ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 17 : ลิ้มรสไวน์ (5)
ฝนที่ตกปรอย ๆ ในช่วงเช้าตรู่เริ่มตกหนักขึ้นแล้ว มันจึงทำให้ท้องฟ้าเริ่มมืดลง
ตอนนี้คนไม่กี่คนที่อยู่ตามถนนต่างวิ่งหลบฝนกันจ้าละหวั่น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้หยุดมองอะไรและไม่มีใครให้ความสนใจกับจำนวนรถที่จอดอยู่บนถนนอย่างผิดปกติ
พนักงานของบริษัทเฟิงถิง โฮม อิมพรูฟเมนท์เพิ่งมาถึงอาคารเพื่อทำงานในอีกวัน
ทันใดนั้นกองทหารบังคับใช้กฎหมายได้แสดงหมายค้น พวกเขายึดทรัพย์สินทุกชิ้นที่หาได้ในสำนักงานโดยไม่เสียเวลาอธิบายอะไร
กองทหารใช้เวลาสักพักในการจัดการ จากนั้นสำนักงานของเฟิงกั๋วตงผู้ที่เป็นซีอีโอของบริษัทก็โล่งราวกับถ้ำ ไม่มีอะไรได้รับการยกเว้นจากการตรวจสอบแม้แต่ถังขยะ
ในขณะนั้นเลขานุการและผู้จัดการของบริษัทกระหน่ำโทรหาซีอีโอกันหัวหมุน เมื่อพวกเขาติดต่อเจ้านายได้หลังจากที่โทรศัพท์ของเขาส่งเสียงดังมาเกือบชั่วโมงแล้ว เมื่อได้ทราบข่าว เฟิงกั๋วตงก็ขึ้นรถขับไปที่สำนักงานโดยเร็วที่สุด
“คุณกำลังทำอะไรกัน? นี่เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมายที่เรากำลังดำเนินการอยู่ คุณไม่สามารถบุกเข้ามาและรื้อค้นสถานที่นี้ได้!” ผู้เป็นเจ้าของบริษัทเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ด้วยอารมณ์โกรธจัดขณะที่เขารีบเข้าไปในอาคาร เขาไม่ได้นอนทั้งคืนเพื่อพยายามจัดการความยุ่งเหยิงของลูกสาว แต่สิ่งสุดท้ายที่เขาภาวนาไม่ให้มันเกิดขึ้นก็คือบริษัทของเขาจะต้องถูกโจมตีเหมือนกัน
เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายคนหนึ่งแสดงหมายค้น “ธนาคารกำลังฟ้องคุณในข้อหาฉ้อโกง เรามาที่นี่เพื่อรวบรวมหลักฐาน”
เฟิงกั๋วตงรู้สึกวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่ถูกบีบคั้น เขากำมือที่ชื้นเหงื่อของเขาแน่น ครึ่งชั่วโมงต่อมาผู้บังคับใช้กฎหมายออกจากอาคารพร้อมกับกล่องขนาดต่าง ๆ กัน ในกล่องทั้งหมดนั้นมีเอกสารหลายประเภท รวมถึงฮาร์ดไดรฟ์ของคอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต
คนสุดท้ายที่ออกมาคือซีอีโอของบริษัท ในขณะนั้นเขาถูกควบคุมตัวโดยใส่กุญแจมือไว้ข้างหลัง ในขณะที่เดินออกมา ชายผู้นี้มีสภาพน่าสมเพช ชนชั้นสูงอย่างเขาถูกโค่นลงมาจากหอคอยงาช้างของตน เมื่อเฟิงกั๋วตงปรากฏตัวข้างนอก ในที่สุดนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์แห่งชาติและสื่อสิ่งพิมพ์ออนไลน์ก็รอเขาอยู่ กล้องและโทรศัพท์ต่างดิ้นรนแย่งชิงกันเพื่อให้ได้มุมที่ดีที่สุดสำหรับภาพถ่าย ขณะที่คำถามถูกยิงไปที่ชายวัยกลางคนที่กำลังรู้สึกอับอายขายหน้า ด้วยเหตุนี้ครอบครัวตระกลูเฟิงจึงถูกพาดหัวข่าวที่ได้รับความนิยมอีกเรื่องหนึ่งให้กับมวลชนที่กำลังกระหายดราม่า
ในเวลาเดียวกันฮัวเฉาเหิงนั่งอยู่ในรถเก๋งไครสเลอร์ซึ่งจอดอยู่ตรงข้ามกับอาคาร เขามองดูภาพตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ เมื่อทุกคนถูกพาตัวออกไปแล้ว เขาจึงพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งว่า “ไปกันเถอะ”
ในช่วงบ่าย ใบสมัครของบริษัทเฟิงถิง โฮม อิมพรูฟเมนท์เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ถูกปฏิเสธอย่างเป็นทางการโดย CSRC[1] นอกจากนี้ธนาคารได้ขอให้บริษัท เฟิงถิง โฮม อิมพรูฟเมนท์ชำระคืนเงินกู้โดยมีผลทันที
โทรศัพท์ของตระกูลเฟิงดังขึ้นไม่หยุดหย่อน ทำให้จิตใจของคนในบ้านดำดิ่งลงไป
หูเฉียวเจินเพิ่งกลับถึงบ้านพร้อมกับพี่น้องของเธอและทนายความหยาน เธอแทบไม่มีเวลาแม้แต่จะดื่มน้ำ เฟิงอี้เฉิน ลูกสาวคนโตของเธอเข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าที่ดูซีดราวกับศพและโทรศัพท์ในมือ เธอพูดว่า “ม้าคะ เราจบเห่แล้ว”
ทนายหยานถามทันที “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ? ผมคุยกับตำรวจเกี่ยวกับน้องสาวคุณแล้ว พวกเขาจะปล่อยตัวเธอเมื่อเสร็จสิ้นการสืบสวน”
“มันไม่เกี่ยวกับอี้ซี มันเกี่ยวกับบริษัทของเรา” หญิงสาวกล่าว โทรศัพท์ในมือของเธอสั่นก่อนจะตกลงกับพื้นด้วยเสียงอันดังก้อง
หลังจากนั้น หูเฉียวเจินรู้สึกกังวลในขณะที่เดินทางไปที่สถานีตำรวจเพื่อไปรับตัวเฟิงกั๋วตง แต่ก่อนที่เธอจะได้ทันตั้งตัว ตำรวจหญิงสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วประกาศว่าเธอได้ปลอมแปลงบัญชีสำหรับกู้เงินธนาคาร ตำรวจจึงจับกุมเธอทันที หูเฉียวเจินเป็นผู้อำนวยการด้านการเงินของบริษัท ตลอดจนเป็นตัวแทนทางกฎหมาย ความผิดทางกฎหมายของเธอจึงมากกว่าเฟิงกั๋วตงผู้เป็นสามีของเธอ
นอกจากนี้ยังมีการซื้อบ้านของครอบครัวภายใต้ชื่อบริษัทอีกด้วย ตอนนี้บริษัทกำลังจะล้มละลายแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานบ้านจะถูกธนาคารยึดไปด้วย
ในขณะที่ตระกูลเฟิงยังคงสั่นคลอนจากชะตากรรมของพวกเขา ฮัวเฉาเหิงได้กลับไปที่ฐานทัพอย่างเงียบ ๆ แล้ว
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ฝนข้างนอกยังคงตกอยู่แต่คลื่นลมก็สงบลงจนเหลือแค่ฝนตกปรอย ๆ
ชายหนุ่มร่างสูงไม่มีร่ม เขาเดินไปที่ห้องพักคนเดียว ทำให้ผมของเขาเปียกชื้นเพราะฝน หยดน้ำเปล่งประกายบนเส้นผมของเขา ความเศร้าโศกในยามเย็นทำให้ใบหน้าเคร่งขรึมของเขาเด่นชัดขึ้นและเสริมความงามอันน่าทึ่งของเขาไปอีก
เจ้าหน้าที่หญิงหลายคนส่งสายตามาทางเขาขณะเดินทางกลับบ้าน
แต่นายพลหนุ่มไม่ได้สังเกตเห็นเลย เมื่อถึงบ้านของเขา เขาก็ตรงไปที่ห้องน้ำ หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเริ่มเป่าผมให้แห้ง
หลังจากได้ยินเสียงคนเข้ามาในบ้าน เฉินหลายก็ออกมาจากห้องนอนที่กู้เหนียนจื่อยังคงนอนอยู่ เขาเห็นว่าเจ้านายกลับมาแล้วและไม่รอให้อีกฝ่ายถามคำถามที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขายกมือขึ้นทันทีและพูดว่า “ไม่ เธอยังไม่ตื่น แล้วไข้ก็ไม่หายด้วย”
ฮัวเฉาเหิงกัดริมฝีปากของตัวเอง เขาทิ้งผ้าเช็ดตัวแล้วเดินไปที่ห้องนอน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาก้าวเข้ามาในห้องนอนของตัวเองในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ตอนนี้ไฟยังคงเปิดอยู่ หมอหนุ่มลืมปิดมันก่อนออกจากห้อง ข้างเตียงมีเสาน้ำเกลือ โดยมีหญิงสาวนอนอยู่บนเตียงนิ่ง แขนบางวางอยู่บนผ้าห่มสีม่วงเข้ม เข็มน้ำเกลือติดอยู่ที่หลังมือ เมื่อเห็นอย่างนั้นใบหน้าของผู้ปกครองหนุ่มก็ว่างเปล่า เขานั่งบนขอบเตียงและแตะหน้าผากของกู้เหนียนจื่อแล้วรีบดึงมือกลับ
หน้าผากของเธอร้อนมาก ถึงอย่างนั้นใบหน้าของคนที่ยังไม่ได้สติก็ไม่มีอาการหน้าแดงอย่างที่มักพบในผู้ป่วย เธอกำลังนอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง ผิวของเธอซีดราวกับกระดาษ ขนตาแพหนาของเธอมีสีเข้มราวกับปีกนกและพัดกระดาษเล็ก ๆ ดวงตาโตที่มักจะมีชีวิตชีวาของเธอปิดสนิท
ชายหนุ่มถูกถาโถมด้วยความคิดถึง เขาอยากเห็นขนตายาวของกู้เหนียนจื่อกะพริบไปมาอีกครั้ง แบบที่เธอทำทุกครั้งที่เธอคุยกับเขา
แม้ว่ามันจะเป็นการสนทนาเพียงฝ่ายเดียวเกือบทุกครั้ง โดยฮัวเฉาเหิงจะตอบกลับอย่างไม่เต็มใจเป็นส่วนใหญ่ ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่เคยเบื่อหน่ายกับมันเลย เธอสนุกกับการพูดคุยกับเขา แม้ว่าจะฟังดูเหมือนเธอกำลังพูดกับตัวเองก็ตาม
ตอนนี้สาวน้อยตัวเล็ก ๆ ที่เคยน่ารักและเต็มไปด้วยความสดใสนอนหมดสติอยู่บนเตียง มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าชะตากรรมอันน่าสะพรึงกลัวกำลังรอเธออยู่
ผู้ปกครองหนุ่มยืนขึ้น พลางขมวดคิ้วและเดินออกจากห้องนอนไป
เวลาไม่เคยอยู่ข้างเดียวกับเขา เขาจะต้องไปรายงานต่อกองทัพหากกู้เหนียนจื่อไม่ดีขึ้น
ทันทีที่เขาเดินออกจากห้องนอน หูฟังบลูทูธของเขาก็เริ่มส่งเสียง
สายที่โทรเข้ามาคือเจี้ยวเลี่ยงจื่อ
“ท่านครับ หูชวนซินบอกว่าเขาซื้อ H3aB7 มาจากผู้หญิงชาวญี่ปุ่น ซึ่งหมายความว่าเราต้องจัดการกับกองกำลังที่เป็นศัตรูจากนอกประเทศ เรื่องนี้จึงอยู่ภายใต้เขตอำนาจของกองทัพภาคที่ 6 เรามีส่วนร่วมแล้วครับ ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตาม หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่สถานีตำรวจได้ติดต่อฐานปฏิบัติการพิเศษแล้ว พวกเขาบอกว่าพวกเขาจะย้ายหูชวนซินมายังสำนักงานสอบสวนของเราโดยเร็วที่สุด” ในระหว่างที่เลขาหนุ่มตรวจสอบระบบติดตาม GPS จู่ ๆ เขาก็ชะงักไป จากนั้นเขาก็พูดว่า “พวกเขากำลังเดินทางแล้วครับ”
หูชวนซินถูกปิดตาและถูกนำตัวไปที่ห้องสอบสวนพิเศษที่ฐานทัพปฏิบัติการพิเศษเมือง C
หน่วยปฏิบัติการพิเศษเป็นเจ้าหน้าที่ของกฎหมายสูงสุด ดังนั้นตำรวจของเมือง C จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้วิธีการใด ๆ ที่ถือว่ารุนแรงเพื่อให้หูชวนซินเปิดปากพูด
แต่ถึงอย่างนั้น ตำรวจก็ยังเข้าใจว่าหูชวนซินกำลังซ่อนอะไรบางอย่างและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกองกำลังที่เป็นศัตรูจากต่างประเทศ ตำรวจจึงโยนเขาไปให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษเพื่อจัดการกับเรื่องนี้ทันที
“มันยังปิดบังอะไรอยู่หรือเปล่า” หยินชือฉงและเจี้ยวเลี่ยงจื่อรีบไปที่ประตูห้องสอบสวนพร้อมกับรอยยิ้มประชดประชันบนใบหน้าของพวกเขา “มันสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติเพื่อก่อความไม่สงบให้เพื่อนร่วมชาติ เราไม่ต้องใจดีกับเศษสวะทรยศอย่างมันหรอก!”
ฮัวเฉาเหิงเดินเข้ามา ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมและร่างกายทั้งหมดของเขาดูเหมือนจะเปล่งประกายออร่าที่เยือกเย็นไร้ความปราณี
ตอนนี้แม้แต่คนที่อยู่ในห้องประตูถัดไปก็รู้สึกว่าขนลุกไปทั้งตัว
ครั้งสุดท้ายที่นายพลฮัวดูน่าขนหัวลุกคือเมื่อประเทศหนึ่งได้สังหารหมู่ลูกหลานของผู้อพยพจากจักรวรรดิอย่างไม่เลือกหน้า
จักรวรรดิไม่ได้ให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ แต่กองกำลังปฏิบัติการพิเศษได้ถูกส่งไปยังประเทศนั้นในคืนหนึ่ง หลังจากนั้นรัฐบาลของประเทศนั้น ๆ ถูกบังคับให้ดำเนินการพิธีทางศาสนาในวงกว้างเพื่อปลอบโยนและสวดส่งวิญญาณของเหยื่อการสังหารหมู่นี้และเพื่อเป็นการขอโทษ
คราวนี้รังสีที่ไร้ความปราณีรอบ ๆ ตัวนายพลฮัวน่ากลัวกว่าที่เคยเป็นเมื่อครั้งนั้น
[1] CSRC คือ คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์จีน