ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 44 : บรรยากาศที่ตึงเครียด
“ใช่ เราชอบเล่นมุกตลก” นางมารน้อยยิ้มจอมปลอมก่อนจะทานอาหารของเธอต่อ
ยัยหนูชาเขียวฟ่างและคุณหนูเฉาชำเลืองมองหน้ากัน จากนั้นก็มองไปที่กู้เหนียนจื่อที่นั่งอยู่ตรงข้ามพวกเธอ
สาวน้อยของกลุ่มไม่ได้มีปฏิกิริยามากนัก มุมริมฝีปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อยระหว่างที่มองพวกเธอคุยกันและขยิบตาให้พวกเธอ
ฟ่างเหวินซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและบ่นกับเฉาหยุนซาน “ฉันคิดว่าเราสามคนเพิ่งเล่นเป็นขันที”
“ขันที? ขันทีอะไร?” พี่เบิ้มเงยหน้าขึ้นเมื่อเขาช่วยอ้ายเว่ยหนานจัดช้อนส้อมและจานของเธอเสร็จ
“จะอะไรล่ะ? คนเป็นจักรพรรดิไม่กังวลอะไรเลย แต่ขันทีกังวลแทบตาย” นางมารน้อยเหลือบมองกู้เหนียนจื่อที่เปรียบเสมือนกับเป็นจักรพรรดิอย่างผิดหวังแล้วขูดช้อนส้อมของเธอบนจานผีเสื้อโบนไชน่าเคลือบทองอย่างแรง
เธอควรจะเป็นดาวเด่นในคืนนี้! เธอจะปล่อยให้ผู้หญิงที่โผล่มาจากที่ไหนไม่รู้มาแย่งความสนใจไปได้ยังไง? นางมารน้อยขบกรามอย่างกระวนกระวายขณะที่เธอเฝ้าดูอ้ายเว่ยหนานที่จู่ ๆ ก็บุกมาถึงที่นี่
ความจริงแล้วกู้เหนียนจื่อรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่เธอยังไม่ได้ตกลงคบกับเหม่ยเสี่ยวเหวินอย่างเป็นทางการ เธอมีสิทธิ์อะไรไปห้ามไม่ให้ผู้หญิงคนอื่นมาจีบเขา?
หัวหน้าห้องแอบยิ้มให้กู้เหนียนจื่อที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของเขา แล้วพูดอย่างสนิทสนมว่า “วันนี้เหนียนจื่อสอบเข้าเรียนในคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย B ในฐานะนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาได้สำเร็จ เราก็เลยมาเฉลิมฉลองให้กับเธอ”
“หัวหน้าห้องเป็นคนที่เฉลิมฉลองให้กับเธอ เราแค่ถูกเชิญมา” คุณหนูเฉาให้ความสำคัญกับตำแหน่งและสถานะเหนือทุกสิ่ง คำขวัญของเธอคือ ‘ถ้าชื่อไม่ถูกต้อง คำนั้นจะไม่เป็นจริง’
“ถูกต้อง! นายเพิ่งประกาศว่าจะจีบเหนียนจื่อต่อหน้าเราเมื่อวานนี้ ทำไมตอนนี้นายเป็นใบ้ไปซะอย่างนั้นล่ะ หรือว่าแค่จีบเล่น ๆ” นางมารน้อยมักจะใช้ความงามของเธอทำตามใจชอบ เธอไม่ขัดเกลาคำพูดของเธอและไม่สนใจว่าคนจะอับอายขายหน้าหรือไม่
“หวังจุนหยา!” เหม่ยเสี่ยวเหวินเลิกคิ้วและพูดชื่อเต็มของอีกฝ่ายด้วยความโกรธ “ช่วยพูดดี ๆ ต่อหน้าคนอื่นหน่อยได้ไหม? เหนียนจื่อไม่ยอมให้ฉันจีบ เธอพูดแบบนั้นไม่กลัวว่าทำให้เหนียนจื่อเสียความมั่นใจเหรอ?”
ในที่สุดรูมเมทสาวของกู้เหนียนจื่อก็ผ่อนคลายการแสดงออกเมื่อหัวหน้าห้องทำเหมือนว่าอ้ายเว่ยหนานเป็น ‘คนนอก’ จากคำพูดประโยคนั้น
ดวงตาของแขกผู้ไม่ได้รับเชิญตั้งแต่แรกหม่นหมองลงครู่หนึ่ง และในชั่วพริบตาเธอก็เข้าใจว่าทำไมรูมเมทสามคนของกู้เหนียนจื่อถึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอ วินาทีต่อมาเธอหัวเราะแล้วพูดว่า “อาจจะมีความเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า? ฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับหัวหน้าห้องมา 6 ปีแล้ว เราเป็นเพื่อนและพี่น้องกันจริง ๆ ความสุขของเขาก็คือความสุขของฉัน”
ขณะที่พูดเธอถือแก้วและยืนขึ้น เธอเดินไปหากู้เหนียนจื่อแล้วอวยพรให้กับอีกฝ่ายว่า “คุณคือกู้เหนียนจื่อใช่ไหม? คนที่หัวหน้าห้องของเราสนใจสินะ ช่างเป็นสาวน้อยที่ตัวเล็กและสวยอะไรอย่างนี้! อย่ากลัวไปเลย คุณมาบอกเราได้เลยถ้าเขาทำตัวไม่ดีกับคุณ ฉันจะสั่งสอนเขาให้คุณเอง! เขา..” อ้ายเว่ยหนานมองไปที่เหม่ยเสี่ยวเหวินและพูดออกมาว่า “เขาเป็นคนโรแมนติก เขาดีกับทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เขาชอบ”
ชายหนุ่มฟังคำพูดของเพื่อนสาวและพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เว่ยหนาน เธอเมาแล้วเหรอ เธอไม่ได้คออ่อนขนาดนั้นใช่ไหม ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น?”
“หัวหน้าห้อง ฉันแค่พูดความจริงเท่านั้น ฉันต้องให้กู้เหนียนจื่อรู้ด้านดีของนาย! ผู้หญิงคงโชคดีที่ได้อยู่กับผู้ชายแบบนาย เหนียนจื่อตัวน้อย ฉันคิดว่าคุณเป็นคนโชคดีมาก สำหรับฉัน อย่าสนใจฉันเลย อย่ามองฉันเป็นผู้หญิง ฉันเป็นทอมบอยตัวจริง!”
“แต่มันมีเส้นคั่นบาง ๆ ระหว่างทอมบอยกับผู้หญิงตอแหลอยู่นะ” ยัยหนูชาเขียวฟ่างหัวเราะคิกคักด้วยความรังเกียจ แล้วพูดกระทบอ้ายเว่ยหนานอย่างแรง
หญิงสาวที่ถูกพาดพิงระงับความโกรธของเธอและแสร้งทำเป็นว่าเธอไม่ได้ยินอะไร เธอวางแก้วลงและหันหน้าเข้าหาเหม่ยเสี่ยวเหวิน “หัวหน้าห้อง วันนี้ฉันมาขอบคุณเป็นพิเศษที่ให้ฉันยืมเงิน 150,000 หยวน ฉันกลับมาที่เมือง C เพื่อนำเงินไปให้ครอบครัวของฉัน และพวกเขาต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วน เชิญพวกนายสนุกกันต่อได้เลย ฉันต้องไปแล้ว”
หัวหน้าหนุ่มยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “ให้ฉันขับรถไปส่งนะ เพราะตอนนี้มันดึกมากแล้ว ผู้หญิงไปคนเดียวไม่ปลอดภัย”
“หัวหน้าห้อง เธอเป็นทอมบอย ไม่ใช่ผู้หญิง ทำไมมันจะไม่ปลอดภัย” ยัยหนูชาเขียวฟ่างใช้ผ้าเช็ดปากเช็ดริมฝีปากของเธอด้วยท่าทางเรียบร้อยพลางแสดงความคิดเห็นที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ดวงตาของเธอเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด “คุณมาเพื่อเอาเงินเองเหรอ? ฮ่าๆๆ มีใครไม่ใช้การโอนเงินผ่านธนาคารออนไลน์ในยุคนี้บ้าง? คุณอยากให้ฉันสอนวิธีการใช้อาลีเพย์หรือวีแชทเพย์ไหม? คุณจะได้ไม่ต้องถ่อมาถึงที่นี่เพื่อมาเอาเงิน”
คำพูดของเธอเหมือนเป็นการตบหน้าอ้ายเว่ยหนานอย่างแรง หญิงสาวหัวเราะด้วยความอับอาย เหม่ยเสี่ยวเหวินนั่งลงอย่างช้า ๆ ในขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสาวด้วยสายตาขอโทษ “กลับถึงบ้านแล้วโทรหาฉันด้วยล่ะ”
อ้ายเว่ยหนานพยักหน้าและโบกมือ “ขอให้มีความสุขกับมื้อค่ำของนาย ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังจากที่เธอเดินออกไป บรรยากาศยังคงตึงเครียดเหมือนเดิม แม้แต่พี่เบิ้มที่มักจะชอบอยู่ต่อหน้าผู้หญิงสวย ๆ ยังไม่สามารถทำอะไรได้ อาหารค่ำคืนนี้จึงจบลงด้วยความไม่ลงรอยกัน
เหม่ยเสี่ยวเหวินขับรถพากู้เหนียนจื่อและรูมเมทของเธอไปที่หอพัก เขาต้องการคุยกับกู้เหนียนจื่อตามลำพัง แต่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นอีกครั้ง เขาหยิบมันออกมาและเห็นว่าเป็นอ้ายเว่ยหนาน เขาจึงรับสายทันที
“เว่ยหนาน เธอกลับถึงบ้านแล้วเหรอ? ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม?”
กู้เหนียนจื่อหันกลับมามองเขา แต่ไม่ได้รอให้เขารั้งตัวไว้ เธอกลับไปที่หอพักพร้อมกับรูมเมทสาวของเธอ หลังจากที่พวกเธอเข้าไปในห้อง นางมารน้อยก็สาปแช่งอ้ายเว่ยหนานทันที “ฉันรู้ทันยัยนั่นตั้งแต่เห็นไกล ๆ แล้ว!”
ยัยหนูชาเขียวฟ่างวางแขนบนไหล่ของสาวน้อยของกลุ่มและพูดกับเธอว่า “อย่าไปใส่ใจเลย ผู้ชายทุกคนก็เป็นแบบนั้นแหละ ฉันคบผู้ชายทุกประเภทมาหลายปีแล้ว พวกเขาซ่อนอะไรจากฉันไม่ได้หรอก”
กู้เหนียนจื่อระเบิดเสียงหัวเราะและกอดฟ่างเหวินซินเพื่อเป็นการตอบแทน เธอเอนศีรษะไปซบไหล่เพื่อนแล้วพูดว่า “ฉันดีใจนะที่มีเธอเป็นเพื่อน แต่เธอต้องรักษาชื่อเสียงของเธอเอาไว้ในฐานะผู้หญิงที่ไม่เคยยอมให้ผู้ชายได้สิ่งที่ดีที่สุดไปจากเธอ แม่กระต่าย!”
“กู้เหนียนจื่อ คนทรยศ! เธอกล้าแกล้งฉันเหรอ อย่าอวดดีนักสิ!” ยัยหนูชาเขียวฟ่างตบก้นอีกฝ่ายรัว ๆ
สาวน้อยหัวเราะคิกคักขณะที่เธอกระโจนไปทางเพื่อนสาวพื่อบีบแก้มของเธอ “ยัยหนูชาเขียวฟ่าง ผู้ชายจะโชคดีแค่ไหนถ้าเขาได้จูบเธอ? ดูสิผิวของเธอนุ่มแค่ไหน ฉันเกือบจะบีบน้ำออกจากแก้มเธอได้แล้ว”
“จริงเหรอ? ไหน ๆ ขอลองบีบบ้างสิ!” นางมารน้อยและคุณหนูเฉาก็เข้ามาบีบแก้มของยัยหนูชาเขียวฟ่างด้วย แล้งเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นในห้องพักขจัดความรู้สึกไม่สบายใจก่อนหน้านี้ไปจนหมด
ในเวลานั้นเหม่ยเสี่ยวเหวินไม่รู้ว่ากู้เหนียนจื่อลงจากรถไปนานแล้วหลังจากที่เขาวางสาย พี่เบิ้มเอนตัวลงที่เบาะหลังและพูดขึ้นมาว่า “หัวหน้าห้อง นายชอบกู้เหนียนจื่อจริง ๆ เหรอ?”
คนถูกถามพยักหน้า “ถ้าฉันไม่ชอบเธอจริง ๆ แล้วฉันจะตามจีบเธอไปทำไม? ฉันไม่ได้ชอบที่เงินหรือสถานะของเธอ แต่เป็นบุคลิกและความสามารถที่น่าทึ่งของเธอต่างหาก”
เล่ยเฉียงเชิงหันไปมองที่หอพักหญิง “ก็จริง ขอให้โชคดีนะหัวหน้า! แม้ว่ากู้เหนียนจื่อจะไม่มีครอบครัวที่คอยสนับสนุนเธอ แต่อนาคตของเธอก็ไปได้ไกลเพราะความเฉลียวฉลาดของเธอเอง เธอจะเป็นแฟนที่คู่ควรและน่าภาคภูมิใจ”
“นายมักจะพูดพล่ามและทำเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ แต่จริง ๆ แล้วนายก็พูดอะไรดี ๆ เป็นเหมือนกันนี่” เหม่ยเสี่ยวเหวินยิ้มในขณะที่เขาส่ายหัวและผลักเพื่อนออกจากรถ “นายกลับไปก่อน ฉันยังต้องคุยกับเหนียนจื่อ”