอาบน้ำและเห็นว่าสาว ๆ สามคนหลับไปหมดแล้ว เธอเช็คโทรศัพท์ของเธอและเห็นว่าฮัวเฉายังไม่โทรกลับ เธอเอาแล็ปท็อปมาไว้บนเตียงและเริ่มเขียนวิทยานิพนธ์ของเธอไม่หยุดจนกระทั่งนาฬิกาบอกเวลาตี 2 เมื่อถึงเวลานั้น ดวงตาของเธอแทบจะปิดอยู่แล้ว ดังนั้นในที่สุดเธอก็ปิดแล็ปท็อปและผล็อยหลับไป เธอวางโทรศัพท์ที่ไม่ได้ปิดเสียงไว้ข้าง ๆ เผื่อว่าฮัวเฉาเหิงโทรมา
เธอตื่นขึ้นในตอนเช้าเมื่อดวงอาทิตย์ส่องสว่างแล้ว นางมารน้อยกำลังเล่นโยคะอยู่ที่ระเบียง และเมื่อเธอได้ยินกู้เหนียนจื่อพูดคุยกับยัยหนูชาเขียวฟ่าง เธอจึงพูดว่า “สาวน้อย หัวหน้าห้องเอาอาหารเช้ามาให้เธอ ฉันคิดว่ามันเป็นชุดอาหารเช้าจากฟอร์จูนเทอเรซ”
กู้เหนียนจื่อเช็คโทรศัพท์ของเธอและพบว่าไม่มีสายไม่ได้รับหรือข้อความเข้ามา
ดูเหมือนว่าฮัวเฉายุ่งมาก หรือบางทีเขาอาจไม่สนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนั้น ความคิดนี้ทำให้หญิงสาวรู้สึกเศร้าใจ แม้ว่าเธอจะเรียกเขาว่าอาฮัว แต่พวกเขาก็ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเลย เขาเป็นนายพลที่ทุกคนนับถือ ส่วนเธอเป็นแค่เด็กกำพร้า เธอส่ายหัวและรีบแต่งตัว จากนั้นเธอก็หยิบกระเป๋าแล็ปท็อปของเธอแล้วลงไปข้างล่าง
เหม่ยเสี่ยวเหวินเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับถามว่า “กินข้าวหรือยัง?”
“หัวหน้า นายรู้ได้ไงว่าฉันยังไม่ได้กินข้าว เลยเอานี่มาให้” หญิงสาวมองไปที่กล่องอาหารจากฟอร์จูนเทเรซที่อีกฝ่ายถืออยู่ด้วยความสนใจ
กล่องอาหารตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกหิวจริง ๆ
เมื่อคืนเธอแทบไม่ได้ทานอะไรเลยเพราะความตื่นเต้น หลังจากที่เธอตื่นขึ้นในตอนเช้า ในที่สุดเธอก็รู้ตัวว่าเธอกำลังหิวโหยมาก ๆ
ชายหนุ่มพาเธอไปที่โต๊ะหินอ่อนและนั่งลงที่ริมทะเลสาบเพื่อรับประทานอาหารเช้า ต้นเดือนมีนาคมในเมือง C นั้นอากาศหนาวเย็นเล็กน้อยในตอนเช้า แต่โจ๊กของร้านฟอร์จูนเทอเรซ เกี๊ยวซุปนึ่งสดและเนื้อตุ๋นให้ความอบอุ่นน่ารับประทานจนเธอแทบไม่รู้สึกถึงอากาศที่หนาวเย็น ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว เธอได้ทานชุดอาหารเช้าทั้งหมดเสร็จแล้ว
เหม่ยเสี่ยวเหวินที่ดื่มแค่นมเท่านั้นหัวเราะ “ดูเหมือนว่าเมื่อวานเธอแทบจะไม่ได้กินอะไรเลยจริง ๆ เธอไม่ชอบอาหารอิตาเลียนจากร้านเรดแมเนอร์เหรอ?”
กู้เหนียนจื่อยิ้มแล้วตอบว่า “ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบอาหารอิตาเลียน ฉันแค่ไม่ชอบหัวหอมน่ะ”
หัวหน้าหนุ่มคิดย้อนกลับไปและตระหนักว่าเมื่อคืนนี้มีอาหารที่มีหัวหอมอยู่สองสามจาน เขาพยักหน้าแล้วบอกว่า “เดี๋ยวคราวหน้าฉันจะไม่สั่งอะไรที่ใส่หัวหอมให้เธออีก”
พวกเขาพูดคุยกันอีกเล็กน้อย จากนั้นก็จัดข้าวของและแยกย้ายกันไป กู้เหนียนจื่อนั่งอยู่ในห้องสมุดตลอดช่วงเช้าและแก้ไขวิทยานิพนธ์ของเธอ เธอปวดคอมากจากการนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เธอลูบตรงท้ายทอยและสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนนั่งลงตรงหน้าเธอ กู้เหนียนจื่อเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเป็นศาสตราจารย์เฮอจือชู
“ศาสตราจารย์เฮอ?!” หญิงสาวตกใจปนกับแอบดีใจ “คุณมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดของเราเหรอคะ”
เฮอจือชูพยักหน้า เขาสวมเสื้อสูทลำลองสีน้ำเงินกรมท่าที่ทำด้วยผ้าขนสัตว์ จับคู่กับกางเกงที่เข้าชุดกัน เขานั่งตรงข้ามกับเธอ แต่ก็ยังสูงกว่าเธอทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่ ในตอนนั้นเองที่กู้เหนียนจื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาทั้งสูงและหล่อขนาดไหน แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีกล้ามเหมือนฮัวเฉา แต่เขาก็มีความสปอร์ตที่คล้ายคลึงกัน แล้วผสมผสานกับดวงตาที่เฉียบคมกับท่าทางที่เป็นผู้ใหญ่ เขามีออร่าลึกลับฉายอยู่รอบ ๆ ตัว
ขณะที่กู้เหนียนจื่อสังเกตเขา เขาก็ทำแบบเดียวกันกับเธอ ผู้หญิงคนนี้สูงกว่าเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ที่อายุเท่าเธอ และสูงเกือบ 173 เซนติเมตรแล้วก่อนที่จะอายุครบ 18 ปี ผิวของเธอดูสวยใสจนดูโปร่งแสง เมื่อมองจากไกล ๆ ดูเหมือนว่าผิวของเธอจะเรียบเนียนราวกับหินอ่อน และความสวยอันไร้ที่ติยิ่งทำให้เธอน่ามองขึ้นไปอีก ดวงตากลมโตของเธอมีเสน่ห์เป็นพิเศษ สำหรับรูปร่างของเธอ แม้ว่าเธอจะสวมเสื้อกันหนาวผ้าแคชเมียร์สีลาเวนเดอร์ทรงหลวม แต่เขาก็สามารถเห็นได้ว่าสัดส่วนของเธอนั้นเด่นชัดกว่าผู้หญิงทั่วไป เขาหลับตาลงและปิดหนังสือตรงหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก “เธอกำลังเขียนอะไรอยู่?”
“วิทยานิพนธ์ของหนูค่ะ” สาวน้อยคิดถึงเรื่องที่ชายหนุ่มจะมาเป็นอาจารย์ของเธอในฤดูใบไม้ผลิหน้า และรู้สึกตื่นเต้นทันทีที่ได้พูดคุยเกี่ยวกับบทคัดย่อสำหรับวิทยานิพนธ์ของเธอ เขาสามารถชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องในบทคัดย่อของเธอได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เขายังช่วยให้วิทยานิพนธ์ของเธอมีความคืบหน้าไปอีกมาก
กู้เหนียนจื่อแก้ไขบทคัดย่อของเธออีกครั้งและถอนหายใจด้วยความชื่นชม “การใช้คำพูดและสำนวนของผู้เชี่ยวชาญนั้นเหนือกว่าคนที่ศึกษามาเป็นสิบ ๆ ปีมากจริง ๆ”
เฮอจือชูยืนขึ้น เขาหยิบที่ใส่บัตรบางเฉียบออกจากกระเป๋าของเขาแล้วดึงนามบัตรออกมาวางมันไว้บนโต๊ะ “พยายามเข้า เธอสามารถส่งมาให้ฉันตรวจหลังจากที่เธอทำเสร็จแล้ว และฉันจะช่วยเธอแก้ไขเพิ่มเติม”
“ตกลงค่ะ!” หญิงสาวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เธอหยิบนามบัตรของอีกฝ่ายมาด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วเห็นว่ามีอีเมล หมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่สำนักงานของเขาระบุอยู่บนบัตร นอกจากนี้ยังมีที่อยู่ของสำนักงานกฎหมายอีกด้วย
กู้เหนียนจื่อมองนามบัตรอย่างระมัดระวัง “ศาสตราจารย์เฮอคะ คุณทำงานพาร์ทไทม์ที่สำนักงานกฎหมายอธิปไตยหรือเปล่าคะ”
เฮอจือชูมีท่าทีอ่อนลงเล็กน้อยราวกับกำลังสนุก แต่ไม่นานมันก็จางหายไปในทันที “เปล่า ไม่ใช่พาร์ทไทม์ นั่นคือสำนักงานกฎหมายของฉัน”
“จริงเหรอคะ คุณเป็นแบบอย่างสำหรับนักศึกษากฎหมายของเราจริง ๆ!” เธอประหลาดใจและประทับใจมาก เมื่อไหร่เธอจะสามารถเป็นหุ้นส่วนหรือบริหารสำนักงานกฎหมายของเธอเองได้กันนะ?
ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์หนุ่มจะอ่านใจเธอออก เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “การเป็นหุ้นส่วนไม่ใช่เรื่องยาก ตราบใดที่เธอสามารถพิสูจน์ความสามารถของเธอเองให้คนอื่นรู้ได้”
“งั้นหนูขอน้อมรับคำอวยพรของคุณนะคะ” สาวน้อยรู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับคำแนะนำและคำชมดังกล่าวจากเฮอจือชู คนตรงหน้าจะเป็นอาจารย์และหัวหน้าของเธอในอีก 3 ปีข้างหน้า และเรื่องต่าง ๆ จะราบรื่นขึ้นมากถ้าเธออยู่เคียงข้างเขา! ขณะที่เธอมองเขาเดินออกไป โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
เธอปัดหน้าจอโทรศัพท์เพื่อรับสาย “หัวหน้าห้อง มีอะไรเหรอ?”
“นี่ก็เที่ยงแล้ว ฉันจะไปรับเธอไปกินข้าว” จากนั้นเขาก็พูดว่า “ตอนนี้ฝนตกด้วย ฉันเอาร่มมาให้เธอแล้ว รอฉันที่ประตูข้างในก่อนนะ”
กู้เหนียนจื่อมองออกไปข้างนอกและเห็นว่าฝนเริ่มตกโดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอรู้สึกสดชื่นเล็กน้อย เธอจัดของแล้วลงไปชั้นล่างและพบว่าเหวินเฉียวอี้กำลังถือร่มให้เฮอจือชูอย่างตั้งใจ แล้วโน้มตัวเปิดประตูท้ายรถเพื่อให้เขาเข้าไป กู้เหนียนจื่อเดาะลิ้นและคิดว่าเหวินเฉียวอี้ไม่ใช่ผู้ช่วยสอนแต่ชอบทำตัวเป็นแม่บ้านมากกว่า
หลังจากนั้นเมอร์ซิเดสเบนซ์สีดำของศาสตราจารย์หนุ่มขับผ่านแอ่งน้ำจนกระเด็นขณะที่ขับออกไปท่ามกลางสายฝน หลายคนที่ยืนอยู่หน้าห้องสมุดรีบก้าวถอยออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำที่กระเด็นมา หนึ่งในนั้นคือเหม่ยเสี่ยวเหวินที่กำลังถือร่มสีเทามาหาเธอ