ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 12 : หลักฐาน
เฮอจือชูเอนตัวลงบนเก้าอี้สำนักงานด้านหลังโต๊ะ แล้ววางมือข้างหนึ่งบนที่วางแขน ก่อนจะเอื้อมแขนอีกข้างหนึ่งออกมา เขาสแกนใบรับรองแพทย์และรายงานการวินิจฉัย พร้อมกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “เธอป่วยจริงเหรอ?”
“แน่นอนครับ ทำไมเราถึงต้องโกหกเรื่องนี้ด้วยล่ะ” หยินชือฉงกางฝ่ามือออกและทำหน้าเศร้า “เหนียนจื่อของเราเป็นคนที่ทำคะแนนได้อันดับต้น ๆ ของชั้นเรียนของเธอ ทำไมเธอไม่มาถ้าเธอไม่ป่วยจริง ๆ”
อาจารย์หนุ่มเงยหน้ามองเขา มุมตาแคบ ๆ ของเขายกขึ้นเล็กน้อย “…จริงเหรอ?”
หยินชือฉงรู้ว่าเฮอจือชูไม่ได้เป็นเพียงที่ปรึกษากฎหมายและศาตราจารย์ที่เก่งที่สุดในมหาวิทยาลัย B นอกจากนี้เขายังเป็นนักศึกษาชั้นนำที่จบกฎหมายจากเยล (Yale School of Law), ศาสตราจารย์ประจำที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard School of Law) และเป็นหุ้นส่วนในสำนักงานกฎหมายชั้นนำในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
บุคคลดังกล่าวจะไม่เชื่อถือคำพูดใครง่าย ๆ หรอก
ดังนั้นเขาจะไม่ชักแม่น้ำทั้ง 5 มาพูดกับผู้ชายคนนี้ แต่จะใช้วิธีอื่นเพื่อประจบประแจงเขา “ศาสตราจารย์เฮอครับ เหนียนจื่อของเราชื่นชมคุณตั้งแต่เธอยังเด็กและต้องการสมัครเป็นนักศึกษาระดับปริญญาโทของคุณมานานแล้ว เมื่อเธอรู้ว่าคุณจะเป็นคนสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง เธอตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับหลายคืน! คุณคงไม่อยากทำลายความหวังของนักเรียนต้นแบบได้ลงคอใช่ไหมครับ”
หางตาของอาจารย์หนุ่มกระตุกสองครั้ง เขาปิดเอกสารของเหนียนจื่อและบอกว่า “ไม่ต้องมาประจบหรอก ยังไงก็ตามฉันจะให้โอกาสกู้เหนียนจื่ออีกหนึ่งครั้งเพราะเธอคือนักเรียนอันดับหนึ่งของชั้นเรียน ให้เธอมาสัมภาษณ์ในอีก 3 วันต่อจากนี้ หลังจากนั้นฉันจะไม่สนข้ออ้างอะไรทั้งสิ้น”
เลขาหนุ่มดีใจมากและยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว “ไม่มีปัญหาครับ! เราจะมาพบคุณภายใน 3 วันอย่างแน่นอน!”
…
ในขณะนั้นที่ฐานทัพปฏิบัติการพิเศษเมือง C อี้ซี่ถานได้ออกไปแล้ว เฉินหลายกำลังรออยู่ในห้องนอนของฮัวเฉาเหิงเพียงลำพังและเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์ของเขา
กู้เหนียนจื่อยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ข้างเขา
เมื่อดูผลเลือดที่พิมพ์ใหม่ของเธอ หมอหนุ่มก็พิจารณาอย่างระมัดระวัง
เลือดของหญิงสาวนั้นสะอาดเอี่ยมและผลกระทบด้านลบทั้งหมดที่เกิดโดย H3aB7 ในร่างกายของเธอได้หมดไปแล้ว
เขาอ่านข้อมูลในขณะที่เขาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ H3aB7 ที่เขารวบรวมไว้ก่อนหน้านี้และส่ายหัวด้วยความกลัว
นายพลฮัวก็คือนายพลฮัวอย่างแท้จริง นี่มันเหลือเชื่อมาก…
เฉินหลายฮัมเพลงและหยิบกล่องยาเดินออกจากห้องนอน เขาพูดกับฮัวเฉาเหิงซึ่งนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ในห้องนั่งเล่นว่า “เจ้านาย เมื่อคืนนี้คุณลำบากมาก มาให้ผมทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียดหน่อย” เขาพับแขนเสื้อขึ้น ดึงหูฟังมาคล้องคอและถือเครื่องวัดความดันโลหิตในมือขณะเดินไปหาอีกคน
บนโต๊ะตรงหน้าชายร่างสูงเป็นจานขนมปังเนื้อขนาดใหญ่ จานสเต็กหายาก ชามข้าวต้มธัญพืช จานเบคอนทอด กุ้งทอดและชามมันฝรั่งบดกับชีส อาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่มีแคลอรีสูงและมีโปรตีนสูงมาก
เขาวางช้อนส้อมลงและยื่นแขนไปให้คนเป็นหมอตรวจ
หลังจากผ่านไป 1 นาที เฉินหลายก็พบว่าอีกฝ่ายปกติมาก
เขาไม่มีอาการหายใจไม่สะดุด หายใจลำบากหรือเหงื่อออก ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจก็เป็นปกติและใบหน้าเขาก็ดูไม่ซีดลงเลย
ไม่เหมือนคนที่ออกแรงอย่างหนักไปเมื่อคืนก่อนเลยสักนิด..
“…เจ้านาย ของที่ผมให้ไปเมื่อวานอยู่ที่ไหน? ใช้หมดแล้วเหรอ?” แพทย์หนุ่มเก็บเครื่องวัดความดันโลหิตและหูฟังของเขาออกไปพร้อมแกล้งทำเป็นถามอย่างไม่ใส่ใจ
คนถูกถามชี้ไปทางห้องนอน “มันอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงตรงนั้น”
เฉินหลายรีบเดินไปที่ห้องนอนและหยิบกล่องที่อยู่โต๊ะข้างเตียงขึ้นมา
ภายในมีถุงยางอนามัยที่ยังไม่ได้ใช้จำนวน 20 ชิ้น ซึ่งหมายความว่าฮัวเฉาเหิงไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยเลยแม้แต่อันเดียว
ใบหน้าของชายหนุ่มใส่แว่นเปลี่ยนไปด้วยสีหน้าที่หลากหลายในชั่วพริบตา “โอ้ พระเจ้า บ้าไปแล้ว”
นี่มันเหลือเชื่อมาก!
ถุงยางอนามัยทั้งหมดยังอยู่ในนั้น!
เขาไม่ใช่มนุษย์!
เฉินหลายยืนมึนงงอยู่ในห้องนอนครู่หนึ่งก่อนที่จะคว้า iPad ของเขาและเดินออกไปข้างนอก เขามองไปยังชายที่อยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างประหลาดใจและถามด้วยน้ำเสียงที่เบาลง “…..เจ้านาย คุณพูดจริงเหรอ…?”
ทหารหนุ่มพยักหน้าอย่างเฉยเมย “ฉันไม่เคยเสแสร้ง”
ผู้เป็นหมอพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้หยดเหงื่อที่ปลายจมูกหยดลงบนพื้น “ผมเชื่อ! ผมเชื่อแล้ว!”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็แตะที่ iPad ของเขาเพื่อป้อนข้อมูล เขาแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและถามว่า “…คุณทำกี่ครั้ง? คุณไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยเลยสักชิ้น…”
“…” ชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบ
ไม่อยากจะฟังคำถามที่น่าหัวเราะดังกล่าว ฮัวเฉาเหิงหรี่ตาลงและไม่ตอบ เขาปาดสเต็กเนื้อที่สุกปานกลางชิ้นใหญ่เข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างระมัดระวัง
เฉินหลายไม่ได้รับคำตอบหลังจากเงียบไปนานและรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย เขาเอนตัวลงข้างอีกคนและพึมพำ “…เจ้านาย บอกผมเกี่ยวกับประสบการณ์ของคุณหน่อยสิ คุณควรแบ่งปันเรื่องดี ๆ กับเพื่อนสนิทของคุณจริงไหม”
“ประสบการณ์อะไร” ทหารหนุ่มร่างสูงแทบกลืนอาหารไม่ลงเมื่อได้ยินคำถามนี้และวางช้อนส้อมลง เขาหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ดปากแล้วยืนขึ้นเพื่อคว้า iPad จากมือของอีกฝ่ายมา
“นายกำลังบันทึกอะไรกันแน่” คิ้วหนาของเขาขมวดอีกครั้ง
ถ้าเขาตาไม่ฝาด เจ้าของ iPad ได้บันทึกอาหารทั้งหมดในมื้ออาหารของเขาไว้ด้วย
หมอหนุ่มหน้าแดงเล็กน้อย แต่พูดอย่างจริงจังว่า “ผมแค่ทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์เพื่อดูว่าอาหารของคุณมีผล.. ตามธรรมชาติหรือเปล่า”
ฮัวเฉาเหิงเหลือบมองเขาแล้วโยน iPad กลับ เขาไม่ได้แบ่งปันประสบการณ์หรือเยาะเย้ยอีกฝ่าย จากนั้นก็ชี้ไปที่อาหารเช้าบนโต๊ะ “กินทั้งหมดนี้ให้หมดและไปฝึกกับคนอื่น ๆ ที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษทุกเช้า ฉันคิดว่านายมีเวลาว่างมากเกินไป”
เฉินหลายมองไปที่อาหารแคลอรี่สูงและโปรตีนสูงในอาหารเช้าของเจ้านายด้วยความไม่พอใจ เขามุ่ยหน้ามองแผ่นหลังของเจ้าบ้านขณะที่อีกฝ่ายเดินออกจากห้อง แล้วนั่งลงทานอาหารเช้าตามคำสั่ง
ทันทีที่เขาได้ทานอาหารเสร็จ ฝานเจี้ยนก็เดินเข้ามาหาเขาแล้วบอกว่า “หมอเฉิน หัวหน้ากำลังรอพบคุณในห้องประชุมเล็ก”
“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้เป็นหมอคว้าบันทึกการประชุมของเขาและมุ่งหน้าไปยังห้องประชุมขนาดเล็กทันที
ห้องประชุมขนาดเล็กอยู่ในห้องใต้ดินของห้องพักของฮัวเฉาเหิง
เฉินหลายเดินเข้าไปและเห็นฮัวเฉาเหิงนั่งอยู่คนเดียวที่หัวโต๊ะรูปวงรี
“เจ้านาย?” คนที่ถูกเรียกตัวเข้ามาและปิดประตูห้องประชุมขนาดเล็กทันที
“นั่งลง” นายพลหนุ่มชี้ไปยังที่นั่งตรงข้ามเขา น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำมาก “ฉันเรียกนายมาเพราะฉันต้องการถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เหนียนจื่อโดนวางยา เมื่อคืนฉันไม่สามารถไปไหนได้ แต่ฉันต้องการให้นายบอกฉันทุกอย่างในวันนี้”
ใครก็ตามที่กล้ายุ่งกับคนของเขาย่อมมีต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง
“เราต้องตรวจสอบเหตุการณ์นี้อย่างละเอียดก่อน” สีหน้าของเฉินหลายเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “โดยสรุปแล้วเหนียนจื่อไปเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนร่วมชั้นของเธอและถูกเข็มแทงที่นั่น”
“แน่ใจนะว่าเป็นเข็ม”
“น่าจะเป็นเข็ม มันเป็นสิ่งที่มีรูปร่างเหมือนเข็ม ก่อนที่เหนียนจื่อจะหมดสติ เธอก็บอกผมด้วยว่าเธอรู้สึกเจ็บ ๆ จากด้านหลัง ผมตรวจสอบเธอและพบว่าไหล่ขวาของเธอมีรูเล็ก ๆ และตรงนั้นมีความเข้มข้นของยาสูงกว่าที่อื่นในร่างกายของเธอมาก เพราะงั้นมันต้องถูกแทงไหล่”
“หึ น่าประทับใจ” ผู้ปกครองหนุ่มเคาะโต๊ะพลางถามต่อว่า “เธอรู้ไหมว่าใครเป็นคนทำ?”
“เธอคิดว่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอ เฟิงอี้ซี” เฉินหลายดันแว่นของเขาขึ้นซึ่งกำลังจะเลื่อนลงมาที่สันจมูกของเขา “แต่เราไม่มีหลักฐานเลยแม้แต่น้อย”