ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 37 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญ (2)
“ผู้ช่วยศาสตราจารย์เฮอจือชู?” หัวใจของกู้เหนียนจื่อกระตุกวูบ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
เธอเพิ่งจะได้รับโอกาสในการสัมภาษณ์กับศาสตราจารย์เฮอจือชูในเช้าวันรุ่งขึ้น มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นหรือเปล่า?
“เธอมีเวลาไหม? ไปดื่มกัน” เหวินเฉียวอี้พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย
แววตาของเธออบอุ่น และเธอมองไปที่กู้เหนียนจื่อด้วยความสนใจ เธอหันหลังเปิดประตูรถเพื่อเชิญคนตรงหน้าให้เข้าไปในรถ
หญิงสาวหรี่ตามองผู้ช่วยศาสตราจารย์ เธอจำได้ว่าเห็นผู้หญิงคนนี้ในตอนเช้า
ตอนที่กู้เหนียนจื่อโทรหาเฮอจือชู สาวสวยคนนี้ได้ออกมาจากห้องข้าง ๆ เธอเฝ้าดูอีกฝ่ายเคาะประตูห้องของเขาและเข้าไปด้านในห้อง
เหม่ยเสี่ยวเหวินบอกเธอว่าเฮอจือชูมีผู้ช่วยสอน
เขาหมายถึงผู้หญิงคนนี้เหรอ?
ผู้ช่วยสาวต้องการอะไรจากเธอกันแน่?
สิ่งสำคัญที่สุดของกู้เหนียนจื่อในตอนนี้คือการสัมภาษณ์ตอนแปดโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เธอจะต้องมีสติและสมาธิกับการสัมภาษณ์มาก
หญิงสาวปฏิเสธคำเชิญของเธออย่างสุภาพโดยพูดว่า “ผู้ช่วยเหวินคะ ถ้าคุณมีอะไรจะพูด ช่วยพูดตอนนี้ได้ไหมคะ พรุ่งนี้หนูมีสัมภาษณ์ และหนูต้องการทบทวนบทสัมภาษณ์อีกครั้ง ก่อนที่หนูจะเข้านอนในคืนนี้”
ในความเป็นจริง นักศึกษาชั้นแนวหน้าอย่างกู้เหนียนจื่อได้เตรียมพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์แล้ว มีเพียงนักศึกษาที่มีผลการเรียนระดับปานกลางจนถึงต่ำเท่านั้นที่จะต้องอ่านบทสัมภาษณ์อีกครั้งก่อนการสัมภาษณ์จะเริ่มขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น
เหวินเฉียวอี้มองเธอด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงยิ้มและพูดว่า “แต่ฉันมีเรื่องที่จะบอกเธอเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ของเธอในวันพรุ่งนี้”
“จริงเหรอคะ ศาสตราจารย์เขาส่งคุณมาเหรอ?” สาวน้อยหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาและค้นหาเบอร์โทรของเฮอจือชู “หนูขอโทรถามเขาก่อนนะคะ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร”
ผู้ช่วยสาวรีบหยุดเธอด้วยรอยยิ้มที่แข็งกระด้างบนใบหน้าของเธอเล็กน้อย “ที่รัก ทำไมเธอถึงสงสัยในตัวฉันนัก? ฉันมาที่นี่เพื่อให้คำแนะนำเธอ คิดว่าฉันมาที่นี่เพื่อทำร้ายเธอเหรอ?”
ปลายนิ้วของกู้เหนียนจื่อเลื่อนผ่านโทรศัพท์ของเธออย่างลับ ๆ เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนเหมือนนางฟ้าตัวน้อย “ไม่ค่ะ อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ผู้ช่วยเหวิน เราแทบไม่รู้จักกันเลย มีเหตุผลอะไรที่คุณจะต้องทำร้ายหนู ในเมื่อหนูแทบจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับคุณ นั่นเป็นความคิดที่บ้ามากและหนูไม่เคยคิดอย่างนั้น”
“แต่เธอปฏิเสธที่จะดื่มกับฉัน และรีบโทรเช็คกับศาสตราจารย์เฮอ เธอไม่เชื่อฉัน ใคร ๆ ก็คงจะคิดแบบนั้น” เหวินเฉียวอี้ถอนหายใจและส่ายหัวขณะที่เธอมองไปที่หญิงสาวตรงหน้า “ถ้าหากว่ามันไม่มีประโยชน์ล่ะ ต่อให้เธอพยายามแค่ไหน สุดท้ายก็ไร้ค่า”
สิ่งที่กู้เหนียนจื่อไม่อยากให้เกิดขึ้นในตอนนี้คือการที่ใครสักคนมาดับความหวังเล็ก ๆ ของเธอ
ใบหน้าของสาวน้อยหม่นหมองลง “หนูไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ ถ้ามีกำแพงอยู่ตรงหน้า หนูก็จะทุบมันต่อไป จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมแพ้ ดังนั้นแม้ว่าทุกอย่างจะไร้ค่า หนูก็ไม่อยากได้ยินจากคุณ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ คุณจะว่าหนูยังไงก็ตามสบายเลยหลังจากที่หนูทุบกำแพงนั้นจนกระดูกหนูแตกละเอียดแล้ว”
“แต่ฉันรู้สึกถูกชะตาเธอตั้งแต่วินาทีที่ฉันสบตากับเธอ ฉันชอบบุคลิกและจิตวิญญาณของเธอ และฉันไม่ต้องการให้เธอได้รับบาดเจ็บ” น้ำเสียงของผู้ช่วยสาวเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ “เหนียนจื่อ— ฉันขอเรียกเธอว่าเหนียนจื่อได้ไหม”
ฝ่ายที่ถูกร้องขอยักไหล่ “ได้ค่ะ ถ้าคุณต้องการ”
“เหนียนจื่อ เธอเป็นคนมีความสามารถมาก ฉันรู้ว่าเธอจะกลายเป็นทนายความหญิงที่เก่งที่สุดในโลก สักวันหนึ่งอนาคตของเธอจะสดใส เธอจะประสบความสำเร็จในเส้นทางข้างหน้าอีกมากมาย”
“ขอบคุณค่ะ หนูก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” กู้เหนียนจื่อกล่าวด้วยความมั่นใจอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ลึกลงไปในจิตใจ เธอพยายามคิดว่าผู้หญิงคนนี้กำลังจะต้องการอะไร
“โอ้ว ไม่คิดจะถ่อมตัวเลยเหรอ” เหวินเฉียวอี้เลิกคิ้ว “แต่เธอไม่เข้าใจ วันนี้เธอทำให้ศาสตราจารย์เฮอโกรธ ฉันทำงานกับเขามาหลายปีแล้ว และฉันไม่เคยเห็นใครกล้าต่อต้านเขาแบบนี้ เธอเป็นคนแรก ฉันมาที่นี่เพื่อเตือนเธอเท่านั้น ในเมื่อเธอทำให้เขารู้สึกแย่ มันไม่สำคัญว่าเธอจะพยายามมากแค่ไหน เธอจะไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้ เขาอาจเสนอโอกาสให้เธอศึกษาต่อ แต่เธอจะไม่มีอนาคต คงจะถูกกดไว้เลยด้วยซ้ำ ในเวลานี้เธอยังมีทางเลือกอื่นอยู่ ทำไมยังยืนกรานที่จะเลือกเส้นทางที่มันลำบากนักล่ะ? เธอกำลังขับรถเขาหาหน้าผาอยู่นะ”
กู้เหนียนจื่อขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้ยิน เธอกำลังรู้สึกไม่ค่อยปลื้มกับคำเปรียบเปรยของอีกฝ่าย เธอถือโทรศัพท์ในมือแน่นแล้วกอดอกด้วยความมั่นใจและดื้อรั้น “ผู้ช่วยเหวิน คุณกำลังจะบอกว่าศาสตราจารย์เฮอเขาเป็นคนหน้าซื่อใจคด หรือว่าเขาเป็นคนโกหกเหรอคะ?”
“อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้น” คนถูกยิงคำถามทำหน้าเหมือนคนที่เพิ่งถูกตบหน้า “ศาสตราจารย์เขาเป็นสุภาพบุรุษผู้ดี ทำไมเธอถึงกล้ามาถามว่าเขาเป็นคนหน้าซื่อใจคด”
“ถ้าเขาเป็นอย่างที่คุณพูด และไม่ใช่คนที่จะมาทำร้ายใครเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หนูไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงมาหาหนูตอนนี้” หญิงสาวตอบ
“ฉันแค่บอกเธอว่าอย่ายึดติดกับการเป็นนักศึกษาของศาสตราจารย์เฮอ เธอไปทำให้เขาโกรธแล้ว! ถ้าเธอเลือกให้เขาเป็นที่ปรึกษา เธอจะไม่มีอนาคต ไม่เชื่อฉันเหรอ? ไปถามรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยเลย ดูว่ามีกี่คนที่รอดไปได้จริง ๆ”
กู้เหนียนจื่อหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เธอเริ่มเท้าเอวอย่างหมดความอดทน “คุณพูดวกไปวนมา แต่โดยพื้นฐานแล้วสิ่งที่คุณพยายามจะบอกใบ้ก็คือ ศาสตราจารย์เขาเป็นคนหลงตัวเองที่ขี้น้อยใจ แล้วก็คิดเล็กคิดน้อยจนไม่ปล่อยคนที่ลองดีกับเขาไปแน่ ๆ หนูไม่รู้จริง ๆ ว่าหนูทำอะไรไปบ้างเพื่อให้สมควรได้รับความสนใจจากคุณ ทำไมคุณถึงมาพูดใส่ร้ายนายจ้างของคุณให้หนูฟังเพื่ออนาคตของหนูด้วย”
“เธอไม่เชื่อฉันใช่ไหม” เหวินเฉียวอี้จ้องมองคนตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
“คุณไม่ได้ให้เหตุผลที่หนูจะไว้ใจคุณได้” หญิงสาวกล่าวโดยไม่ลังเล “คุณรู้จักศาสตราจารย์เฮอมากกว่าที่คุณรู้จักหนูมาก และคุณก็อาจจะสนิทกับเขามากกว่าใคร ๆ แต่ดูเหมือนคุณจะไม่สนใจภาพลักษณ์ของเขาเท่าไหร่ การที่คุณพูดมาแบบนั้น คุณกำลังหมายความว่าเขาไม่มีเกียรติและอาจเป็นคนเลวทราม คุณแทบไม่รู้จักหนู แต่คุณทำตัวเห็นอกเห็นใจและกังวลเกี่ยวกับอนาคตของหนู ผู้ช่วยเหวิน ได้โปรดยกโทษให้หนูด้วยนะคะที่หนูแสดงท่าทีไม่สุภาพ แต่หนูไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมคุณถึงมาทำอะไรแบบนี้”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว ฉันแค่ไม่อยากเห็นคนที่มีศักยภาพมากอย่างเธอทำลายอนาคตของตัวเอง” ผู้ช่วยสาวเดินกลับไปที่รถของเธอ “ถ้าไม่อยากดื่มกับฉันก็ไม่เป็นไร ฉันพูดไปหมดแล้ว” ด้วยเหตุนี้เธอจึงสตาร์ทรถและขับออกไป
กู้เหนียนจื่อจ้องมองที่ด้านหลังของรถและพ่นลมหายใจ “เรื่องบ้าอะไรเนี่ย!” เธอยืนอยู่ข้างนอกอีกสักพักก่อนจะเดินกลับห้องของเธอ
ตอนนี้รูมเมทสาวทั้ง 3 คนของเธอออกไปข้างนอก และกู้เหนียนจื่อรู้ว่าพวกเธอจะกลับมาตอนไม่กี่นาทีก่อนที่ไฟหอพักจะถูกปิด
สำหรับยัยหนูชาเขียวฟ่างที่ได้รับการยอมรับให้เข้าศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษาที่โรงเรียนรัฐศาสตร์และกฎหมายที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงของประเทศแล้ว ตอนนี้เธอเลยยุ่งอยู่กับการสร้างคอนเนชั่นกับพวกรุ่นพี่ที่นั่น ส่วนคุณหนูเฉาได้เข้าทำงานในสำนักงานกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดของเมืองและกำลังเตรียมตัวสำหรับการสอบเนติบัณฑิต คนสุดท้ายนางมารน้อยกำลังจะย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวงของประเทศเหมือนกันเพราะเธอจะทำงานในแผนกกฎหมายของธุรกิจครอบครัวของเธอ
และแล้ววันรับปริญญาก็มาถึง ทุกคนต่างยุ่งกับการปูทางไปสู่สิ่งที่อยู่นอกเหนือการสำเร็จการศึกษา
ปัจจุบันรูมเมทสาวทั้ง 4 มีเวลาพูดไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกันก่อนที่จะแยกย้ายกันไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน
กู้เหนียนจื่อกำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง เธอได้คิดหาสาเหตุหลายประการที่ทำให้เหวินเฉียวอี้มาหาเธออย่างกะทันหันในคืนนี้ แต่ดูเหมือนไม่มีเหตุผลใด
โชคดีที่เธอเตรียมพร้อมไว้แล้ว เธอได้แอบบันทึกการสนทนาของพวกเธอและบันทึกไว้ในโทรศัพท์ของเธอ
เพื่อความปลอดภัย เธอยังได้อัปโหลดสำเนาของการบันทึกไปยังคอมพิวเตอร์ในอพาร์ตเมนต์ของเขตเฟิงหยาง
ในสถานที่แห่งหนึ่ง เหวินเฉียวอี้กำลังนั่งอยู่ในห้องของเธอ เธอเองก็ใช้โทรศัพท์และโอนบันทึกการสนทนากับกู้เหนียนจื่อไปยังคอมพิวเตอร์ของตนเอง ซึ่งกู้เหนียนจื่อไม่ใช่คนเดียวที่คิดว่าจะบันทึกการสนทนาของพวกเธอในวันนี้
ที่จริงแล้วสิ่งที่เธอทำไปทั้งหมดคือการตรวจสอบจุดประสงค์ที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อ
แล้วการบันทึกสนทนาก็เริ่มเล่นผ่านลำโพงแล็ปท็อปของผู้ช่วยสาว
เธอนั่งบนโซฟาและฟังการสนทนาอย่างตั้งใจ เธอส่ายหัว หลับตาลง และถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว