ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 19 : หมดโอกาส
การติดตามยามากุจิ โยโกะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น พวกเขายังไม่สามารถหยุดพักได้อย่างสบายใจ
คืนนั้นฮัวเฉาเหิงนอนไม่หลับและเขาไม่รู้ว่าทำไม เขาพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงในห้องรับแขกก่อนจะลุกขึ้น ในเวลานี้ยังคงเป็นช่วงกลางดึก แต่สิ่งนี้ไม่ได้หยุดเขาจากการไปที่คลังเก็บเอกสารสำคัญของทหารเพื่อค้นหาเอกสารเก่าบางอย่าง
ในปัจจุบันข้อมูลเกือบทุกอย่างสามารถหาได้บนอินเทอร์เน็ต แต่บรรดาผู้ที่เข้าใจอย่างแท้จริงว่าอินเทอร์เน็ตทำงานยังไงจะรู้ว่าเครือข่ายเต็มไปด้วยช่องโหว่ ตัวอย่างเช่น เจี้ยวเลี่ยงจื่อ หนึ่งในเลขาส่วนตัวของเขารู้จักวิธีการต่าง ๆ หลายร้อยวิธีในการถอดรหัสระบบรักษาความปลอดภัยเครือข่ายทุกประเภท มันง่ายพอสำหรับเขาที่จะบุกเข้าไปในคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ตเครื่องใดก็ได้
กองทัพจักรวรรดิตระหนักถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยต่อเครือข่ายและฐานข้อมูลของรัฐบาล ด้วยเหตุผลเหล่านี้มันจึงมีไฟล์ลับสุดยอดจำนวนมากที่ถูกบันทึกบนกระดาษเท่านั้น เอกสารพวกนี้ไม่เคยถูกอัปโหลดไปยังอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้คลังเก็บเอกสารยังมีข้อมูลที่บันทึกไว้ในไม้ไผ่และแผ่นหิน ข้อมูลเหล่านั้นจะคงอยู่ได้นานกว่าการบันทึกลงในกระดาษมาก
หลังจากนั้นนายพลหนุ่มก็ทำงานในคลังเก็บเอกสารตลอดทั้งคืน เมื่อถึงเวลาเช้าตรู่ ในที่สุดเขาก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะเพื่องีบหลับอย่างรวดเร็ว เขาตื่นขึ้นในเวลาต่อมาเพราะเสียงเบา ๆ ของพนักงานเก็บเอกสารที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ประตู
คลังเก็บเอกสารถาวรแห่งนี้ถูกปิดกั้นจากสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นวิทยุทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะโทรหาใครสักคนโดยใช้โทรศัพท์มือถือตอนที่พวกเขาอยู่ข้างในและไม่มีโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ วิธีเดียวในการสื่อสารในคลังเก็บเอกสารก็คือการตะโกนดัง ๆ แบบสมัยก่อนให้ดังพอที่จะได้ยินผ่านประตูและกำแพง
“ท่านครับ! ท่าน! เลขาส่วนตัวของคุณกำลังตามหาคุณ เขามีเรื่องเร่งด่วนครับ!”
เสียงเคาะประตูดังอย่างต่อเนื่องเพื่อปลุกชายหนุ่มที่เพิ่งจะหลับไปให้ตื่นขึ้น เขาดึงตัวเองขึ้นและเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้าด้วยน้ำเย็น เสร็จแล้วเขามองดูนาฬิกาและพบว่าตอนนี้เป็นเวลา 8 โมงเช้าแล้ว
ชุดหูฟังบลูทูธของฮัวเฉาเหิงดังขึ้นทันทีที่เขาเดินออกจากคลังเก็บเอกสารถาวร
คนที่โทรมาคือหยินชือฉง เลขาส่วนตัวอีกคนของเขา
“มีอะไร?”
“ท่านครับ การสัมภาษณ์ของคุณกู้คือวันนี้แล้ว! มหาวิทยาลัยของเธอโทรมาไม่หยุดเลย แม้แต่ศาสตราจารย์เองก็โทรมาถาม” น้ำเสียงของผู้เป็นเลขาฟังดูร้อนรน เขาได้ไปแผนกนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัย C เป็นการส่วนตัวเมื่อ 3 วันก่อนเพื่อขอลาป่วยให้กู้เหนียนจื่อและขอให้ศาสตราจารย์เฮอจือชูเลื่อนการสัมภาษณ์เป็นเวลา 3 วันนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก
ถ้ากู้เหนียนจื่อไปสายอีกครั้ง หยินชือฉงไม่คิดว่าศาสตราจารย์เฮอจะยอมรับเธออีก
และเขาเคยเอ่ยไปไกลถึงขั้นชมศาสตราจารย์เฮอโดยการบอกว่ากู้เหนียนจื่อ ‘ชื่นชม’ อีกฝ่ายมาตลอด คำพูดนี้ของเขาทำให้เรื่องนี้ยุ่งยากยิ่งขึ้น
คนเป็นเจ้านายขมวดคิ้วและพูดว่า “ฉันจะโทรหาเฉินหลาย”
เวลาผ่านไปไม่นานเฉินหลายก็รับสาย ก่อนที่ฮัวเฉาเหิงจะพูดอะไร เขาก็ชิงพูดออกมาก่อนว่า “เจ้านาย เหนียนจื่อยังไม่ตื่น แต่ไข้ของเธอลดลงแล้วนิดหน่อย”
“มันเกิดอะไรขึ้น? หวังว่านายจะมีเบาะแสอยู่จริง ๆ” ชายร่างสูงหยุดเดินและมองขึ้นไปบนบ้านของเขาด้วยความโกรธ
เขาหยิบบุหรี่ออกมาแล้วเริ่มอัดควันเข้าไปเต็มปอด
หมอหนุ่มรู้สึกผิดหวังกับสถานการณ์นี้เหมือนกัน “เจ้านาย ผมรับประกันได้เลยว่าไม่มีอะไรผิดปกติกับเธออย่างแน่นอน ผมติดตามอัตราการเต้นของหัวใจและชีพจรของเธอตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันและตรวจเลือดของเธอทุก 2 ชั่วโมงด้วย”
“นายเก็บตัวอย่างเลือดจากเธอทุก 2 ชั่วโมงเหรอ? นายคิดว่าเธอเป็นอะไร ธนาคารเลือดส่วนตัวของนาย? หั่นเธอเป็นชิ้น ๆ แล้วเอาไปเป็นตัวอย่างการทดลองเลยไหมล่ะ” การเสียดสีเล็กน้อยนี้ไม่เหมือนกับนายพลฮัวคนที่เป็นที่รู้จักในเรื่องความสุขุม
เฉินหลายไม่สามารถเถียงเรื่องนี้ได้ เขาปิดหน้าของตัวเองและยอมจำนนต่อคำพูดของอีกคน
ฮัวเฉาเหิงวางสายและโทรหาหยินชือฉงผ่านชุดหูฟังของเขา “ศาสตราจารย์เฮอของโรงเรียนกฎหมายมหาวิทยาลัย B โทรมาครับ เขายืนกรานที่จะพูดกับคุณเป็นการส่วนตัว”
ชายหนุ่มคิดครู่หนึ่งขณะที่เขายืนพิงต้นไม้ มือข้างหนึ่งของเขายังคงคีบบุหรี่เอาไว้ ส่วนมืออีกข้างอยู่ในกระเป๋ากางเกง เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ฉันจะรับสาย”
แม้ว่ากู้เหนียนจื่อจะอยู่กับเขามา 6 ปีแล้ว แต่เขาไม่เคยเลี้ยงดูเธอโดยตรง เขาเป็นผู้ปกครองของเธอในนามเท่านั้น
ในตอนที่รับหญิงสาวมา เธออายุ 12 ปีแล้ว เธอเกือบจะโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว ซึ่งเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับรายละเอียดในชีวิตของเธอ
หยินชือฉง เลขาส่วนตัวของเขาเป็นคนจัดการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของกู้เหนียนจื่อ แต่คราวนี้ปัญหารุนแรงเกินกว่าที่หยินชือฉงจะจัดการได้เพียงลำพัง
ชุดหูฟังบลูทูธของเขามีเสียงดังขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่เชื่อมต่อสาย ในขณะนั้นฮัวเฉาเหิงไม่ได้พูดทันที ส่วนบุคคลที่อยู่ปลายสายก็เงียบไป 1 นาทีเต็มก่อนจะถามว่า “ฉันกำลังพูดกับคุณฮัว ผู้ปกครองตามกฎหมายของกู้เหนียนจื่อหรือเปล่า”
ผู้ปกครองหนุ่มยืนยัน “ใช่ มีอะไร?”
“วันนี้เป็นวันสัมภาษณ์ของกู้เหนียนจื่อ วันที่เราตกลงว่าจะเลื่อนการสอบสัมภาษณ์มาให้” เฮอจือชูกล่าวอย่างเรียบ ๆ ในขณะที่น้ำเสียงของเขาเย็นชา “เธอมาสายอีกแล้ว”
“เธอจะต้องขอเลื่อนอีกสองสามวัน อาการเธอยังไม่ดีขึ้น” ฮัวเฉาเหิงสะบัดขี้เถ้าออกจากบุหรี่ขณะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส
ที่ปลายสาย ศาสตราจารย์หนุ่มรู้สึกหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดกับท่าทีอวดดีของคู่สนทนา “ลาป่วยอีกแล้วเหรอ? อย่าให้มันมากไปหน่อยเลย ฉันให้โอกาสเธอแล้ว ถ้าฉันต้องประนีประนอมยอมความต่อไป มันจะไม่ยุติธรรมกับผู้สมัครคนอื่น ๆ คุณเป็นปกครองของกู้เหนียนจื่อ ฉันกำลังแจ้งให้คุณทราบอย่างเป็นทางการในตอนนี้ว่าเธอไม่มีโอกาสที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนกฎหมายมหาวิทยาลัย B ในฤดูร้อนนี้ เธอต้องไปสมัครที่อื่น” หลังจากพูดจบเขาก็วางสายไปในทันที
คนเป็นผู้ปกครองขมวดคิ้วแล้วยักไหล่ ก่อนที่เขาจะกลับไปที่สำนักงานของเขาเพื่อทำงาน
ไม่กี่วันถัดมา นอกจากจะต้องดูแลกู้เหนียนจื่ออย่างใกล้ชิดแล้ว เขายังต้องจัดการกับตระกูลเฟิงด้วย
และสิ่งต่าง ๆ ก็วนเวียนอยู่เหนือการควบคุม
ฟอร์จูนพาเลส คลับสุดหรูในเมือง C เป็นของลุงของเฟิงอี้ซี ตระกูลหูได้รับผลกระทบจากการกระทำผิดกฎหมายของเฟิงอี้ซีและหูชวนซินในคลับ หมายความว่าครอบครัวหูต้องเผชิญกับค่าปรับจำนวนมาก พวกเขายังเป็นหนี้อีกมากมาย จนธนาคารยกเลิกเงินกู้และส่งจดหมายขอให้ชำระหนี้โดยมีผลทันที ทำให้คนรู้จักธุรกิจ เพื่อนฝูงและญาติต่างก็หลีกเลี่ยงครอบครัวหูเหมือนกับพวกเขาเป็นโรคระบาด
แต่พวกตระกลูเฟิงคงจะสามารถช่วยพวกเขาได้หากพวกเขาเองไม่ได้เดือดร้อนอยู่แล้ว
ตอนนี้ครอบครัวหูไม่มีทางเลือกนอกจากต้องประกาศล้มละลาย ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่มีเงินพอที่จะหาทนายความราคาแพงและมีชื่อเสียงมาประกันตัวหูชวนซินได้
การสืบสวนพบว่าหูชวนซินวางยาและทำร้ายผู้เยาว์หลายครั้ง เขายังได้จัดตั้งซ่องขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้ยาเสพติดอย่างผิดกฎหมาย และมีหลักฐานชัดเจน อย่างน้อยที่สุดเขาจะต้องได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต
ด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ตระกูลเฟิงจึงพังพินาศอย่างสมบูรณ์
ส่วนบริษัทเฟิงถิง โฮม อิมพรูฟเมนท์ของครอบครัวเฟิงถูกตรวจสอบแล้วพบว่ามีบัญชีปลอมเพื่อค้ำประกันเงินกู้ธนาคารของพวกเขา พวกเขายังมีความผิดฐานหลบเลี่ยงภาษีอีกด้วย บริษัทต้องถอดออกจากตลาดหุ้นในขณะนี้ และนอกจากนี้เฟิงกั๋วตงและหูเฉียวเจินยังถูกตัดสินว่ามีความผิดและกำลังจะติดคุก
ส่วนคดีของเฟิงอี้ซีนั้นไม่ร้ายแรงนัก เธอมีความผิดเพียงเสพยาผิดกฎหมายและมียาเสพติดอยู่ในครอบครองมากเกินไป เธอถูกตัดสินจำคุก 3 เดือนและบริการชุมชน 1 ปี
เนื่องจากเธอทำผิดกฎหมาย เธอเลยถูกไล่ออกจากคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัย C ตามกฎของโรงเรียน ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่เรียนจบ
ทรัพย์สินของตระกูลเฟิงรวมไปถึงบัญชีธนาคารถูกยึดคืนและถูกธนาคารระงับตามลำดับ สมาชิกเพียงคนเดียวของตระกูลเฟิงที่ไม่เคยถูกฟ้องร้องหรือถูกจำคุกนั่นก็คือลูกสาวคนโต เฟิงอี้เฉิน ทายาทแห่งโชคลาภหลายล้าน หนึ่งในหญิงสาวที่โชคดีที่สุดที่รอดอยู่ในตอนนี้กลายเป็นขอทานที่ไร้เงินในชั่วข้ามคืน
ซึ่งเรื่องพวกนี้เธอแทบจะทนรับมันไม่ไหว
เป็นเวลาเช้าตรู่ของวันถัดมา เฟิงอี้เฉินมองดูบ้านพักที่เธออาศัยอยู่มานานกว่า 10 ปี ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เธอถือกระเป๋าเดินทางหลุยส์วิตตองใบเล็กไว้ในมือแน่น
“พี่เฉิน พี่ปินกำลังรอคุณอยู่” ชายร่างผอมเพรียวที่มีผมสีบลอนด์ฟอกขาวพูดพร้อมกับยิ้มขณะที่เขาเปิดประตูรถให้เฟิงอี้เฉิน เธอหันไปมองรถด้วยหัวใจที่เบิกบานทันทีเมื่อเห็นเมอร์ซิเดนส์ 700 สีดำ เธอก้าวเข้าไปข้างในรถด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น
“พี่เฉิน พี่ปินบอกผมว่าหัวใจของเขาอยู่กับคุณเสมอ แม้กระทั่งตอนที่เขาแต่งงาน เขาส่งภรรยาขี้โมโหของเขาไปให้คนของเธอแล้วเมื่อวานนี้ พี่เฉิน ตอนนี้คุณเป็นภรรยาของเจ้านายแล้ว ผมหวังว่าคุณจะพูดดีกับผมได้แล้ว”