ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 13 : ลิ้มรสไวน์ (1)
“เฟิงอี้ซี?” นิ้วของฮัวเฉาเหิงเคาะโต๊ะประชุมสองสามครั้ง ก่อนจะพูดเสียงเบาในชุดหูฟังบลูทูธของเขา “ส่งทุกอย่างที่นายสามารถขุดหาข้อมูลของเฟิงอี้ซี เพื่อนร่วมชั้นของกู้เหนียนจื่อได้มาให้ฉัน”
เพื่อนร่วมชั้นของกู้เหนียนจื่อเคยถูกตรวจสอบภูมิหลังมาแล้วครั้งหนึ่งก่อนที่เธอจะย้ายไปมหาวิทยาลัย C เมื่อ 2 ปีก่อน เธอได้รับสิทธิ์ให้เรียนที่นั่นก็ต่อเมื่อเพื่อนร่วมชั้นของเธอทุกคนได้รับการตรวจสอบแล้วว่าเป็นพลเมืองธรรมดาและปฏิบัติตามกฎหมาย
ในไม่ช้าฐานข้อมูลของนายพลหนุ่มได้อัพโหลดข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดเกี่ยวกับครอบครัวเฟิงและฉายลงบนหน้าจอในห้องประชุม
ฮัวเฉาเหิงเล่นเหรียญทองในมืออย่างเกียจคร้านขณะที่เขาอ่านข้อมูล ดวงตาสีเข้มของเขาหรี่ลง “ไม่มีหลักฐาน? หมายความว่ายังไงไม่มีหลักฐาน?”
“แน่นอนว่าเราไม่มีหลักฐาน เรามีเพียงสิ่งที่เหนียนจื่อบอกเราเท่านั้น และเธออาจจำอะไรไม่ได้หลังจากที่เธอตื่นขึ้น เราต้องการหลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้นะเจ้านาย!” เฉินหลายเตือนอีกฝ่าย
มุมปากของคนเป็นผู้ปกครองยกขึ้น เขากระแทกเหรียญทองลงบนโต๊ะประชุมและยืนขึ้นพร้อมกับพูดว่า “นายลืมหลักฐานที่ใหญ่ที่สุดของเราไปแล้วหรือไง? H3aB7”
หมอหนุ่มเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่เอกสารของครอบครัวเฟิงที่ปรากฏบนหน้าจอ เขาตบหน้าผากของตัวเองพลางตอบว่า “คุณพูดถูก! ผมลืมไปได้ยังไง”
ฮัวเฉาเหิงกอดอกเดินไปที่หน้าจอ เสื้อยืดสีดำของเขาควรจะพอดีตัว แต่มันกลับแน่นขึ้นเพราะกล้ามเนื้อหน้าอกของเขาที่เผยออกมาให้เห็นอยู่ใต้เนื้อผ้า
“ฉันจำได้ว่าได้ยินนายพูดถึงยาตัวนี้ครั้งหนึ่ง นายบอกว่าตามข้อมูลมันคือยาที่มีศักยภาพสูง โดยปกติแล้วฉันต้องการใช้มันกับกลุ่มผู้ชายของเราในการฝึกฝน แต่นายบอกว่านายไม่สามารถหามันให้ฉันได้เพราะมันหายากมาก นายยังบอกด้วยว่าแม้แต่ในญี่ปุ่น มีเฉพาะผู้มีเกียรติระดับสูงเท่านั้นที่จะได้สนุกกับมัน” ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ตรงหน้าจอ
เฉินหลายพยักหน้า “ถูกต้อง เพราะงั้น…”
“บอกผมทีว่าเราจะทำยังไงกับตระกูลเฟิง เฟิงอี้ซีซื้อยานี้มาได้ยังไง”
ตระกูลเฟิงอาจเล่นสกปรกในสายตาของคนส่วนใหญ่ แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาเป็นเพียงนักธุรกิจที่ร่ำรวย ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้จริง ๆ
H3aB7 ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถซื้อได้ด้วยเงินเพียงอย่างเดียว แม้แต่เฉินหลายซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ระดับสูงที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษก็ไม่เคยได้รับของจริงเลย มีเพียงข้อมูลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เฟิงอี้ซีซึ่งเป็นเพียงนักศึกษาปีสุดท้ายในวิทยาลัยสามารถเอามันมาได้ยังไง?
นายพลหนุ่มหันไปอีกทาง เป็นอีกครั้งที่เขาสั่งการผ่านหูฟังบลูทูธ “เจี้ยวเลี่ยงจื่อ ให้คนตรวจสอบว่าเฟิงอี้ซี เพื่อนร่วมชั้นของกู้เหนียนจื่อทำอะไรก่อนและหลังงานเลี้ยงวันเกิดของเธอ เมื่อวานนี้ตอนเย็นเธอพบใคร ทำอะไร สิ่งที่เธอพูด ทุกสิ่งทุกอย่าง นายมีเวลาครึ่งชั่วโมงในการรวบรวมรายงานฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาของเธอ”
เจี้ยวเลี่ยงจื่อเป็นเลขาส่วนตัวอีกคนของฮัวเฉาเหิง เขาเป็นคนพิถีพิถัน รอบคอบ และมีความจำเป็นเลิศ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ และมักจะช่วยฮัวเฉาเหิงดูแลเรื่องที่เป็นความลับอีกด้วย
ชายหนุ่มตอบรับคำสั่งของเจ้านายแล้วตัดสายไป
เฉินหลายชูนิ้วโป้งให้อีกฝ่ายด้วยความชื่นชม “เจ้านายเก่งอีกแล้ว! ไม่มีอะไรหลุดรอดจากคุณไปได้!”
ชายร่างสูงสอดเหรียญทองบนโต๊ะเข้าไปในกระเป๋ากางเกงลายพรางของเขา “ไปกันเถอะ เราจะรู้ว่าตกลงเหตุการณ์มันเป็นยังไงเมื่อเราได้ข้อมูลจากเจี้ยวเลี่ยงจื่อ”
ผู้เป็นหมอเดินตามหลังเจ้านายไปแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าเฟิงอี้ซีวางยาเธอได้ยังไง แล้วปริมาณยาก็เยอะด้วยสิ”
มีบางอย่างปั่นป่วนอยู่ภายในตัวของฮัวเฉาเหิง เขาไม่สามารถบอกได้ชัดเจน แต่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขากลับไปที่ชั้น 3 แล้วมองไปที่ประตูห้องนอนแต่ไม่สามารถพาตัวเองเข้าไปในนั้นได้
ซึ่งต่อมาเขาได้รับการช่วยเหลือจากสายเข้าของหยินชือฉง “ท่านครับ การสัมภาษณ์ของคุณกู้ถูกเลื่อนออกไปเป็นเวลา 3 วันนับจากนี้ และต้องเข้าสัมภาษณ์ในเวลา 8 โมงเช้า”
นายพลหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “เข้าใจแล้ว ตอนนี้ฉันต้องการให้นายไปรายงานตัวที่ห้องประชุมเล็กทันทีที่นายกลับมา”
เขาหันมาพูดกับเฉินหลายว่า “จับตาดูเธอไว้ ฉันมีเรื่องต้องจัดการ” เสร็จแล้วเขาก็เดินออกไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งหยินชือฉงและเจี้ยวเลี่ยงจื่อก็เดินเข้าไปในห้องประชุมขนาดเล็กเพื่อพบกับเจ้านายของพวกเขา
เจี้ยวเลี่ยงจื่อยืนอยู่ตรงหน้าหน้าจอและนำเสนอสิ่งที่เขาค้นพบ
“ไม่มีอะไรน่าสงสัยเป็นพิเศษเกี่ยวกับพฤติกรรมของเฟิงอี้ซีในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา นอกเหนือจากความจริงที่ว่าเธอซื้อแหวนเพชรรูปลูกแพร์สีเหลืองจากลูกพี่ลูกน้องของเธอในราคา 1 ล้านหยวน”
ภาพถ่ายของแหวนเพชรรูปลูกแพร์ปรากฏบนหน้าจอ ฮัวเฉาเหิงจ้องไปยังส่วนที่ยื่นออกมาตรงกลางแหวนเพชรรูปลูกแพร์แล้วพูดว่า “ซูมเข้าไปที่แหวน”
วงแหวนบนหน้าจอขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดทุกร่องรอยก็มองเห็นได้ชัดเจน มันค่อนข้างน่าขนลุกเวลาเห็นรายละเอียดในภาพถ่ายที่มีความละเอียดสูง
“ตอนนี้แหวนเพชรอยู่ที่ไหน”
“ยังคงอยู่ที่นิ้วของเฟิงอี้ซีครับ” เจี้ยวเลี่ยงจื่อกล่าวขณะที่ดึงรูปของเฟิงอี้ซีขึ้นมา ในนั้นเธอกำลังก้าวลงจากรถสีดำ มือซ้ายวางอยู่บนประตูที่เปิดอยู่ ที่นิ้วกลางข้างซ้ายของเธอคือแหวนเพชรรูปลูกแพร์สีเหลืองที่เห็นได้อย่างชัดเจน
“ภาพนี้ถ่ายเมื่อ 15 นาทีที่แล้ว เมื่อเธอกลับบ้านหลังจากเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยครับ” เลขาหนุ่มกล่าว
“สัมภาษณ์เหรอ?” ผู้เป็นเจ้านายถามด้วยความประหลาดใจ “สัมภาษณ์อะไร”
“เฟิงอี้ซีและคุณกู้ต่างก็สอบเข้าระดับปริญญาโทสำหรับโรงเรียนกฎหมายของมหาวิทยาลัย B คุณกู้อยู่อันดับหนึ่ง ส่วนเฟิงอี้ซีอยู่อันดับสอง” ชายหนุ่มตอบก่อนจะเหลือบไปสบตากับเลขาอีกคน
หยินชือฉงเล่าว่ากู้เหนียนจื่อไม่ได้ไปสัมภาษณ์ในเช้าวันนั้น และนายพลฮัวได้ขอให้เขาช่วยจัดเตรียมการลาป่วยแทนเธอโดยเฉพาะ เขาหันไปหาฮัวเฉาเหิงและถามว่า “ท่านครับ คุณกู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดนี้หรือเปล่า?”
ฝ่ายที่ถูกถามไม่ตอบ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมเมื่อเขาออกคำสั่ง “สืบต่อไป ค้นหาว่าลูกพี่ลูกน้องของเฟิงอี้ซีได้แหวนมาจากไหน” พูดจบเขาก็หยิบแฟลชไดรฟ์ที่มีข้อมูลทั้งหมดจากเจี้ยวเลี่ยงจื่อเดินออกไปหาเฉินหลาย
คนเป็นหมอนำแฟลชไดรฟ์จากเขาและโอนข้อมูลทั้งหมดไปยังแล็ปท็อปของเขาทันทีแล้วเริ่มวิเคราะห์แหวน
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นแหวนด้วยตาของตัวเองมาก่อน แต่ก็สามารถคำนวณขนาดที่แท้จริงของแหวนได้โดยใช้ภาพถ่ายความละเอียดสูง ซึ่งหมายความว่ายังเป็นไปได้ที่จะตรวจสอบได้ว่าส่วนที่ยื่นออกมาที่ด้านบนของวงแหวนอาจมีของเหลวมากน้อยเพียงใด
1 ชั่วโมงต่อมา เฉินหลายได้ปิดโปรแกรมที่ทำการคำนวณที่ซับซ้อนบนแล็ปท็อปของเขา “ปริมาณตรงกับปริมาณของ H3aB7 ที่ฉีดเข้าไปในตัวกู้เหนียนจื่อเมื่อวานนี้” เขาขยี้ตาแดงก่ำพลางเงยหน้าขึ้นมองไปที่ฮัวเฉาเหิง “มันเป็นเหล็ก คือเธอแน่นอน”
“ฉันรู้ แต่เธออาจจะเป็นแค่หุ่นเชิด อาจมีใครบงการเธออยู่เบื้องหลังก็ได้” นายพลหนุ่มเปลี่ยนเป็นชุดทหารของเขา เขาสวมถุงมือหนังสีดำแบบไม่หุ้มนิ้ว เขาไปที่สนามยิงปืนเพื่อฝึกยิงปืน
แพทย์หนุ่มไม่พูดอะไร ตอนนี้เขามีความไม่สบายใจเหมือนกับเจ้านายของเขา
ยามค่ำคืนได้ล่วงไป แสงยามเย็นสว่างไสวที่ฟอร์จูนพาเลส คลับสุดหรูของเมือง C ข้างในนั้นมีชายหญิงที่แต่งตัวดีกำลังหัวเราะและพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
คลับแห่งนี้ครอบครองทั้ง 5 ชั้นบนสุดของอาคารสูงระฟ้า ที่ชั้นบนสุด ในห้องส่วนตัวตรงปลายสุดของทางเดิน ชายหนุ่มที่แต่งตัวดีมีอาการมึนเมามากจนแทบจะเดาไม่ออกว่ากำลังคุยกับใครอยู่ เขาพึมพำอย่างคลุมเครือ “คุณต้องการ H3aB7 อย่างนั้นเหรอ? มันหาไม่ได้ง่าย ๆ นะ”
“เท่าไหร่? บอกราคามาสิ” ชายอ้วนหน้ามันพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโลภ “ผมมีปัญญาจ่าย!”