ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 31 : ให้ฉันจีบเธอได้ไหม
กู้เหนียนจื่อแย้มยิ้มออกมาจาง ๆ
เหม่ยเสี่ยวเหวิน หัวหน้าห้องของเธอใจดีกับทุกคนในชั้นเรียนของเธอเสมอ
ปกตินักศึกษากฎหมายที่มหาวิทยาลัยของพวกเธอได้รับโอกาสในการฝึกงานที่สำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียงตั้งแต่ชั้นปีแรก ตอนนั้นเธอเพิ่งย้ายมาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเหม่ยเสี่ยวเหวินตั้งใจเก็บตัวเลือกที่ดีที่สุดไว้ให้เธอเลือกก่อน เธอคิดเสมอว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดีที่สุดจะได้เลือกก่อนและนั่นก็เป็นของเธอแน่นอน
แล้วเธอจะไปรู้เรื่องนั้นได้ยังไง?
นอกจากนี้ เรื่องที่อีกฝ่ายมักจะเดินไปส่งเธอกลับหอพักมากกว่าสองสามครั้ง ในตอนนั้นมันมืดแล้วและเธอก็อ่านหนังสือจนลืมเวลา แต่เธอคิดว่านี่เป็นเพียงเพราะหัวหน้าห้องก็คงชอบอ่านหนังสือเพลินจนไม่ได้ดูเวลาเหมือนเธอ
เหม่ยเสี่ยวเหวินฉลาดในการเลือกใช้คำพูด มันทำให้ทุกคนรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ ๆ เขา เขาเป็นคนที่น่านับถือมากจริง ๆ
เธอยอมรับว่าเขาเอาเค้ก นมและขนมมาให้เธอในชั้นเรียนบ่อย ๆ แต่เขาก็เอามาให้คนอื่น ๆ ในชั้นเรียนด้วย!
และตอนนี้เขากำลังมาพูดว่าทุกอย่างที่ทำไปนั้นเขาทำเพื่อเธอจริง ๆ เหรอ?
‘หัวหน้าเหม่ย นายทำอะไรอ้อมค้อมเกินไป ถ้านายไม่บอกฉันตรง ๆ ฉันคงไม่มีวันรู้ว่านายกำลังพยายามเอาชนะใจฉัน…’
กู้เหนียนจื่อรู้สึกประทับใจกับเรื่องที่เพิ่งรู้มากจนเธออยากจะร้องไห้
งั้นที่เขาดีกับเธอเพราะเขาชอบเธอ และไม่ใช่เพราะเป็นหน้าที่ของเขา…
แต่หัวหน้าหนุ่มก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อทุกคนในชั้นเรียนตลอดมา
ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกสับสนมาก สิ่งแรกที่เธอจะทำคือการถามคนที่เธอไว้ใจมากที่สุด ผู้ปกครองของเธอ ‘ฮัวเฉา’ ว่าจะทำยังไงดี
แต่พอคิดถึงคิดฮัวเฉา เธอก็นึกถึงเรื่องลายนิ้วมือของเธอทันที เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “…หัวหน้าเหม่ย เอ่อ ช่วยลบลายนิ้วมือของฉันออกจากโทรศัพท์ของนายได้ไหม คือว่า… คนในครอบครัวของฉันไม่ค่อยพอใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่…”
“อ่า” เหม่ยเสี่ยวเหวินเหลือบมองเธอ เขาเองก็รู้สึกว่าเมื่อวันก่อนเขาใจร้อนเกินไป จนอาจทำให้เธอกลัว “ได้สิ ฉันจะลบให้ แต่เธอต้องสัญญากับฉันว่าจะให้ฉันจีบเธอ โอเคไหม”
ชายหนุ่มพูดพลางปลดล็อคโทรศัพท์ของเขาด้วยการปัดนิ้วและไปยังโฟลเดอร์จัดเก็บลายนิ้วมือ แล้วก็พบว่าลายนิ้วมือของกู้เหนียนจื่อไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว
เขาลืมบันทึกเหรอ?
หัวหน้าหนุ่มโชว์หน้าจอโทรศัพท์ของเขาให้อีกฝ่ายดู “นี่ เอาไปดูเลย ฉันไม่ได้บันทึกไว้ คงไม่มีอะไรต้องลบแล้ว”
หญิงสาวเหลือบมองโทรศัพท์แล้วยกมือขึ้นทาบหน้าอกตัวเองด้วยความโล่งอก เธอพูดพร้อมหัวเราะว่า “ขอบคุณนะ หัวหน้าเหม่ย”
“แล้วเรื่องที่พูดเมื้อกี้ตกลงหรือเปล่า” เหม่ยเสี่ยวเหวินถามย้ำ
ก่อนที่จะพูดเขาต้องรวบรวมความกล้าพอสมควร
ฝ่ายที่ถูกยิงคำถามรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อโบยบินอยู่ในท้องของเธอ มันทำให้ใจเธอเต้นแรงและสั่นสะท้าน แต่เธอไม่รู้ว่าจะตอบเขาไปว่ายังไงดี
เธอหลับตาลง หลังจากนั้นสักครู่เธอเงยหน้าขึ้นแอบมองชายหนุ่ม
ในขณะนี้เหม่ยเสี่ยวเหวินหันไปมองถนน แต่เขาแอบเหล่มองไปทางด้านข้างพร้อมรอยยิ้มบนริมฝีปากของเขา
หัวใจของกู้เหนียนจื่อเต้นแรงอีกครั้ง เธอรีบหันศีรษะและมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อมองทิวทัศน์ที่ผ่านเธอไป
ตอนนี้หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความวุ่นวาย…
เธอควรโทรหาฮัวเฉาแล้วถามเขาก่อนดีไหม?
เขาเป็นผู้ปกครองของเธอ แต่นี่เป็นสิ่งที่เธอควรถามเขาหรือเปล่า?
ในขณะนี้หัวใจของหญิงสาวถูกเหวี่ยงไปมาเหมือนรถไฟเหาะ คำสารภาพของหัวหน้าหนุ่มได้จุดประกายความอยากรู้ของเธอ
เธออยากรู้ว่าการเดทกับใครสักคนเป็นยังไง แต่ในวินาทีต่อมาเธอนึกถึงใบหน้าเคร่งขรึมและจริงจังของฮัวเฉาเหิงแล้วกลัวว่าเขาจะดุเธอ…
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผู้หญิงที่อายุเกือบ 18 ปีที่อยากจะมีความรัก
ทุกวันนี้ เด็กอายุ 14 ปีส่วนใหญ่ได้สัมผัสกับความรักครั้งแรกแล้ว แน่นอนว่าหญิงสาวอายุ 17 ปีแบบเธอไม่ได้เด็กเกินไปที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครสักคนหรอกใช่ไหม?
พูดตามตรงว่าชีวิตของเธอจนถึงตอนนี้ไม่ค่อยปกติธรรมดาเหมือนคนทั่วไปเท่าไหร่ เธอตามฮัวเฉาเหิงไปที่ค่ายทหารเมื่ออายุ 12 ปีและไม่มีโอกาสที่จะตกหลุมรักใครเลย
จากนั้นเธอก็มาเรียนที่เมือง C ตอนที่อายุ 16 ปี
เธอเคยได้ยินเพื่อนร่วมชั้นพูดถึงชีวิตรักของพวกเขา และเธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธออิจฉา…
ทำไมไม่ลองดูล่ะ?
หัวใจของกู้เหนียนจื่อรู้สึกสั่นไหว แต่เธอไม่กล้าพูดออกไป
เธอยังคงต้องบอกผู้ปกครองของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าเขาไม่เห็นด้วยที่เธอจะคบกับเหม่ยเสี่ยวเหวิน เธอก็คงต้องปล่อยไป
“เธอคิดว่ายังไง?” หัวหน้าหนุ่มเหลือบมองหญิงสาว เขายิ้มพร้อมกับพูดเสริมว่า “ฉันไม่ได้ขอให้เธอตกลงเป็นแฟนของฉันในทันที ฉันแค่ขอให้เธอเปิดโอกาสให้ฉันจีบเธอ”
เขากำลังจะสำเร็จการศึกษาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแล้วทุกคนก็จะไปตามเส้นทางของตนเอง กระจัดกระจายกันไปราวกับสายลม เขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไป
ความจริงแล้วในมหาวิทยาลัยมีสาวสวยและมีความสามารถมากมาย แต่พวกเธอทั้งหมดเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ พวกเธอสามารถทำให้ใคร ๆ หลงเสน่ห์ได้ด้วยการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียว
แต่สาว ๆ ที่น่ารัก มีชีวิตชีวา ฉลาด แต่ไร้เดียงสาอย่างกู้เหนียนจื่อยังคงได้รับความนิยมมากที่สุด
ตัวอย่างเช่นผู้ชายส่วนใหญ่ในชั้นเรียนมักจะออกเดทกับนักศึกษาปีที่ 1 และปีที่ 2 มีน้อยคนมากที่จะออกเดทกับเพื่อนร่วมชั้นเดียวกันเพราะเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น
แม้ว่ากู้เหนียนจื่อจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขา แต่เธอก็อายุน้อยกว่ามาก เธอมีอายุใกล้เคียงกับนักเรียนในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขามา 2 ปีแล้ว และพวกเขารู้จักกันดี ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะมีความราบรื่นหากพวกเขาเริ่มออกเดทกันหลังจากนี้
เหม่ยเสี่ยวเหวินมองถนนข้างหน้าอย่างสบาย ๆ อาจเป็นเพราะชีวิตของเขาไม่เคยมีอุปสรรคเลย นอกจากความสามารถของเขาแล้ว ครอบครัวของเขายังเป็นคนที่คอยสนับสนุนเรื่อยมา ยังไงเขาก็มีอนาคตที่สดใสแน่นอน
ในขณะนั้นสายตาของหญิงสาวหันกลับมา เธอก้มศีรษะลงอย่างวิตกกังวล นิ้วของเธอกำลังเล่นกับผ้าของกระโปรงจัมเปอร์ที่ทำด้วยผ้าขนสัตว์สีเทาอ่อนของเธอ ก่อนจะพึมพำออกมาว่า “… หัวหน้าเหม่ย นายคาดหวังว่าจะให้ฉันตอบว่าอะไร”
“เธอตอบไม่ได้เหรอ? ในกรณีนั้นฉันจะถือว่าเธอตกลง” หัวหน้าหนุ่มกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา “ตอนนี้สิ่งแรกที่เธอต้องทำคือหยุดเรียกฉันว่าหัวหน้าเหม่ย เราสนิทกันกว่านั้นแล้ว เรียกฉันว่าเสี่ยวเหวินสิ ครอบครัวของฉันเรียกฉันแบบนี้”
การเรียกเขาด้วยชื่อต้นเป็นก้าวสำคัญในการย่นระยะห่างระหว่างพวกเขา
และก็ไม่สนิทสนมกันจนเกินไป
กู้เหนียนจื่อตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “…โอเค”
แต่ในน้ำเสียงนั้นมีร่องรอยของความกังวลใจ แม้ว่าเสียงของเธอจะไม่ดัง แต่ดูเหมือนว่าจะก้องอยู่ในโสตประสาทของเหม่ยเสี่ยวเหวินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คำตอบนั้นทำให้เขากำพวงมาลัยแน่น เขาไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะ ‘ตกลง’ ง่าย ๆ นั่นทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว
บางทีความรู้สึกที่เขามีต่อเธออาจจะมากกว่าที่เขาคิดก็ได้
ทั้งสองคนเงียบไปตลอดการนั่งรถ ราวกับว่าเป็นการตกลงโดยปริยาย
เมื่อพวกเขามาถึงมหาวิทยาลัย เหม่ยเสี่ยวเหวินก็ขับรถไปที่ทางเข้าหอพักหญิง
เขาลงจากรถก่อนและช่วยเธอยกกระเป๋าเดินทางออกมา เขาถือกระเป๋าเป้สะพายหลังของเธอด้วยมืออีกข้างหนึ่งและพาเธอขึ้นไปส่งชั้นบน
ปกติผู้ชายจะถูกห้ามไม่ให้เข้าหอพักหญิง
แต่เหม่ยเสี่ยวเหวินที่เป็นหัวหน้าของชั้นเรียนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ผู้ดูแลประจำหอพักหญิงจึงคุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดี เมื่อเธอเห็นเขาเข้ามา เธอทำเพียงโบกมือให้เขาและปล่อยให้เขาเข้ามาง่าย ๆ
จากนั้นชายหนุ่มก็ทักทายผู้ดูแลหอพักที่เป็นหญิงวัยกลางคนอย่างสุภาพ เขากล่าวว่า “เพื่อนร่วมชั้นของผมเพิ่งกลับมามหาวิทยาลัยหลังจากหายจากอาการป่วยน่ะครับ”
ผู้ดูแลหอพักหันไปมองหน้ากู้เหนียนจื่อ
เธอเป็นนักเรียนที่อายุน้อยที่สุดในคณะนิติศาสตร์และเป็นนักเรียนระดับหัวกะทิ แน่นอนว่าผู้ดูแลหอพักจำเธอได้ทันที
“เหนียนจื่อ ตอนนี้เธอหายดีแล้วหรือยัง” หญิงวัยกลางคนยิ้มเมื่อเธอทักทายหญิงสาว “หัวหน้าห้องของเธอมีความรับผิดชอบมาก เขามาที่นี่วันละสามครั้งเพื่อถามว่าเธอกลับมาหรือยัง”
กู้เหนียนจื่อพยักหน้ายิ้ม ๆ เธอหยิบถุงขนมมามอบให้อีกฝ่าย “ขอบคุณนะคะ นี่เป็นของขวัญเล็กน้อยแทนคำขอบคุณของหนูค่ะ”
ผู้ดูแลหอพักยอมรับของขวัญของเธอเพราะมันก็แค่ขนมห่อหนึ่ง มันไม่ใช่เป็นการติดสินบนอะไร
หลังจากทักทายผู้ดูแลหอพักเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินขึ้นไปชั้นบน ทันทีที่พวกเขาเปิดประตูห้องของเธอ รูมเมทอีกสามคนของเธอที่อยู่ภายในห้องก็กรีดร้องใส่หน้าทั้งคู่ทันที
“เหนียนจื่อ เธอกลับมาแล้ว!”
“สาวน้อย ตอนนี้เธอดีขึ้นแล้วหรือยัง!”
“หัวหน้าเหม่ยไปรับเธอแล้วมาส่งที่นี่เองเลยเหรอ? โอ้ เธอต้องตอบแทนเขาแล้วล่ะ!”