ฮัวเฉาเหิงมีอาชีพเป็นทหาร แต่ในขณะนี้เขาไม่ได้อยู่ในเมือง C
ตั้งแต่ที่เขายอมรับภารกิจลับเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินทางออกจากฐานทัพในเมือง C โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายตัวไปไหน
ก่อนจากไปเขาได้มอบหมายให้เฉินหลายดูแลกู้เหนียนจื่อ
ใครไปจะคิดว่าเธอจะมีปัญหาในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่กัน?
ชายที่เป็นแพทย์นึกถึงแววตาที่เยือกเย็นและไร้ความปรานีของนายพลหนุ่มและวิธีการลงโทษของอีกฝ่าย แค่คิดถึงเรื่องนั้นมันก็ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากำลังจะกระโจนออกจากลำคอ
เฉินหลายถือโทรศัพท์ของเขาพลางจ้องมองไปที่กู้เหนียนจื่อที่กำลังบิดตัวไปมาและร้องครวญครางอยู่บนโซฟา โดยที่เขากำลังคิดว่าเรื่องนี้นับเป็นเรื่องคอขาดบาดตายไหม?
นอกจากนี้หมอหนุ่มกำลังนึกถึงเบอร์โทรศัพท์ที่ฮัวเฉาเหิงให้เขาก่อนที่จะเดินทาง ผู้ชายคนนี้มักจะหายตัวไปตามอำเภอใจโดยไม่คิดให้คนอื่นรู้ แต่คราวนี้เขาได้ทิ้งเบอร์ไว้ให้เฉินหลายสามารถติดต่อได้ตลอดเวลา
แน่นอนว่าฮัวเฉาเหิงได้เตือนคนเป็นหมอซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาไม่ควรโทรหาเบอร์นี้เว้นแต่จะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริง ๆ
ซึ่งมันก็คือตอนนี้ใช่ไหม?
เฉินหลายกดหมายเลขพิเศษสี่หลัก เสร็จแล้วก็จ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์พลางพึมพำอย่างกระวนกระวาย “เร็วเข้า รับสิ! รับสิ! รับ!”
ตอนที่แพทย์หนุ่มโทรหาเขาทางโทรศัพท์ ฮัวเฉาเหิงได้ทำภารกิจของเขาเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิในขณะที่เขากำลังยืนอยู่นอกประตูที่นำไปสู่เวทีในวุฒิสภาเพื่อรอให้ถึงคิวของเขา
ภารกิจปัจจุบันของเขาคือการชักชวนให้วุฒิสภาให้เงินสนับสนุนในเขตทหารที่ 6 ที่จัดตั้งขึ้นใหม่
แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะต้องเข้าไปในห้องโถง
นายพลหนุ่มยืนอยู่ที่ปลายสุดของทางเดินด้านนอกห้องประชุมโดยคีบบุหรี่ไว้ระหว่างนิ้วมือขวาที่สวมถุงมือสีขาวของเขา ในขณะที่มือซ้ายของเขาอยู่ในกระเป๋ากางเกง เขากำลังเหม่อมองทิวทัศน์ยามค่ำคืนด้านนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่อย่างเงียบ ๆ
และไม่ไกลจากเขามีนักศึกษาฝึกงานหญิงเพียงไม่กี่คน ผู้หญิงพวกนั้นมีหน้าตาที่สะสวย นอกจากนี้ทุกคนยังมาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียง พวกเธอกำลังมองไปทางเขา แต่ไม่มีใครกล้าที่จะเดินเข้าไปคุยกับเขาเลยแม้แต่คนเดียว
วันนี้ฮัวเฉาเหิงอยู่ในเครื่องแบบทหารเต็มยศ เขาสวมเสื้อเบลเซอร์สีกรมท่าที่ทำจากขนสัตว์เนื้อดีและกระดุมทองเหลืองสว่างส่องเรียงเป็นเส้นตรงจนถึงลำคอเรียวของเขา บนบ่ามีอินทรธนูและดาวที่เป็นสีทองส่องแสงระยิบระยับภายใต้แสงโคมไฟในห้องจัดเลี้ยง
รอบเอวของเขามีเข็มขัดทหารขนาดกว้างที่ทำจากหนังแรด ส่วนด้านล่างเป็นกางเกงขายาวสีน้ำเงินกรมท่าซึ่งทำจากผ้าวูลเนื้อดีตะเข็บตรงไร้ที่ติ และเท้าของเขาก็สวมรองเท้าบูทสูงถึงเข่า
ชายหนุ่มมีความสูงประมาณ 180 เซนติเมตรและรองเท้าบูทคู่นี้ทำให้เขาสูงมากกว่าเดิมไปอีก นอกจากนี้เขายังมีไหล่กว้างและอกผายอีกด้วย เขาได้เข้ารับราชการทหารเมื่ออายุ 15 ปีและก่อนหน้านั้นเขาได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาก่อน ทำให้ในขณะที่ยืนอยู่นิ่ง ๆ เขาดูสง่างามราวกับรูปปั้นแกะสลักอย่างดี
เมื่อประกอบกับชุดทหารรัดรูปของเขายิ่งทำให้ทุกคนเห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น
แค่รูปร่างที่สูงและกล้ามเนื้อแน่น ๆ ของเขาเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจของหญิงสาวทุกคนเต้นแรงแล้ว แต่ราวกับว่าสวรรค์ยังลำเอียงไม่พอ เพราะใบหน้าที่เข้ากับรูปร่างนั้นก็หล่อเหลาเสียจนผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มองดูนั้นรู้สึกสิ้นหวังกับความไม่คู่ควรของตัวเอง
โชคดีที่โลกนี้ยังไม่ถึงกับไม่ยุติธรรมเสียทีเดียว รูปลักษณ์ที่น่าอิจฉาของเขากลับกลายเป็นว่าไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาเลย ทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเป็นเหมือนสิ่งต้องห้ามและใครก็ตามที่ถูกจ้องมองมักจะรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัวเพราะดวงตาที่เยือกเย็นและห่างเหินของเขา ซึ่งกู้เหนียนจื่อได้แปลความหมายของสายตานั้นไว้ว่า ‘พวกแกมันก็แค่เศษขยะ’
เขาได้รับชื่อเสียงในฐานะ ‘ยูนิคอร์น’ ของกองกำลังปฏิบัติการพิเศษ ดอกไม้ที่ไม่มีใครสามารถแตะต้องได้ซึ่งจะเบ่งบานอยู่บนยอดเขา ชายผู้นี้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่ทุกคนปรารถนา แต่ก็ทำได้แค่ชื่นชมจากระยะไกลเท่านั้น
ในขณะนั้นฮัวเฉาเหิงจ้องมองท้องฟ้ายามค่ำคืนสีฟ้าเข้มที่อยู่เหนือหน้าต่างขณะที่เขาพ่นควันบุหรี่ออกมา เขากำลังคิดถึงคำปราศรัยที่เขากำลังจะนำเสนอต่อวุฒิสภา
ทันใดนั้นหูฟังบลูทูธของเขาก็ดังขึ้น
มีคนโทรหาเขาโดยใช้เบอร์ลับสุดยอดส่วนตัวที่ใช้ในทางทหารเท่านั้น และเขาเคยให้เบอร์นี้กับเฉินหลายเท่านั้นและย้ำกับเขาว่าให้โทรมาได้ในเฉพาะกรณที่มีเรื่องคอขาดบาดตายของกู้เหนียนจื่อเท่านั้น
มีบางอย่างเกิดขึ้นกับกู้เหนียนจื่อหรือเปล่า?
ชายหนุ่มรวบรวมสมาธิกลับมาแล้วสะบัดบุหรี่ทิ้งลงในถังขยะและพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “ว่ามา”
ชุดหูฟังบลูทูธของเขาได้เชื่อมต่อกับสายส่วนตัวทันที เสียงที่นุ่มนวลและทุ้มลึกของผู้มีตำแหน่งพลตรีดังผ่านการเชื่อมต่อและผ่านเข้าสู่หูของเฉินหลายที่อยู่ในอีกด้านหนึ่งของสายสนทนา
แพทย์หนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกราวกับว่าในที่สุดเขาก็ปลดภาระอันหนักอึ้งในใจไปได้ ก่อนที่เขาจะรีบอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับกู้เหนียนจื่อ
คิ้วหนา ๆ ของฮัวเฉาเหิงขมวดเล็กน้อย “ยาปลุก? นายโทรหาฉันในเวลานี้เพราะเรื่องโง่ ๆ เนี่ยนะ แค่ให้ยาแก้พิษกับเธอก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง” เสียงของเขาทุ้มต่ำและฟังดูไม่แยแส แต่เฉินหลายสามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกรำคาญ
“ผมให้ยาแก้พิษสองสามอย่างไปแล้ว แต่นี่มันมีอะไรมากกว่านั้น มีคนพยายามทำร้ายเธอซึ่งเป็นสาเหตุที่ผมคิดว่าคุณที่เป็นผู้ปกครองของเธอควรจะได้รู้เรื่องนี้ นอกจากนี้นี่ไม่ใช่ยาปลุกเซ็กซ์ธรรมดา ๆ ! มันมีฤทธิ์แรงมากและผมไม่รู้ว่าจะทำให้เธอสงบลงได้ไหม ลองฟังเสียงเธอดูสิ” หลังจากระเบิดอารมณ์โกรธเสร็จ เฉินหลายก็วางโทรศัพท์ไว้ใกล้แก้มของกู้เหนียนจื่อแล้วพูดว่า “นี่คือฮัวเฉา [1] ผู้ปกครองของเธอ”
ราวกับว่าในขณะนี้มีแสงแดดส่องทะลุสมองที่เลือนรางและยุ่งเหยิงของหญิงสาว เมื่อรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเหลืออยู่เธอจึงพูดออกมาว่า “ฮัวเฉา…” ก่อนที่เธอจะเป็นลมหมดสติไป
‘ฮัวเฉา’ คำ ๆ นี้เปล่งออกมาอย่างนุ่มนวลและน่าฟัง ทำให้เจ้าของชื่อรู้สึกเหมือนกับว่ามีลูกแมวแรกเกิดใช้อุ้งเท้าอ้วน ๆ มาลูบไล้ฝ่ามือของเขาอย่างสนุกสนาน
ฮัวเฉาเหิงเป็นชายหนุ่มที่เคร่งขรึมและมีความยับยั้งชั่งใจอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เขายังยืนอยู่ในสถานที่ที่ดูโอ่อ่าสง่างาม และเขาไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่นกับกู้เหนียนจื่อเลย เขาเห็นเธอเป็นเด็กน้อยที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขามาตลอด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกว่าหนังหัวของเขาชาวาบเมื่อได้ยินเสียงของเธอ
มีบางอย่างแปลก ๆ
ชายหนุ่มถามขึ้นมาทันทีว่า “เธอเป็นแบบนี้นานแค่ไหนแล้ว?”
ฝ่ายที่ถูกถามเหลือบมองไปที่กู้เหนียนจื่อซึ่งตอนนี้กำลังพลิกตัวและพยายามถอดเสื้อผ้าของเธอออก เขากัดฟันตัวเองแน่นจนเส้นเลือดที่ขมับปูด “ผมไม่รู้ ผมจะลองให้ยาแก้พิษกับเธอดู ผมต้องขอบอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในยานั้นบ้าง ผมเลยไม่รับประกันว่ายาแก้พิษจะได้ผล โอย! แค่นี้ก่อนนะ เธอถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจะหมดแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นคิ้วของฮัวเฉาเหิงเลิกขึ้นทันที แต่ขณะที่พูดน้ำเสียงของเขายังคงอยู่ในระดับปกติ “มัดเธอไว้และปิดปากเธอด้วย คิดว่านี่เป็นการฝึกของกองกำลังปฏิบัติการพิเศษแล้วกัน”
“ผมรู้ แต่ผมไม่มีเครื่องมืออะไรเลย” หมอหนุ่มมองไปรอบ ๆ ก่อนจะถามขึ้นมาว่า “เฮ้ คุณเก็บเชือกไว้ในบ้านพักของคุณบ้างหรือเปล่า”
“น่าจะมีในห้องเก็บของ รีบเข้า อย่ามัวชักช้า พาเธอไปที่คลินิกของนายที่ฐานทัพโดยเร็วที่สุด” เส้นเลือดบนขมับของคนเป็นผู้ปกครองปูดขึ้น เขาวางสายและจุดบุหรี่อีกมวนแล้วสูดเข้าไปลึก ๆ ก่อนจะหายใจออกช้า ๆ ทำให้ควันกระจายหายไปในยามพลบค่ำ
ในเวลาเดียวกันเฉินหลายจ้องไปที่โทรศัพท์ของตน เขาโยนมันทิ้งแล้วรีบไปที่ห้องเก็บของ ไม่นานเขาก็พบเชือกและนำมามัดตัวกู้เหนียนจื่อเหมือนข้าวต้มมัดจีน
ในขณะนี้หญิงสาวผู้น่าสงสารถูกมัดอย่างแน่นหนา แต่เสียงครวญครางที่ฟังดูน่าหดหู่ที่มาจากเธอยังคงดังรบกวนเฉินหลาย แม้ว่าเขาจะได้รับการฝึกฝนทางการแพทย์มาแล้ว เขาจึงปิดปากเธอด้วยผ้าก๊อซ จากนั้นเขาก็พาเธอออกจากบ้านแล้วเดินไปทางที่จอดรถชั้นใต้ดินของบ้านพัก เขาก็มัดเธอไว้ในรถก่อนที่จะขับรถออกจากบริเวณบ้านพักในเขตเต๋อซินเพื่อมุ่งหน้าไปยังฐานปฏิบัติการพิเศษของเมือง C
ในเวลาเดียวกันใบหน้าของฮัวเฉาเหิงยังคงสงบและเยือกเย็น แต่ภายในใจเขากำลังเริ่มกังวล มันเป็นแค่ยาปลุกเซ็กซ์ แทบจะไม่มีพิษอะไร ชีวิตของเหนียนจื่อคงไม่ตกอยู่ในอันตราย เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบกลับบ้านไปในตอนนี้
แต่ใครจะรับประกันได้?
เขาเหลือบมองนาฬิกาของตัวเองเป็นครั้งคราว แล้วหันไปออกคำสั่งกับฝานเจี้ยน ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาว่า “เตรียมเครื่องบินเกรย์ชาโดว์ให้ฉัน ทันทีที่การประชุมสิ้นสุดลง ฉันจะมุ่งหน้ากลับไปที่ฐาน บอกพวกเขาไปว่านี่เป็นการบินทดสอบ”
เกรย์ชาโดว์เป็นเครื่องบินขับไล่ความเร็วเหนือเสียงสองที่นั่งรุ่นล่าสุดที่ผลิตจากการวิจัยและพัฒนาทางทหารและยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบเท่านั้น
แต่ชายหนุ่มไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้ เขาได้รับการฝึกฝนให้เป็นนักบินรบและทักษะของเขาในฐานะนักบินไม่เป็นสองรองใคร
ฝานเจี้ยนที่ยืนเป็นระเบียบเรียบร้อยตอบรับคำสั่งของเขาทันที “ครับท่าน!” จากนั้นเขาก็รีบออกไปเพื่อรักษาความปลอดภัยบนเครื่องบิน
เมื่อฮัวเฉาเหิงออกคำสั่งเสร็จก็มีหญิงสาวสวยหุ่นดีเดินออกมาจากห้องประชุม เธอโค้งคำนับและกล่าวว่า “นายพลฮัว ถึงตาคุณแล้วค่ะ”
ชายหนุ่มที่ถูกเลือกเดินเข้าไปในห้องโถงในขณะที่ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง
ห้องประชุมใหญ่ของวุฒิสภาถูกสร้างขึ้นด้วยรูปทรงที่เหมือนกับเปลือกหอยขนาดยักษ์ โดยมีการจัดที่นั่งสำหรับวุฒิสมาชิกที่มีลักษณะคล้ายพัดที่คลี่ออกมาแล้ว คนที่อยู่ด้านหน้ามีที่นั่งต่ำที่สุดในขณะที่คนที่อยู่ด้านหลังจะนั่งสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ทำให้ไม่มีใครบดบังสายตาของใคร
ส่วนโพเดียมถูกวางไว้ตรงกลางซึ่งเป็นจุดหมุนของพัด
ด้านหลังโพเดียมจะเป็นหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่มากที่สูงจากพื้นจรดเพดาน
ในขณะนั้นฮัวเฉาเหิงก้าวขึ้นไปยืนก่อนจะโค้งตัวเล็กน้อยบนโพเดียมเพื่อแสดงความเคารพต่อวุฒิสมาชิกด้านล่าง ต่อมาเขาแนะนำตัวเองว่า “ผมชื่อฮัวเฉาเหิง พลตรีแห่งกองทัพจักรวรรดิและเป็นผู้บัญชาการกองกำลังปฏิบัติการพิเศษซึ่งปฏิบัติงานภายใต้การบังคับบัญชาของทหารโดยตรง ผมมาที่นี่ในวันนี้เพื่อขอให้วุฒิสภาจัดสรรงบประมาณที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนกองทัพภาคที่ 6 ตลอดระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า”
เมื่อเขาพูดจบภายในห้องโถงก็เงียบลง
หลังจากนั้นครู่หนึ่งวุฒิสมาชิกที่มีผมสีเทาที่นั่งแถวหน้าก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สื่อถึงความกังขาของเขาว่า “นายพลฮัว จักรวรรดิของเรามีเขตทหารเพียง 5 แห่งซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออก, ทางใต้, ทางตะวันตก, ทางเหนือและตรงกลาง แล้วกองทัพภาคที่ 6 ที่คุณพูดถึงนี้อยู่ที่ไหน”
[1] “ฮัวเฉา” เป็นชื่อเล่นที่กู้เหนียนจื่อเรียกฮัวเฉาเหิง
MANGA DISCUSSION