ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 45 : เธอโกรธฉันหรือเปล่า?
“นี่หัวหน้าห้องเห็นสาวดีกว่าเพื่อนเหรอ? เอาจริงดิ?! ฉันพนันได้เลยว่านายจะโยนเพื่อนที่ดีที่สุดของนายออกไปนอกหน้าต่างเพื่อแลกกับการเดท!” พี่เบิ้มจงใจแสดงท่าทางเกินจริง เขาลงจากรถแล้วเรอออกมาอย่างเมามาย ก่อนจะเดินโซซัดโซเซกลับไปที่หอพัก
เหม่ยเสี่ยวเหวินพิงกระโปรงรถของเขา ใต้เงาของไฟถนน ตอนที่เขาโทรหากู้เหนียนจื่อ มุมปากของเขาจะโค้งขึ้นโดยอัตโนมัติ มันอดไม่ได้จริง ๆ เลยให้ตายสิ
เขาไม่เคยรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้องเขาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว
คราวนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปเด็ดขาด ถ้าเขาปล่อยเธอไป เขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
หัวหน้าหนุ่มกดเบอร์โทรศัพท์ของกู้เหนียนจื่อ แต่สายกลับถูกปฏิเสธ
เขาจ้องที่โทรศัพท์ของตัวเองสักครู่ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองห้องของหญิงสาวที่เขาชอบในอาคารหอพัก ไฟยังคงเปิดอยู่ กู้เหนียนจื่อและรูมเมทสาวของเธอยังคงไม่นอน แต่เธอไม่ยอมรับสายของเขา
ดูเหมือนว่า ‘เด็กดี’ ของห้อง 1 จะไม่มีอารมณ์คุยกับเขา
เมื่อคิดอย่างนั้นเหม่ยเสี่ยวเหวินก็ระบายยิ้มออกมาและไม่โทรไปอีก
เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟ และสูดหายใจเข้า เขาถือบุหรี่ไว้ในมือข้างหนึ่งขณะที่เขาส่งข้อความให้กู้เหนียนจื่อ
‘เหนียนจื่อหลับอยู่หรือเปล่า’
‘ถ้ายังตื่นอยู่ ลงมาข้างล่างแล้วคุยกันได้ไหม’
‘เหนียนจื่อ ฉันคิดถึงเธอมาก เราห่างกันแค่ครึ่งชั่วโมง ฉันก็คิดถึงเธอแล้ว’
‘เหนียนจื่อ เธอโกรธฉันหรือเปล่า’
‘ถ้าเธอโกรธ ฉันจะชดใช้ให้’
‘เหนียนจื่อ มาทำสัญญากันเถอะ เราทะเลาะกันได้ แต่เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนหมดวัน เดี๋ยวพาลจะนอนไม่หลับเอา’
‘เหนียนจื่อ ลงมาข้างล่างเถอะนะ ได้โปรด ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะรออยู่ที่นี่ทั้งคืน’
ข้อความยังคงถูกส่งไปเรื่อย ๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่กู้เหนียนจื่อจะเพิกเฉยได้ตลอดเวลา
และเธอไม่กล้าปิดโทรศัพท์เพราะเธอยังคงรอให้ฮัวเฉาเหิงโทรหาเธอ
หญิงสาวเอนกายลงบนเตียง ในมือถือโทรศัพท์หมุนเล่น เมื่อเห็นข้อความยาวเหยียดจากหัวหน้าห้อง เธอก็ถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่าง เธอเห็นชายหนุ่มกำลังยืนพิงรถ และเห็นจุดสีแดงเล็ก ๆ กะพริบอยู่ในมือของเขาซึ่งอาจจะเป็นบุหรี่
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอจ้องเขาอยู่เงียบ ๆ โดยไม่อาจละสายตาออกไปได้
กู้เหนียนจื่อจ้องไปที่จุดเล็ก ๆ ระหว่างนิ้วของเขาเป็นเวลานาน โทรศัพท์ของเธอถูกถือไว้แน่นในมือของเธอ
สีหน้าของสาวน้อยหลบไม่พ้นสายตาของรูมเมทสาว พวกเธอทราบดีว่าเหม่ยเสี่ยวเหวินยังคงรออยู่ที่ชั้นล่าง
ยัยหนูชาเขียวฟ่างกำลังมาส์กหน้าอยู่ เธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วกระแอมไอเล็กน้อยและพูดว่า “ฉันกำลังจะสั่งสตาร์บัคส์ มีใครอยากดื่มกาแฟบ้างไหม?”
“ฉันเอาด้วย ฉันอยากดื่มลาเต้ ไม่ใส่น้ำตาล” นางมารน้อ กำลังเล่นเว่ยป๋อพลางพูดคุยกับครอบครัวของเธอในเวลาเดียวกัน
“ฉันเอาคาปูชิโน่ใส่น้ำตาลและนม” เลดี้เฉานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อเตรียมคดีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกงานของเธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ฟ่างเหวินซินเรียกกู้เหนียนจื่อและถามว่า “เหนียนจื่อ เธอเอาอะไรไหม”
คนถูกถามหันไปมองเธอแล้วส่ายหัวตอบว่า “นี่สาว ๆ อยากกินกาแฟกันเวลานี้เนี่ยนะ? ไม่อยากนอนพักผ่อนเหรอ ถ้านอนไม่พอจะไม่สวยนะ”
“สาวน้อย นี่เธอกำลังพูดกับใคร ฉันเป็นเอลฟ์อมตะไม่มีวันแก่ย่ะ ลาเต้หนึ่งแก้วสำหรับฉันมันก็แค่น้ำเปล่าเท่านั้นแหละ” นางมารน้อยพูดอย่างภาคภูมิใจ แล้วเน้นย้ำคำพูดของเธอด้วยการดีดนิ้ว
ยัยหนูชาเขียวฟ่างหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาแล้วโทรสั่งร้านสตาร์บัคส์ในมหาวิทยาลัย “สวัสดีค่ะ ขอคาปูชิโน่สองแก้ว ลาเต้นมสดหนึ่งแก้ว และมัฟฟินหนึ่งกล่องค่ะ”
สตาร์บัคส์ในมหาวิทยาลัย C มีประสิทธิภาพในการจัดส่งมาก หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ดูแลหอพักก็ส่งเสียงผ่านอินเตอร์คอม: “ห้อง 518! สตาร์บัคส์!”
“มาแล้ว!” ยัยหนูชาเขียวฟ่างลุกขึ้นและกำลังจะออกจากห้อง แต่ก็ถูกกู้เหนียนจื่อหยุดเอาไว้ “นี่จะไม่ถอดแผ่นมมาส์กก่อนลงไปเหรอ ฉันจะไปรับเอง”
“ขอบคุณนะยัยน้อง!” หญิงสาวยิ้มพร้อมกับวางเงินลงในมือของอีกฝ่าย
สาวน้อยพยักหน้าและเดินออกไป
ฟ่างเหวินซินวิ่งออกไปที่ระเบียง ไม่นานหลังจากนั้น เธอเห็นกู้เหนียนจื่อเดินออกจากอาคารหอพักไปรับกล่องสั่งกลับบ้านขนาดใหญ่จากพนักงานส่งของของสตาร์บัคส์ที่หน้าตาดี เมื่อมาถึงจุดนี้เหม่ยเสี่ยวเหวินก็เดินไปหากู้เหนียนจื่อในขณะที่บุหรี่ยังอยู่ในมือของเขา
ด้านบนหอพัก ยัยหนูชาเขียวฟ่างพยักหน้าพลางยกแขนขึ้นกอดอกตนเองด้วยท่าทางสง่างาม “หัวหน้าห้องควรจ่ายค่ากาแฟของเราในคืนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาจะได้กันเมื่อไหร่”
เธอเป็นคนสร้างโอกาสให้พวกเขา ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาที่จะตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการรับมันไว้หรือไม่
ด้านล่างตรงทางเข้าอาคารหอพัก พนักงานส่งของของสตาร์บัคส์เพิ่งขับรถออกไปหลังจากได้รับเงินจากกู้เหนียนจื่อ ในทางกลับกันเธอพบว่าตัวเองยังยืนนิ่งอยู่เพราะเหม่ยเสี่ยวเหวินเอื้อมมือมาจับแขนของเธอไม่ยอมปล่อย
“มีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า หัวหน้าห้อง?” กู้เหนียนจื่อกพูดอย่างเย็นชา “ฉันต้องกลับไปที่ห้องของฉันแล้ว”
“ฉันจะให้เธอกลับห้องได้ยังไง ทั้งที่เธอเป็นแบบนี้” เหม่ยเสี่ยวเหวินโยนบุหรี่ในมือของเขาแล้วยื่นมือไปหยิบกล่องบรรจุของเครื่องดื่มและขนมขนาดใหญ่จากมือของอีกคน แต่มืออีกข้างยังคงจับแขนของเธอขณะที่เขาพาเธอไปที่รถของเขา
กู้เหนียนจื่อขัดขืนเล็กน้อย แต่ก่อนที่เธอจะหลุดออกจากมือเขา ชายหนุ่มก็ดึงเธอเข้าไปในเงามืดข้างรถของเขาแล้ว
พวกเขากำลังยืนอยู่ในจุดบอด อยู่นอกระยะแสงจากไฟถนน
“เหนียนจื่อ เธอโกรธเหรอ” หัวหน้าหนุ่มวางกล่องสตาร์บัคส์ไว้บนฝากระโปรงรถ แล้วจับมือหญิงสาวมาไว้ตรงหน้าเขาระหว่างที่เขาอธิบายด้วยเสียงที่อ่อนโยน “อ้ายเว่ยหนานเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันตอนเรียนมัธยม เธอเป็นทอม เราเป็นแค่พี่น้องกัน ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ เธอไม่ได้หึงเว่ยหนานใช่ไหม”
สาวน้อยหน้าแดงทันที ไม่ใช่เพราะเธออาย แต่เป็นเพราะเธอโกรธ
เธอยังไม่ได้รักเขาเลย เธอจะหึงทำไม!
“หัวหน้าห้อง ความสัมพันธ์ของนายกับเพื่อนร่วมชั้นคนนั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉันกังวล นายไม่ต้องอธิบายอะไรให้ฉันฟังหรอก” กู้เหนียนจื่อหายใจหอบพลางหันหน้าหนีจากเขา เธอเลือกที่จะจ้องมองไปที่ผีเสื้อกลางคืนที่บินไปมาอยู่ในแสงใต้ไฟถนนแทน
“ฉันจะไม่อธิบายได้ยังไง? ฉันชอบเธอและฉันอยากให้เธอเป็นแฟนของฉัน” เหม่ยเสี่ยวเหวินคิดว่าเธอน่ารักแม้ว่าเธอจะกำลังโกรธอยู่ก็ตาม ดวงตากลมโตของเธอกำลังหรี่ลง และริมฝีปากที่อิ่มเอิบขณะนี้ขยายเพราะเธอมุ่ยปากเล็กน้อยแต่ก็ดูเย้ายวนมาก เขาอยากจะจูบเธอจริง ๆ
ชายหนุ่มลอบเลียริมฝีปากของเขา ภาพตรงหน้ามันล่อตาล่อใจมาก
ในขณะเดียวกันใบหูของกู้เหนียนจื่อก็เป็นสีแดง แต่โชคดีที่อีกฝ่ายไม่เห็นเพราะความมืด
“เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันมาหลายปีแล้ว ถ้าจะมีอะไรระหว่างเราสองคน มันคงจะเกิดขึ้นตั้งนานแล้ว ทำไมถึงต้องรอจนถึงวันนี้?” เหม่ยเสี่ยวเหวินถอนหายใจ “ฉันจริงจังกับเธอ และฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนประเภทที่จะคิดเล็กคิดน้อย แต่เธอฉลาดกว่าเว่ยหนานและสวยกว่า ฉันไม่ได้ตาบอด ทำไมฉันจะต้องเลือกเว่ยหนานแทนที่จะเป็นเธอด้วย? ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แต่อย่างน้อยก็ช่วยเชื่อมั่นในตัวฉันเถอะนะ”
“แล้วถ้าฉันไม่ฉลาด หรือสวยกว่านี้ นายจะไม่ชอบฉันเหรอ? นายกำลังจะบอกอย่างนั้นเหรอ?” หญิงสาวยิงคำถามใส่ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างดุเดือดก่อนที่จะมองออกไปทางอื่น
“เหนียนจื่อ เธอเป็นนักศึกษากฎหมาย ทำไมเธอถึงทำตัวเหมือนเด็กน้อยมัธยมปลายแบบนี้ล่ะ? ฉันชอบเธอ เพียงเท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเธอเก่งกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ ถ้าเธอไม่เชื่อในตัวเอง อย่างน้อยเธอต้องเชื่อว่าฉันมีรสนิยมดี” เหม่ยเสี่ยวเหวินกล่าวขณะที่เขาโน้มตัวเข้าใกล้กู้เหนียนจื่อมากขึ้น
เธอรู้สึกว่าเขาเดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลานี้ลมหายใจอุ่นของเขาพ่นลงบนใบหน้าของเธอแล้ว
หญิงสาวเม้มริมฝีปากของเธอ และบิดแขนของเธออย่างกะทันหันเพื่อหลีกหนีจากหัวหน้าห้องอย่างรวดเร็ว
เหม่ยเสี่ยวเหวินรู้สึกประหลาดใจ เขาจ้องไปที่มือของตัวเองโดยที่ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าแขนนุ่ม ๆ ของอีกคนเลื่อนหลุดจากเงื้อมมือของเขาได้ยังไง มันลื่นราวกับปลาไหล
“หัวหน้า ฉันจะกลับห้องแล้ว” กู้เหนียนจื่อพิงกระโปรงรถและหยิบกล่องสตาร์บัคส์ที่สั่งขึ้นมา เธอหัวเราะเบา ๆ พลางพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่โกรธนายหรอก”
เธอไม่ได้โกรธ เพียงแต่อับอายกับพฤติกรรมของอ้ายเว่ยหนาน ผู้หญิงคนนั้นทำอาหารค่ำที่ควรจะเป็นการฉลองส่วนตัวระหว่างเพื่อน ๆ พังไม่เป็นท่า แล้วยังมาทำเหมือนว่าเธอเป็นเจ้าของงานต่อหน้ารูมเมทของกู้เหนียนจื่ออีก มันน่าอายมากจริง ๆ!