ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 4 : คุณคือยาของฉัน (1)
ฮัวเฉาเหิงโค้งคำนับเล็กน้อยและพูดใส่ไมโครโฟนบนโพเดียมว่า “ครับ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับเรื่อนี้ กองทัพภาคที่ 6 เกิดจากการขยายตัวจากกองกำลังปฏิบัติการพิเศษที่รายงานตรงไปยังผู้บัญชาการทหาร เราไม่เคยไม่ปรากฏตัวในที่สาธารณะ เราเป็นผู้ปกป้องคุณธรรมที่อยู่ในเงามืดเท่านั้น ในแง่ของการแบ่งอำนาจ นอกเหนือจากภูมิภาคและกิจการที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของเขตกองทัพทั้ง 5 ภูมิภาคหลักแล้ว ภูมิภาคและกิจการอื่น ๆ ทั้งหมดจะต้องอยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลของกองทัพภาคที่ 6”
นี่เป็นผลมาจากการประนีประนอมระหว่างภูมิภาคกองทัพหลักทั้ง 5 กับกองทัพส่วนกลาง ฮัวเฉาเหิงถูกย้ายจากกองทัพส่วนกลางเพื่อไปทำหน้าที่พิเศษในการจัดตั้งเขตกองทัพภาคที่ 6
“อะไรนะ? นายพลฮัว คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? เท่าที่ผมรู้ กองทัพหลักทั้ง 5 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ มันไม่มีที่ดินเหลือสักนิ้ว ผมขอถามว่าเขตอำนาจศาลของคุณอยู่ที่ไหน” สมาชิกวุฒิสภาในวัย 40 ที่มีหน้าท้องขนาดใหญ่เหมือนผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ 5 เดือนถามขัดขึ้นมาและเคาะโต๊ะด้วยปากกาในมือ เขาอ่านรายงานการจัดสรรงบประมาณที่ฮัวเฉาเหิงส่งมาแล้วส่ายหัว
“จะไม่มีได้ยังไง” ชายหนุ่มหยิบตัวชี้เลเซอร์ขึ้นมาและหันหลังไปในขณะที่ด้านหลังเขามีแผนที่ภูมิประเทศของจักรวรรดิปรากฏบนจอแสดงผลอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ตามที่ตั้งโปรแกรมไว้
ฮัวเฉาเหิงชี้ตัวชี้เลเซอร์ไปยังแผนที่ภูมิประเทศที่จัดแสดงและวาดวงกลมรอบอาณาเขตที่เขาต้องการบอกแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณเห็นตรงนี้ไหม? ทุกสิ่งที่อยู่นอกอาณาเขตนี้อยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลของกองทัพภาคที่ 6 ทั้งหมด”
สมาชิกวุฒิสภาคนนั้นยืดตัวนั่งตรงด้วยความตกใจ “แต่นายพลฮัว คุณแน่ใจเหรอ? ตรงนั้นมันเป็นดินแดนของต่างประเทศนะ”
“คุณต้องทำความเข้าใจใหม่” ริมฝีปากของนายพลหนุ่มเหยียดขึ้นคล้ายกับเป็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเฉยเมยของเขา ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ดินแดนทุกแห่งที่ไม่ได้เป็นของจักรวรรดิอยู่ภายใต้เขตอำนาจของกองทัพที่ 6 แต่กองทัพที่ 6 ยังเป็นกองทัพของจักรวรรดิที่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของจักรวรรดิเท่านั้น”
“พูดง่าย ๆ ว่าเรายึดครองทุกสิ่งที่กองทัพหลักทั้ง 5 ไม่สามารถทำได้ แต่มันเป็นสิ่งที่ควรทำ กองทัพภาคที่ 6 จะทำงานคล้ายกับกองกำลังปฏิบัติการพิเศษก่อนหน้านี้ที่ไม่จำเป็นต้องรายงานต่อวุฒิสภาแล้วส่งรายงานไปยังสภาทหารสูงสุดเท่านั้น” ฮัวเฉาเหิงแตะปิดตัวชี้เลเซอร์ในมือของเขาและปิดแผนที่ภูมิประเทศบนจอแสดงผลอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่
หลังจากพูดจบชายหนุ่มไพล่มือของเขาไว้ข้างหลังและแยกเท้าออกจากกันในท่าทางทหารมาตรฐานบนโพเดียมในขณะที่แผ่บรรยากาศกดดันออกมา
เขาแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญที่ไม่เหมือนทหารทั่วไป มันเป็นบรรยากาศที่อันตรายที่ไม่ใช่แค่คนที่มีประสบการณ์และการเข่นฆ่านองเลือดมาอย่างโชกโชนเท่านั้นที่จะทำได้ แต่คน ๆ นั้นต้องเคยเข้าร่วมในสนามรบอีกด้วย
แต่สงครามขนาดใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นบนโลกมานานกว่า 70 ปีแล้ว นายพลฮัวคนนี้ไปฝึกแรงกดดันแบบนี้มาจากไหน?
ช่วงเวลาต่อมาภายในห้องโถงก็มีเสียงดังกึกก้องและเหล่าบรรดาวุฒิสมาชิกต่างหันหน้าเข้าหากันเพื่อหารือเกี่ยวกับการปรากฏตัวของเขตกองทัพภาคที่ 6 อย่างกระทันหัน
“สรุปแล้วกองทัพภาคที่ 6 สืบทอดภารกิจของกองกำลังปฏิบัติการพิเศษเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพลเมืองของจักรวรรดิบนโลก แม้ว่าจะมีสมาชิกหลักเพียงแค่ 6 คน และแต่ละคนก็ได้รับการสนับสนุนจากคนหลายหมื่นคน ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างต้องมีการถ่ายโอนทรัพยากรจำนวนมาก และการดำเนินการข้ามประเทศก็จะเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นตอนนี้เราจึงจำเป็นต้องมีการจัดตั้งเขตทหารอย่างเป็นทางการ”
วุฒิสมาชิกไตร่ตรองกันอย่างหนัก แต่พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของจักรวรรดิจากต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น
เวลาถัดมาพวกเขากดปุ่มแสดงข้อตกลงของการจัดสรรงบประมาณขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
สภาชั้นสูงของห้องโถงในวุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิก 100 คน ซึ่งลงคะแนนเสียงเห็นด้วย 90 ต่อ 8 คะแนนและอีก 2 เสียงไม่ออกความคิดเห็น หลังจากนั้นพวกเขาจะไปดำเนินการร่างกฎหมายสนับสนุนการจัดสรรงบประมาณภายใน 10 ปีของค่าใช้จ่ายทางทหารสำหรับกองทัพภาคที่ 6 ต่อไป
ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ!
ฮัวเฉาเหิงขยับตัวทำความเคารพด้วยการวันทยาหัตถ์เล็กน้อยขณะที่เขาตบเท้าเข้าด้วยกัน เขาแสดงความเคารพนี้แก่วุฒิสมาชิกและออกจากห้องประชุมใหญ่ไปอย่างไม่เร่งรีบ
เมื่อชายหนุ่มก้าวออกมาจากห้อง เขาก็เห็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชารายงานกับเขาทันทีว่า “เกรย์ชาโดว์พร้อมแล้วครับ ตอนนี้กำลังจอดอยู่ข้างนอกโรงเก็บเครื่องบิน”
ผู้มีตำแหน่งพลตรีพยักหน้าและเดินออกไปข้างนอก
ในขณะนั้นกลุ่มนักศึกษาฝึกงานหญิงของวุฒิสภารู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ไม่กล้าที่จะติดตามเขาไป พวกเธอจึงพูดขึ้นมาเสียงดังว่า “ท่านนายพลฮัวยอดเยี่ยมที่สุด!”
“ท่านนายพลฮัว! ฉันเป็นแฟนตัวยงของคุณ! คุณมีเว่ยป๋อหรือเปล่า? ฉันอยากจะติดตามคุณ!”
ใบหน้าของฮัวเฉาเหิงยังคงนิ่งสงบเหมือนน้ำในขณะที่เขายังคงก้าวเดินออกไปจากวุฒิสภาและไม่สนใจเสียงของเหล่านักศึกษาฝึกงานหญิงที่อยู่ข้างหลังเขา
เมื่อถึงเวลาที่เขานั่งอยู่ในเกรย์ชาโดว์ซึ่งเป็นเครื่องบินรบขับไล่ความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ล่าสุดของทหาร คิ้วหนาของเขาก็ขมวดเข้าด้วยกัน
ในขณะนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาไม่กล้าถามเขาว่าเป็นอะไร ก่อนจะรีบนั่งข้าง ๆ อีกฝ่ายและสวมหมวกนิรภัยเพื่อเตรียมพร้อมในการเป็นนักบินร่วมของฮัวเฉาเหิง
ไม่กี่อึดใจต่อมาเงาสีเทาพุ่งทยานขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างรวดเร็วและส่งเสียงคำรามเหมือนฟ้าร้อง แล้วทิ้งไอสีขาวราวกับหิมะไว้ด้านหลังร่างเงาสีเทาของเครื่องบินแทบจะทันที
เครื่องบินรุ่นนี้เป็นเหมือนกับค้างคาวสีดำที่เพิ่งบินออกมาจากกลุ่มเมฆแล้วมันก็หายไปในท้องฟ้าสีมืดสนิททันที
ในขณะนี้คนที่นั่งนิ่งอยู่ถัดจากฮัวเฉาเหิงกำลังจ้องมองไปยังชั้นเมฆที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วซึ่งหมุนวนรอบเครื่องบินในความเร็วที่เพียงพอที่จะหมุนหัวกลับได้
ขณะเดียวกันเครื่องมือการบินที่บันทึกข้อมูลการบินกำลังรายงานออกมาและมีเสียงรบกวนอยู่ในห้องวิจัยและพัฒนาใต้ดินที่ซ่อนอยู่ในอีกมุมหนึ่งของจักรวรรดิ มีช่างกำลังตรวจสอบข้อมูลการบินของเกรย์ชาโดว์ในขณะที่เขากำลังตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
ตามที่คาดไว้ ฮัวเฉาเหิงเป็นนักบินที่เก่งกาจที่หาตัวจับได้ยากในจักรวรรดิ!
ระหว่างที่เครื่องบินลำนี้อยู่ในการควบคุมของนายพลหนุ่ม กราฟข้อมูลของเกรย์ชาโดว์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเกินความคาดหมาย!
“เยส!”
“สำเร็จแล้ว!”
“วู้ววววว!”
เมื่อเกรย์ชาโดว์ระบุว่ามันลงจอดได้สำเร็จ ช่างเทคนิคก็ไม่สามารถยั้งตัวเองไม่ให้กระโดดออกจากที่นั่งเพื่อแสดงความดีใจ เสียงของพวกเขาสั่นสะเทือนหลังคาและพวกเขาโยนทุกสิ่งที่หาได้ตอนนั้นขึ้นไปในอากาศ
ในตอนนี้ภายในห้องควบคุมเต็มไปด้วยเสียงตะโกนสรรเสริญและเสียงหัวเราะ รวมถึงหลาย ๆ คนก็นำแชมเปญมาร่วมเฉลิมฉลอง
อีกทางด้านหนึ่ง ฮัวเฉาเหิงกำลังปลดหมวกกันน็อคและเข็มขัดนิรภัยออก เขาลงจากเกรย์ชาโดว์และเดินไปพร้อมกับพูดใส่ชุดหูฟังบลูทูธของเขาว่า “โทรหาเฉินหลาย”
บลูทูธนี้สามารถโทรหาเฉินหลายได้โดยอัตโนมัติ
“เฉินหลาย เป็นยังไงบ้าง? เหนียนจื่อดีขึ้นไหม?”
“นายพลฮัว? คุณกลับมาแล้วใช่ไหม เยี่ยมมาก! มาที่นี่ด่วนเลย! อาการเธอแย่ลงแล้ว” หมอหนุ่มมองไปที่โทรศัพท์ด้วยความโล่งใจ “ตอนนี้เราอยู่ที่โรงพยาบาลในฐานทัพเมือง C”
ฮัวเฉาเหิงมุ่งหน้าไปยังอาคารโรงพยาบาล
“นายพลฮัว กลับมาแล้วเหรอ!”
“นายพลฮัว!”
“นายพลฮัว!”
ทุกคนที่ฐานทัพคุ้นเคยกับการเรียกเขาว่านายพลฮัว แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้อยู่ในตำแหน่งพลตรีอย่างเป็นทางการตอนที่เขาก่อตั้งกองกำลังปฏิบัติการพิเศษขึ้น และเขาก็สนิทกับคนที่นี่ ชื่อนายพลฮัวจึงทำให้เขารู้สึกสนิทกันเหมือนเป็นครอบครัว
เจ้าของชื่อนั้นพยักหน้าทักทาย คิ้วเข้มของเขาผ่อนคลายเล็กน้อยขณะที่เขารีบเดินไปที่ชั้น 2 ของอาคารโรงพยาบาล
เฉินหลายโผล่ออกมาจากห้อง เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างท้วมอายุ 20 ปี เขาเป็นคนตัวเตี้ยที่สวมแว่นตากรอบสีดำ ดวงตา จมูกและปากดูอวบอิ่มไปหมด
ในตอนนี้ร่างกลม ๆ ของเขาถูกปิดบังด้วยเสื้อโค้ทสีขาวของแพทย์ ใบหน้ากลมแดงก่ำและหน้าผากของเขาในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
หมอหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหยาดเหงื่อออกจากใบหน้าพลางชี้ไปที่ภายในห้อง “เหนียนจื่ออยู่ข้างใน ไปหาเธอด่วนเลย คุณคือผู้ปกครองของเธอ ดังนั้นคุณมีสิทธิจัดการอะไรได้ทันที”
ฮัวเฉาเหิงไม่เคยมองเฉินหลายด้วยสายตาน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน
เขาเม้มริมฝีปากแล้วเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
หลังจากเข้าไปในห้อง เขาเห็นเหนียนจื่อถูกมัดเหมือนข้าวต้มมัดที่ขดตัวอยู่บนโซฟาที่มุมห้อง
ดูเหมือนว่าสติของเธอพร่าเลือนไปหมด เธอรู้สึกถึงขนนกนับไม่ถ้วนที่ลูบไล้เธออย่างอ่อนโยน ทำให้ร่างกายของเธอกระตุกด้วยความปรารถนาและเสียงครวญครางที่สั่นเทาหลุดออกมาจากลำคอของเธอเป็นครั้งคราว นอกจากนี้เธอยังบิดตัวไปมาอย่างบ้าคลั่งเหมือนสัตว์ร้ายตัวเล็ก ๆ
ชายหนุ่มรู้สึกว่าหนังศีรษะของเขาชาอีกครั้งเมื่อได้ฟังเสียงกระเส่าของเธอ เขาหันไปหาเฉินหลายอย่างเย็นชาก่อนจะถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? นายยังไม่ได้ให้ยาแก้พิษกับเธอเหรอ”