ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 41 : สัมผัสความเลือดเย็น
ร่างกายของเหวินเฉียวอี้เย็นลง เธอรู้ตัวดีว่าเธอกำลังโดนเล่นงาน…
เธอเองก็เสียใจกับการกระทำของเธอที่ทำกับกู้เหนียนจื่อ เธอคิดว่าเธอจะรอดเมื่อเฮอจือชูไม่พูดถึงเรื่องนี้หลังจากฟังคลิปเสียง แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อระบายความโกรธของเขา
เมื่อคิดย้อนกลับไป เธอพลาดเอง มันเป็นเรื่องปกติที่คนอย่างเฮอจือชูจะเก็บไพ่ตายไว้ในมือก่อน
ถ้าเขาต้องการลงโทษใครสักคน เขาจะทำมันอย่างไม่ทันให้คนถูกลงโทษรู้ตัว..
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนที่เขาอายุเพียง 26 ปี เขาได้เป็นหุ้นส่วนในสำนักงานกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ที่เขาประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่เพราะความสามารถพิเศษในฐานะทนายความ แต่มันเป็นเพราะเขาคิดนำหน้าคนอื่นไปหนึ่งก้าวเสมอ…
“ศาสตราจารย์เฮอ ยกโทษให้ฉันด้วยค่ะ ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ” ผู้ช่วยสาวกล่าวขณะที่เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “แล้วคดีนี้ล่ะ? คุณจะรับไหม”
“ไม่ ฉันไม่รับ” ศาสตราจารย์หนุ่มกล่าวอย่างหมดความอดทนพลางลุกขึ้นจากที่นั่ง “หยุดเอาเรื่องไร้สาระมาบอกฉันด้วย ช่วงนี้เธอเลอะเทอะไปมากเลยนะ บางทีเธออาจทำงานหนักเกินไป ฉันควรให้เธอหยุดยาวดีไหม หรือเธออยากจะลาออกกลับบ้านไปหาครอบครัวของเธอก็ได้นะ ฉันสามารถหาผู้ช่วยคนอื่นมาแทนได้อยู่แล้ว”
ความสงบของเหวินเฉียวอี้หายไปเมื่อได้ยินสิ่งที่เฮอฉือชูพูด ตอนนี้จิตใจของเธอกำลังสั่นคลอน เธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะกล้าไล่เธอออกจริง ๆ!
“ศาสตราจารย์เฮอ! ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย! ฉันทำงานซื่อสัตย์กับคุณมาหลายปีแล้ว!” ดวงตาของหญิงสาวเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา เธอดูเหมือนพร้อมที่จะคุกเข่าคร่ำครวญต่อหน้าอีกคนได้ทุกเมื่อ
ท่าทางที่สงบและเฉยเมยของเธอหายไปจนหมด ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกลัวจนร่างกายของเธอสั่นสะท้านและริมฝีปากที่เย้ายวนของเธอก็สั่นระริก
ชายหนุ่มมองเธออย่างเงียบ ๆ เขาเอื้อมมือออกไปปัดแก้มเธอ ขณะที่เขาเช็ดน้ำตาจากใบหน้าของอีกฝ่าย เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและชัดเจนว่า “ดีมาก แต่จะไม่มีครั้งต่อไป” เขาเดินออกไปที่ประตูหลังจากที่พูดจบ
เหวินเฉียวอี้ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เธอนั่งนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของโต๊ะทำงานเพราะขาเธอยังอ่อนแรง
เธอยกมือขึ้นและแตะใบหน้าของเธอที่เฮอจือชูได้เช็ดน้ำตาให้จนสะอาดแล้ว และบอกกับตัวเองว่าเธอไม่สามารถทำผิดพลาดได้อีก
เธอรู้ดีว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนเลือดเย็นและไร้ความปราณีแค่ไหน
…
ในเวลาเดียวกัน กู้เหนียนจื่อเดินออกจากอาคารบริหารของแผนกกฎหมายอย่างมีความสุข และวิ่งไปหาเหม่ยเสี่ยวเหวินที่กำลังรอเธออยู่ที่จุดจอดรถใกล้ ๆ พอมาถึงตรงหน้าชายหนุ่ม เธอแสดงอีเมลการลงทะเบียนทางโทรศัพท์ของเธอให้เขาดูและพูดว่า “ศาสตราจารย์เขายอมรับฉันเป็นลูกศิษย์ของเขาแล้ว!”
“เขายอมรับเธอแล้วใช่ไหม” หัวหน้าหนุ่มยิ้มกว้าง เขาเปิดดูอีเมลในโทรศัพท์ของเธอ “โอ้ มันเป็นจดหมายตอบรับเข้าเรียนคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย B จริง ๆ ยินดีด้วยเหนียนจื่อ!”
เหม่ยเสี่ยวเหวินจับมือหญิงสาว จากนั้นก็เอาแขนพาดไหล่ของเธอ ท่าทางนั้นทำให้เหมือนเขาแทบจะกอดคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนในขณะที่เขาดึงเธอเข้าไปในรถ
กู้เหนียนจื่อรู้สึกอึดอัดที่เขาทำแบบนี้ แต่โชคดีที่เขาปล่อยเธอทันทีที่พวกเขาอยู่ในรถ แต่เมื่อเขาโน้มตัวมาทางเธอเพื่อคาดเข็มขัดนิรภัยให้ เธอก็รีบดันมือของเขาออกแล้วพูดว่า “ฉันทำเองได้”
พอเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ชายหนุ่มจึงหันกลับไปสตาร์ทรถและเริ่มขับรถไปที่ตึกหอพักด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับพูดว่า “ฉันจองร้านอาหารที่โรงแรมดี ๆ ไว้แล้ว เราจะฉลองให้เธอคืนนี้!”
กู้เหนียนจื่อยิ้มและพยักหน้า “ขอบคุณมากเลย หัวหน้าห้อง!”
ระหว่างที่เธอพูดขอบคุณ โทรศัพท์ของเธอก็เริ่มดังขึ้น ซึ่งปลายสายคือหยินชือฉง
หยินชือฉงหัวเราะเสียงดังในขณะที่เขาแสดงความยินดีกับหญิงสาวผ่านทางโทรศัพท์ “…รอจนกว่านายพลฮัวรู้เรื่องนี้ ฉันพนันได้เลยว่าเขาคงแทบจะดีใจจนตัวลอย ฉันส่งข้อความไปหาเขาแล้ว”
“ขอบคุณนะ พี่ฉง” กู้เหนียนจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง
หลังจากคุยโทรศัพท์กับเลขาหนุ่ม ข้อความจากเฉินหลายก็ถูกส่งมา ‘ยินดีด้วยเหนียนจื่อ! ถ้าวันไหนเธอกลับมา ฉันจะเลี้ยงอาหารค่ำดี ๆ ให้เธอเอง!’
‘ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่เฉินเป็นคนรักษาคำพูด’ เธอส่งข้อความตอบกลับ
ข้อความของหมอหนุ่มตอบกลับเกือบจะในทันที ‘แน่นอน พี่เฉินของเธอเคยโกหกเธอหรือไง? สุดสัปดาห์นี้เธอจะกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเธอไหม’
หญิงสาวส่ง ‘?’ เป็นการตอบกลับ
ในขณะนี้ฮัวเฉาเหิงไม่ได้อยู่ในเมือง C กู้เหนียนจื่อจึงไม่อยากกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ถ้าเขาไม่อยู่
เฉินหลายส่งข้อความอีกข้อความว่า ‘เธอยังต้องมาตรวจร่างกายทุกสัปดาห์ อย่างน้อยก็เดือนละครั้ง’
‘ตกลง ฉันจะกลับไปสุดสัปดาห์นี้’ กู้เหนียนจื่อคิดว่าอีกฝ่ายกำลังหวาดระแวงกับสุขภาพของเธอ
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าร่างกายปกติมาก และเธอก็ไม่ได้ ‘รู้สึกอะไร’ กับผู้ชายเหมือนกัน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินหลายถึงหมกมุ่นอยู่กับการตรวจร่างกายของเธอกัน
เธอทำหน้าบึ้งเล็กน้อย ก่อนจะวางโทรศัพท์แล้วเริ่มคุยกับเหม่ยเสี่ยวเหวิน “หัวหน้าห้อง แล้วนายล่ะ? นายไม่มีแผนที่จะไปเรียนต่อระดับปริญญาโทเหรอ?”
ชายหนุ่มส่ายหัวขณะที่ส่งโยเกิร์ตกรีกที่เขาซื้อมาให้กู้เหนียนจื่อ พร้อมกล่าวว่า “ครอบครัวของฉันอยากให้ฉันช่วยทำธุรกิจของครอบครัว ฉันผ่านการสอบเนติบัณฑิตแล้ว ฉันจะได้รับใบอนุญาตทนายความหลังจากฝึกงานเป็นเวลา 1 ปี”
ธุรกิจของครอบครัวเหม่ยตั้งอยู่ในเมือง C ซึ่งหมายความว่าเขาจะต้องอยู่ในเมือง C ต่อไปหลังจากสำเร็จการศึกษา
และกู้เหนียนจื่อจะเข้าเรียนระดับบัณฑิตศึกษาที่เมืองหลวงของประเทศในฤดูใบไม้ผลิหน้า
พวกเขากำลังจะแยกจากกันงั้นเหรอ?
เหม่ยเสี่ยวเหวินดูเหมือนจะรู้ว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไรอยู่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะว่า “ครอบครัวของฉันกำลังจะขยายธุรกิจของครอบครัวไปในเมืองหลวง เมื่อถึงเวลาที่เธอจะไปที่นั่น ฉันจะขอให้ครอบครัวส่งฉันไปที่นั่นด้วย เพื่อเป็นการให้ฉันไปปูทางให้กับธุรกิจของเราล่วงหน้า”
ด้วยวิธีนี้ เขาจะสามารถไปอยู่เมืองเดียวกับคนรักของเขาได้
เขาคิดไปไกลถึงขนาดนั้นเลย…
ในขณะนี้ใบหน้าของกู้เหนียนจื่อนั้นแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศ เธอหันไปมองนอกหน้าต่างเพื่อซ่อนความเขินอาย แต่ริมฝีปากของเธอเชิดขึ้นแล้ว
เหม่ยเสี่ยวเหวินเพิ่งขับรถมาถึงหน้าหอพักของกู้เหนียนจื่อ พอดีกับมีข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ของเขา
[เว่ยหนาน]: ‘หัวหน้าห้อง ตอนนี้ฉันเจอเรื่องไม่ค่อยดี… *ร้องไห้สะอึกสะอื้น* … หัวหน้าห้อง ช่วยกอดปลอบฉันหน่อย…’
ชายหนุ่มเหลือบมองข้อความ จากนั้นจึงปลดล็อกโทรศัพท์อย่างรวดเร็วและกดหมายเลขโทรศัพท์ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายปนขบขัน “เว่ยหนาน เจ้าทอมน้อย ส่งข้อความอะไรมาเนี่ย? ไหนบอกฉันซิว่าเรื่องเป็นยังไง?”
“ในตอนนี้ครอบครัวของฉันมีปัญหานิดหน่อย หัวหน้าห้อง ฉันขอยืมเงินหน่อยได้ไหม ฉันจะคืนเงินให้นายทันทีที่บริษัทของพ่อฉันกลับมาปกติ!”
“ไม่มีปัญหา เธอต้องการเท่าไหร่”
“…ฉันต้องการเงิน 150,000 หยวนเพื่อจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารของเรา หลังจากนั้นเราจะรีบฟื้นฟูบริษัทให้กลับมาเหมือนเดิม”
“150,000 หยวน? ตกลง ส่งหมายเลขบัญชีธนาคารของเธอมา แล้วฉันจะโอนให้” เหม่ยเสี่ยวเหวินตกลงอย่างง่ายดายขณะที่ตรวจสอบยอดเงินในบัญชีธนาคารด้วยโทรศัพท์ของเขา
คนอยู่อีกฝั่งส่งเลขบัญชีธนาคารมาให้เขา ไม่นานชายหนุ่มก็โอนเงิน 150,000 หยวนเข้าบัญชีนั้นทันทีด้วยการปัดนิ้วเพียงครั้งเดียว
“หัวหน้าห้อง ขอบคุณมากจริง ๆ!” เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นทางโทรศัพท์
หัวหน้าหนุ่มวางสายและหันมาเห็นกู้เหนียนจื่อกำลังทำหน้างง เขาจึงอธิบายโดยไม่รอให้เธอถามว่า “เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันตั้งแต่มัธยมน่ะ ตอนนี้ครอบครัวของเธอมีปัญหานิดหน่อย เธอก็เลยมาขอยืมเงินฉัน”
หญิงสาวเปิดประตูลงรถ เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เหม่ยเสี่ยวเหวินให้คนอื่นยืมเงินจำนวนมากแบบนี้ “…นายแน่ใจเหรอว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนร่วมชั้นของนาย? อาจจะเป็นพวกมิจฉาชีพก็ได้”
เธอเคยอ่านข่าวเกี่ยวกับการหลอกลวงที่คล้าย ๆ แบบบนอินเทอร์เน็ต
เหม่ยเสี่ยวเหวินยิ้มขณะที่เขาเอื้อมมือออกไปขยี้ผมของเธอเบา ๆ “เหนียนจื่อ เธอเป็นห่วงฉันเหรอ”
กู้เหนียนจื่อกลอกตาและพูดว่า “ฉันแค่กังวลเกี่ยวกับอาหารค่ำ เราเปลี่ยนร้านอาหารค่ำของเราก็ได้ ถ้านายเสียเงินทั้งหมดให้กับนักต้มตุ๋น”
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง เธอพูดต่อว่า “…จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะจ่ายค่าอาหารค่ำคืนนี้เอง ฉันกำลังคิดที่จะเลี้ยงอาหารค่ำพี่ ๆ ที่รักของฉันอยู่แล้ว”